Group Blog
 
 
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

[ ป า ย - เ ชี ย ง ใ ห ม่ ] รั ก ฤ ๅ ผู ก พั น . . . ก็ เ จ็ บ ป ว ด เ ท่ า กั น # ๖ #

**คำเตือน** 


เรื่องนี้ . . .





เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิง





ไม่เกี่ยวข้องกับ  บุคล  แต่อาจเกี่ยวพันกับสถานที่ 





หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในบรรณภิภพนี้





ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมากถึงมากที่สุด





ปล. เป็นเรื่องแต่งมิได้เกี่ยวข้องใด ๆ ต่อ เจ้าของบล๊อก













ต อ น ที่  ๖







Free TextEditor


เรื่องที่ผมเล่า . . . มันอาจจะไม่น่าสนใจ

แต่ . . .

สำหรับผม นี่คือส่วนนึงของชีวิตผม


คือจุดเปลี่ยนชีวิตของคนสองคน และอาจหมายถึงอีกหลาย ๆ คนที่จะตามมาอีก ผมดีใจนะ ที่ในความคิดเลว ๆ ของผม ผมยังสามารถทำให้อีกคนชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม หากผมเลว เพื่อให้อีกหลาย ๆ ชีวิตสมหวัง ผมยอม

ยอมอย่างไม่มีข้อแม้เสียด้วย

ผมมองแบบนั้นนะ . . .

แต่ . . . ผมก็มองอีกด้านเหมือนกัน

เหมือนเหรียญไง . . .

เหรียญมีสองด้านเสมอ คนเรานี่แปลก มักมองแค่ด้านที่หงาย แต่กลับอีกด้าน ไม่มีใครมอง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วอีกมุมที่เราไม่เห็นอาจเป็นมุมที่ใช่สำหรับเราก็ได้

บางที ผมอาจทำให้คน ๆ นึงตายทั้งเป็นไปแล้ว จะเป็นมุมใดก็ตามแต่ ผมไม่เคยคิดที่จะกลับไปย้อนแก้ไขมันเลย เพราะผมคิดเสมอว่า นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว

เหมือนที่เคยมีคนบอกผม . .

. . . คนเราไม่สามารถย้อนอดีตได้ แต่เราสามารถทำปัจจุบันให้เมือนอดีตได้ ทำอย่างไรนะหรือครับ เราสามารถทำในสิ่งที่ผ่านมาให้เหมือนเดิม แค่เราทำแบบที่ผ่านมา นั่นก็เท่ากับเราย้อนอดีตไปแล้ว

ผมอยากเหมือนเดิมหรือ?

ในเมื่อที่ผ่านมา . . . ผมได้รอยยิ้มจากโก . .

. . . ผมเห็นมันหัวเราะ

ผมได้เช็ดน้ำตา . . .

ช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่คนสองคนเรียกรวมกันว่า . . .

. . . เรา

เป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่ผมคิดว่า มันไม่สามารถที่จะลืมได้เลยในตลอดชีวิตนี้ ถึงแม้ว่า ผมจะมีความทรงจำใหม่ ๆ เข้ามา

แต่ . . .

ผมรับรอง ว่าในช่วงเวลาที่ผมอยู่กับโก มันจะอยู่กับผมไปจนตราบลมหายใจสุดท้าย เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตที่ผมเคยมี และผมไม่คิดว่า ช่วงเวลาที่ดีมันจะเดินเข้ามาหาผมอีกเป็นครั้งที่สอง

เพราะ . . .

. . . ผมไม่มีหัวใจเหลือไว้ให้ใครอีกแล้ว . . .

ผมยินดีที่จะกอดเก็บความรักและความทรงจำที่ผมมีไปจนผมตาย แม้ใครจะว่าเป็นความคิดที่โง่งี่เง่า แต่หากเราไม่รู้จักคุณค่าของความรัก ของคนที่เรารัก เรายังจะเรียกตัวเราเองว่าอะไรหรือครับ. . .





ตื่นมาตอนเช้าผมอายมันแทบแย่ กลัวไปสารพัด ไม่กล้าที่จะมองหน้ามัน อาจเพราะเมื่อคืน ผมกอดมันเอาไว้ทั้งคืน เป็นคืนที่ผมมีความสุขมากจนแทบสำลักออกมาทีเดียว ผมไม่เคยรู้สึกดีแบบนั้นมาก่อนเลย ไม่ว่าจะมีอะไรกับใครมามากมายก็ตามแต่

อ้อมกอด

ที่ผมกอดมันเอาไว้ และบางครั้งที่มันเองก็กอดผมเอาไว้เฉกเช่นทีร่ผมทำกับมัน ผมสัมผัสได้ถึงความรักที่อบอวลรอบ ๆ ตัว ความรักที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะใช่ หรือจริงแท้แน่นอนขนาดไหน แต่ผมยินดีที่จะรัก

เพราะ . . . ผมให้หัวใจไปกับโกเมศวร์เรียบร้อยแล้ว

ตอนบ่ายวันนั้นพ่อขับรถมาส่งที่สนามบิน . .

โกเมศวร์ทำหน้าแปลก ๆ เพราะแทนที่จะไปส่งที่สถานีขนส่ง ผมนั่งเฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งเมื่อเราเข้าไปในอาคารสนามบินเพื่อรับตั๋วขึ้นเครื่อง ผมส่งตั๋วเดินทางให้มัน ผมอยากให้รู้ มีอะไรมากมายที่เราต้องเรียนรู้

แม้แค่ . . .

การไปรับบอร์ดดิ้งพาร์ส ก็ต้องเรียนรู้

“เอาไปที่เคาน์เตอร์ตรงโน้นนะ แล้วบอกเขาว่าขอติดหน้าต่าง” ผมส่งตั๋วเดินทางให้โกเมศวร์

ไฟลท์นี้เครื่องลำใหญ่ มีแถวกลาง ผมไม่ชอบนั่งกลาง ผมชอบมองนอกหน้าต่าง เมฆขาว ๆ ลอยสวย ผมชอบมองเพราะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนนก บินได้ ท่ามกลางเมฆที่ลอยล่อง ผมรชอบมองดูขอบฟ้า เพราะรู้สึกว่าเรามีอิสระ

มันรับไปแบบงง ๆ แต่ก็เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์

“เอาน้องไปแล้ว ดูแลดี ๆ ล่ะ อย่าทะเลาะกันล่ะ” พ่อบอกผม เพราะคงรู้ไอ้นิสัยของผมกระมัง

ผมพวกใจร้อน . . .

. . . เอาแต่ใจ . . . งี่เง่า ไร้สาระ

ลูกคนเดียวนี่หว่า มันน่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับลูกคนเดียวแบบหลาย ๆ คน แต่ที่พ่อไม่รู้ . . . ผมอ่อนแอ

อาจเพราะในเวลาที่อ่อนแอ ผมมักจะซ่อนมันเอาไว้ ไม่ยอมให้ใครได้เห็นเด็ดขาด ผมรู้สึกว่า ผู้ชายไม่ควรเสียน้ำตาให้คนอื่นเห็น เราควรเก็บน้ำตาเอาไว้ยามเราอ่อนล้าจริง ๆ

“คร๊าบบบบบบ ไม่ต้องห่วงนะพ่อ จะดูแลมันเหมือนลูกชายคนนึงเลยครับ เอว่าแต่ต้องอาบน้ำปะแป้งให้มันด้วยป่าวพ่อ” ผมยิ้มกวน ๆ

“ไอ้ลูกคนนี้ แบบนี้ไง พ่อถึงห่วง”

“น่าพ่อ ลูกพ่อไม่ทำให้พ่อผิดหวังหรอกน่าเชื่อใจดิ๊”

“อืม ให้ได้ดังปากพูดเหอะ ดูแลน้อง ดูแลตัวเองล่ะ”

“พ่อก็เหมือนกันดูแลตัวเองนะครับ”

“ตังค์ไม่พอก็โทรบอกมา แม่ให้ไปเท่าไหร่”

“ซาวพัน”

“พอหรือ ค่าเทอมเท่าไหร่”

“เกือบซาว พอ ครับพ่อ ไม่เอา” ผมปฏิเสธ เมื่อพ่อล้วงกระเป๋าตังค์ออกมา ผมรู้ แม้ผมไม่ค่อยได้คุยกับพ่อ แต่พ่อไม่เคยปล่อยให้ผมอด ๆ อยาก ๆ

“เอาไปไว้ใช้เหอะ” พ่อพยายามยัดให้ แต่ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

“อูยเยอะแยะ อาให้มาสิบ แล้วยังให้ทุกเดือนอีก เพราะต้องช่วยงานแกที่ออฟฟิศกรุงเทพฯ พ่อเก็บเอาไว้เหอะ”

“ก็เก็บไว้ให้เรานี่แหละ จะให้ใคร” พ่อยิ้ม





“อ้าว นึกว่าแอบซ่อนลูกเมียน้อยเอาไว้” ผมยิ้ม

“ไอ้นี่ พ่อขยี้หัวผม ก่อนดึงมากอดไว้หลวม ๆ”

แม้ผมกับพ่อจะไม่ค่อยพูดกันเท่าไหร่ แต่เวลาที่ผมยั่วพ่อเล่น ๆ พ่อจะยิ้มเสมอ

โกเมศวร์กลับมา มันมองพ่อที่กอดผมเอาไว้ แววตามันหมอง ผมรู้ดี มันเองก็โหยหาอ้อมกอดจากพ่อมันเหมือนกัน

ผมค่อย ๆ แกะตัวออกจากพ่ออย่างช้า ๆ

“ไปแล้วนะพ่อ บอกแม่ด้วย งอนแล้ว ไม่มาส่งลูก” ผมยอกมือไหว้ พ่อ โกเมศวร์ไหว้ตาม ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปรอที่ห้องผู้โดยสารขาออก

“โกทางนี้” ผมบอกเมื่อมันจะเดินไปรอที่ม้านั่งที่ผู้คนมากมาย

มันทำหน้างงเมื่อผมชี้ไปที่ห้องรับรองพิเศษ แต่มันก็เดินตามผมเข้าไปอย่างว่าง่าย ที่นั่นมีขนมไว้รับรองผู้โดยสาร ผมเดินไปหาที่นั่งที่ยังว่างมากมาย ก่อนเดินหาของกินใส่ท้อง

“ทำไมเราเข้ามาในนี้อ่ะพี่” มันถามแบบ

“ก็ห้องพิเศษไง เห็นตั๋วของเรามั้ย” ผมชี้ไปที่ตั๋วขึ้นเครื่อง

“ทำไมเหรอ แล้วทำไมคนที่นั่งข้างนอกเขาไม่มานั่งกินแบบเราล่ะพี่อาร์ม” มันเหลือบมอง

“ห้องนี้สำหรับชั้นที่นั่งบิ้วสิเนสกับบัตรรอยัลออร์คิดสมาชิกของทีจีเท่านั้น” ผมยิ้ม มันคงไร้เดียวสา “อย่าบอกว่าขึ้นเครื่องครั้งแรก”

มันพยักหน้ารับ “แพงพี่ เสียดายตังค์”

ผมดีใจนะ . . .

เพราะนี่ก็คือความตั้งใจอย่างนึงของผม อะไรก็ตามที่มันไม่เคยทำ มันไม่เคยมี ผมจะหามาให้มัน ผมอยากให้มันมีอะไรดี ๆ กว่าที่เคยผ่านมา ผมอยากเห็นมันมีอนาคตที่ดีกว่าสังคมที่มันจากมา

“รู้ว่าแพง พี่ไม่ได้ให้โกมองว่าเราใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่พี่อยากให้โกรู้ว่า หากวันนึงข้างหน้า โกต้องทำงาน ติดต่อธุรกิจ นี่คือทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว เงินซื้อเวลาได้นะ แต่สำหรับบางเรื่องเท่านั้น” ผมยิ้ม ก่อนเอาขนมเข้าปาก

“แต่ตอนนี้เรายังไม่ถึงจุดนั้นนี่พี่อาร์ม”

“เราเริ่มต้นเดินแล้วโก ถ้าโกเดินไปข้างหน้า โกต้องมองเป้าหมายว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง พี่ไม่อยากให้โกเรียนไปวัน ๆ แต่พี่อยากให้โกตั้งเป้าเอาไว้ ว่าโกอยากจะเป็นอะไร แล้วโกก็เดินไปให้ถึงจุดที่โกอยากจะเป็น” ผมหยุดมองหน้า เห็นมันตั้งหน้าตั้งตาฟัง

“คนเราต้องมีความฝันนะโก แล้วเราต้องรู้จักวางแผนที่จะเดินไปให้ถึงจุดที่เราฝัน บางทีแผนที่เราวางมันอาจจะไม่ใช่ เราก็ต้องมีแผนสำรอง กรุงเทพฯ มันไม่ได้เหมือนที่บ้าน ไม่เหมือนที่โกจากมา หลากหลายอย่างในกรุงเทพฯ มันมีแต่การแย่งกัน แย่งขึ้นรถเมล์ แย่งกันกิน ไว้วันหยุดเสาร์อาทิตย์พี่จะพาโกไปห้าง แล้วโกจะเห็นเอง คนที่ต่อแถวเพื่อรอซื้อของกิน ไม่มีอะไรที่คนกรุงเทพฯ ไม่แย่งกันเลยนะโก”




“มันแย่ขนาดนั้น แล้วทำไมคนถึงอยากไปอยู่กรุงเทพฯ”

“ก็เพราะว่ากรุงเทพฯ คือศูนย์รวมของประเทศเราไง เป็นศูนย์กลางการศึกษา การเงิน โอ้ยอีกมากมาย ไว้โกค่อย ๆ ดูเอาเองแล้วกัน พี่แค่บอกให้โกรู้ ที่โกจะไป มันแตกต่างกันเหลือเกินกับที่ที่โกจากมา”

“ทำไมพี่อาร์มเก่งจัง” แววตามันชื่นชมผม

“ไม่มีใครเก่งหรอกโก ทุกคนรู้ได้เพราะการเรียน” ผมวกกลับมาเรื่องเดิม เรื่องที่ผมจะฝังไว้ในหัวของมัน ว่าไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าการเรียน การเรียนไม่มีวันหมดอายุ เราเรียนได้จากทุก ๆ ที่ จากรอบ ๆ ตัวของเรา

“อีกแหล่ะ การเรียนอีกแหล่ะ”

“แล้วมันใช่มั้ยล่ะโก เราเกิดมา ไม่รู้อะไรสักอย่าง เราเริ่มเรียนครั้งแรก โดยการเลียนแบบพ่อ แม่ หรือคนที่เลี้ยงเรา พอเริ่มโต เราเข้าโรงเรียน เราก็ต้องเรียนอีก เราเรียนไปจนตลอดชีวิตเราแหละโก”

“พี่เลยคิดว่าผมต้องเรียน”

“ถูก . . .” ผมมองหน้าโก

“แต่ไม่ใช่โกเท่านั้นที่ต้องเรียน ทุกคนต้องเรียนทั้งนั้น แล้วแต่ว่าจะเรียนที่บ้าน เรียนรู้ทางสังคม หรือจะเรียนทางโรงเรียน มหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ต้องเรียนทางมหาวิทยาลัย เพราะสังคมยอมรับกระดาษใบเดียวที่เรียกว่า . . . ปริญญา”

ผมอาจมองอะไรที่โต . . . โตเกินกว่าวัยแบบโกจะเข้าใจ

แต่ . . .

อีกปีเดียวผมก็จะโบยบินเองแล้ว ผมต้องทำงาน หาเงินใช้ ผมต้องเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เวลาแค่ปีเดียวันรวดเร็วนัก มันเร็วจนบางครั้งเราเองยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย

หาก . . . ตอนเรียนแบมือขอเงินพ่อ แต่ละเดือนเกือบหมื่น

จบปริญญาตรี . . . เริ่มแค่หมื่นต้น ๆ

ตอนเรียนแทบตาย . . .

จบมา หนักยิ่งกว่า การหางานทำ การเอาชีวิตรอดในเมืองใหญ่ มันลำบากหนักหนาสาหัสมากกว่าตอนเรียนหลายร้อยเท่านัก

ผมค่อย ๆ ปลูกต้นไม้ของผมอย่างช้า ๆ ปลูกความคิดที่ผมคิดลงไปในสมองของโก ผมจะต้องดูแลรักษาต้นไม้ที่ผมปลูกเอาไว้ ผมไม่เคยคิดนะว่าผมจะต้องเก็บเกี่ยวผลจากต้นไม้ที่ผมปลูก แค่ผมอยากเห็นการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่ผมปลูก

ผมชอบความพลิ้วไหวตามแรงลมของสีเขียวไล่เฉดสี . . .

ต้นไม้ให้ร่มเงาแก่สรรพสิ่งมีชีวิตบนโลกเสมอ ถึงผมอยากให้โกมาอยู่ใกล้ ๆ ผม แต่ผมไม่เคยคิดที่จะรั้งโกเอาไว้กับผมไปจนตาย

ผมเชื่อว่าคนเรามีภาระหน้าที่แตกต่างกันออกไป . . .





อีกฝั่งของถนนรถติดยาวเพราะเป็นเวลาเลิกงาน บางคันพยายามที่จะแทรกไปตามช่องที่พอจะว่าง ผมนั่งนิ่ง ๆ มองภาพที่เห็นด้วยความเคยชิน เพียงไม่นานรถก็มาจอดหน้ามหาวิทยาลัย ผมจ่ายค่ารถ ก่อนลงมายืนริมถนน

“แวะเข้ามหา’ลัยก่อนโก เดี๋ยวค่อยออกไปหาอะไรกิน” ผมบอกกับมัน

“แล้วแต่พี่อาร์มสิ”

“ไป ได้เวลาเดินข้ามจังหวัดแล้ว พี่นี่ลำบากนะโว้ย มาเรียนกรุงเทพฯ ต้องเดินข้ามจังหวัดมาสามปีแล้ว” ผมบอกมัน ก่อนเดินไปที่สะพานลอย

“อย่ามาตลกพี่อาร์ม ข้ามถนนแค่นี้ ข้ามจังหวัดเลยเหรอ”

“จริง ๆ นะ ไม่ได้โกหก”

“จังหวัดอะไรพี่อาร์ม”

“นี่ไง ฝั่งนี้นนทบุรี ส่วนมหาวิทยาลัยที่ฝั่งถนนโน่นกรุงเทพฯ” ผมยิ้มกับมัน ก่อนเดินข้ามสะพานลอยที่ข้ามทั้งถนนทั้งคลอง

. . . มหาวิทยาลัยริมคลองประปา . . .

“มีคลองด้วยเหรอพี่อาร์ม ทำไมน้ำแดงไม่เหมือนบ้านเราเลย แถมยังก่อผนังอีก แบบนี้ก็เล่นน้ำไม่ได้สิ” มันชี้ไปที่คลองด้านล่าง

“เล่นดิโดนจับ”

“ทำไมอ่ะ”

“นี่อ่ะ เขาเรียก คลองประปา เป็นคลองส่งน้ำดิบมาผลิตเป็นน้ำประปาไง เขาไม่ให้คนลงเล่นหรอก” ผมยิ้มให้มัน

บางอย่างคนเมืองหลวงเห็นเป็นภาพที่ชาชิน

แต่ . . . สำหรับคนต่างจังหวัด มันคือภาพที่ไม่คุ้นเคย

“มีเซเว่นหน้ามหา’ลัยด้วยพี่อาร์ม” มันชี้ไปที่ร้านสะดวกซื้อ




“ทำไมเหรอ”

“ก็แสดงว่าที่นี่เจริญแล้ว”

“ทำไมว่ะ” ผมยิ้ม

“อ้าวพี่ แถวบ้านนะ ตอนเซเว่นฯ ไปเปิดครั้งแรก คนตื่นเต้นกันใหญ่ เพราะส่วนมากเขาจะชินกับร้านชำข้างบ้านไง อยากได้อะไรต้องบอก พ่อค้าจะหยิบไง พอเซเว่นฯ เปิด คนเห่อกันใหญ่ เพราะอยากได้อะไรไปหยิบเอง แถมมีแอร์เย็นเหมือนหน้าหนาว คนตื่นเต้นกันทั้งอำเภอ” เสียงมันเล่ามีความสุข

แค่เซเว่นฯ ร้านค้าที่ผมเคยชินมันเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ผมไม่เคยใส่ใจเสียด้วยซ้ำ

“พูดไปโน่น”

“จริง ๆ นะพี่ มียายแก่ ๆ แกถอดรองเท้าก่อนเข้าเซเว่นฯ ด้วย พนักงานบอก ไม่ต้องถอดก็ได้ แกบอกไม่ได้หรอก มันสกปรก เดี๋ยวพื้นสวย ๆ เลอะ ผมยังขำไม่หายเลย”

“ขนาดนั้นเลยหรือ”

“อืม ยิ่งสเลอร์ปี้นะพี่ ผมกดเต็มแก้ว เดินกินรอบ ๆ ร้าน แล้วมากดใหม่ ถึงมาจ่ายตังค์ สนุกดีออก”

ผมยิ้ม . . .

เรื่องบางอย่าง วิถีชีวิตของมันกับผมอาจจะแตกต่างกัน ภาพที่มันเติบโตมา เป็นแบบที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ยังอยู่กับสังคมที่มีน้ำใจแบ่งปันรอยยิ้มให้แก่กัน เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนไทยโดยแท้

ส่วน . . . ภาพที่ชินตาสำหรับผม

ใบหน้าที่เหมือนซ่อนทุกข์ ซ่อนโศก ของผู้คนในเมืองหลวง หารอยยิ้มยากเต็มที เมืองที่เจริญอย่างรวดเร็วทางวัตถุ

แต่ . . . ไร้สำนึกทางจิตใจ

“ไอ้ห่าอาร์ม มาทำไรว่ะ”

ผมหันไปตามเสียงเรียกเต็มยศ ไอ้คนที่กล้าเรียกผมแบบนี้ในมหาวิทยาลัยมีคนเดียวล่ะครับ ผมยกมือไหว้พระสิทธิธาดาที่ศาล ก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะซุ้มไผ่

“คิดถึงมึงไงไอ้เหี้ยเลยมาหา” ผมยิ้ม ก่อนนั่งลงใกล้ ๆ มัน

“มึงนะมึง บอกให้ไปพีพี ไม่ไป สวยชิบหายเลย อยากไปอีก”

“เออ ถ้าสวยแล้วชิบหาย กูไม่อยากไปแร่ะ . . . นี่น้องกู ชื่อโกเมศวร์เพิ่งมาจากปาย” ผมหันไปแนะนำให้มันรู้จักกับเพื่อนรักของผม

“หวัดดีครับพี่เชี่ยโอ๋” มันยกมือไหว้




“เฮ้ย ชื่อเอกรัฐครับ ชื่อโอ๋เฉย ๆ ไม่ใช่เชี่ยโอ๋” ไอ้โอ๋มองหน้ามัน

หากมันตีหน้าตาย ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา ผมงี้แทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นไอ้เพื่อนรักของผม ทำหน้าแบบหมาเจอปลากระป๋อง

“อ้าวผมไม่รู้เห็นเวลาพี่อาร์มเล่าเรื่องพี่ทีไร เรียกไอ้เชี่ยโอ๋ เชี่ยโอ๋ ผมเลยนึกว่าพี่ชื่อเชี่ยโอ๋ ขอโทษนะครับพี่”

“ไอ้ห่าอาร์ม . . .” คราวนี้มันหันมาทำตาเขียวปั๊ด

“โก ไม่ต้องบอกกับมันหมดก็ได้” ผมหันไปบอกมัน

“แหม น้องมึงนี่โดนใจกูจริง ๆ บ้านอยู่ปายเหรอน้อง พี่ยังไม่เคยไปเลย ไปแค่เชียงใหม่บ้านไอ้อาร์มมัน แต่อาร์มมันลูกคนเดียวนี่หว่า” โอ๋ตบไหล่โกเบา ๆ ก่อนหันมาตั้งคำถามด้วยสายตากับผม

“ลูกของป้า พี่สาวอาเขยกู”

“อ๋อ ญาติฝั่งโน้น” มันพยักหน้ารับรู้

“มาเที่ยวหรือ”

“ครับพี่ ว่าจะหาที่เรียนต่อด้วยครับ”

“เหรอ ดี ๆ มาอยู่กรุงเทพฯ ก็ดี มีอะไรให้พี่ช่วยบอก น้องไอ้อาร์มก็เหมือนน้องพี่ ว่าแต่มึงเข้ามามหา’ลัยทำไมนี่ ไม่มีเรียนซัมเมอร์นี่หว่า”

“กะมาหามึง”

“ทำไมว่ะ”

“คิดถึงไง”

“สัส ปากดี แมร่งหายไป ไม่เคยโทรมา แล้วมือถือที่พ่อมรึงซื้อให้ โปรฯ สามหมื่นต่อเดือนจ่ายสองพันอ่ะ เก็บไว้ทำเชี่ยไร” มันอวยพรอีกตามเคย

“ปายไม่มีสัญญาณว่ะ”

“อย่ามาอำกู จริงเหรอโก ที่ปายไม่มีสัญญาณเลยเหรอ” มันหันไปถาม

“ไม่มีพี่”

“ช่วยกันอำหรือเปล่า”

“จริง ๆ พี่ เห็นเขาพูด ๆ กันน่าจะปลายปีนะครับ”

“มึงลงเรียนกับป้า ๆ ลุง ๆ ภาคค่ำเหรอ เลิกกี่ทุ่ม”

“เออดิ แม่งวิชานี้ไม่เปิดกลางวันอ่ะซวยเลย ว่าแต่มึงกินไรยัง”

“รอมึงเลิกเรียนก่อนก็ได้”

“ไม่ต้องรอแล้ว ไปกันเลย” มันลุกยืน ก่อนดึงผมให้ยืนตาม




“เฮ้ย ไอ้เชี่ย ไม่ดีมั้งโดดเรียน”

“มือชั้นกูแล้ว โดด ๆ เล่น ๆ จบน่า มึงจำไม่ได้เหรอ ที่รุ่นพี่บอก เรียน ๆ ไปเหอะที่นี่ โง่กว่าควายยังจบเลย”

“ไอ้สาสสสสสสสส แล้วคนที่บอกมรึงจบยัง”

“จบกับเหี้ยไร โดนไทน์ตอนปีแปด” มันยิ้ม

“พี่โอ๋ตลกดีจัง จะโดดเรียนจริง ๆ หรือพี่” ไอ้โกยิ้มตาม เมื่อเจอเพื่อนรักของผมเข้า ไอ้ห่านี่เรื่องทำให้คนอื่นยิ้มได้นี่ งานถนัดของมัน

“โดดโลดโก น้องโกมาทั้งที พี่ยอมโดดเรียน ไปหาไรกินกันเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” มันไม่รอคำตอบ เอามือคล้องหมับเข้าที่คอไอ้โก ก่อนพาเดินกลับออกมาทางหน้ามหาวิทยาลัย

ผมยิ้ม . . . เดินตามมันสองคนออกมาติด ๆ



การลงมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ ได้ผลอย่างที่หัวใจของผมแอบวาดหวังเอาไว้ โกได้ที่เรียนเรียบร้อย ผมกลับไปที่ปายอีกครั้งหลังจากมาอยู่กรุงเทพฯ ร่วมสัปดาห์ พร้อม ๆ กับโกเมศวร์ . . . เมฆหมอกของความยามลำบากเริ่มเข้ามาในชีวิต ในเมื่อฤดูนั้นไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยวของคนที่นั่น

เงิน . . . ฝืดเคือง

ผมมองอยู่เงียบ ๆ และรู้ดี ป้านภาแกกลุ้มใจเรื่องนี้ อย่างน้อยที่สุดอีกแค่ไม่ถึงเดือน แกต้องมีเงินสักก้อนเพื่อให้ลูกชายแก . . .

ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่าหากผมรู้อนาคตล่วงหน้า ผมจะยังทำเช่นนั้นอีกหรือไม ?

บางที . . .

ผมอยากมีมือที่มองไม่เห็น มือสักมือที่จะยื่นเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมจะทำอย่างไรดีกับปัญหานี้ แทบมองไม่เห็นทางเลยด้วยซ้ำ ผมได้พยายามนึกหาหนทาง เหมือนที่เคยมีคนบอกเอาไว้ว่า

. . . ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้หนี . . .

“ว่าไงว่ะมึงไอ้หอก แม่งโผล่มาอาทิตย์เดียวหายหัวไปเข้าป่าไปอีกนะมึง” เสียงแรกที่ผมได้ยินมาตามสาย

“อ้าว ไม่ต้องซัมเมอร์นี่ครับ จะอยู่กรุงเทพฯ หาหอกอะไรว่ะ เบื่อป่าคอนกรีตว่ะ เลยมาอยู่ป่าเดียวกัน”

มันหอกมา . . .ผมก็หอกกลับ

กลัวไปใย มีหอกเหมือนที่มันมี แม้การใช้งานอาจจะต่างกัน แต่ก็มีเหมือนกันล่ะว้า !




“สัสสสสสสสสสส สมพรปากเหอะมึง ให้สมหวังอย่างที่มุ่งมาตรปรารถนาและตั้งใจเอาไว้เทอญ”

“ไอ้เลว เล่นนิดเล่นหน่อย อวยพรกูอีก ไมเหรอ เกิดเสียดายกูมาล่ะดิ๊” ผมยิ้มที่ได้ยั่วมันเล่น การได้ยั่วมันนี่คือความสุขอย่างนึงของผม

“เสียดายมากกกกกกกกกกกกกกก เสียดายจนอดห้ามใจไม่ไหวแล้วเพื่อนเอ้ย”

“อดใจไม่ไหวก็มาหากูดิ๊ คนเรานะโว้ยหากรู้ว่าหัวใจตัวเองอยู่ที่ไหน มันต้องเอาร่างกายตามหาหัวใจ ไม่ใช่ดีแต่ปากแบบที่มึงกำลังเห่า”

“ไม่ใช่หมา ไอ้หอกหัก แล้วไม่ต้องมาหวานกับกูมาก ไอ้ห่า เพื่อน ๆ ทั้งคณะมันเข้าใจกันว่ามึงกะกูเป็นคู่ตูดหมดแล้ว”

“หอกยังดีอยู่ ไม่หัก ส่วนใครจะมองไงกูไม่สนหรอก ตราบใดที่กูยังไม่ขอมันแดก”

“จ๊ะพ่อ”

“หรือมึงสนคำพูดพวกนั้น”

“ฝันไปเหอะ หาได้มากระทบใจกูไม่ กูจะสนทำไมคำพูดคนอื่น เพราะหากกูจะสนหรือแคร์ความรู้สึก กูคงแคร์ความรู้สึกมึงมากกว่าคำพูดไร้สาระของคนพวกนั้น”

โห . . . เพื่อนผมครับ

ทั้งลูกด่า ลูกหยอด มันโดดเด่นไม่เป็นรองใคร ทั้งมันและผมผ่านการรองรับจากสมาคมคนปากหมาแห่งประเทศไทย เวลาที่ตั้งประเด็นกันขึ้นมา รับรองไม่ค่อยมีใครจะยอมลงให้กันก่อนหรอกครับ ถึงจะเถียงกันทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายอย่างไร ก็รักกันดีครับ ใครหน้าไหนอย่าได้แหยมมาตอนที่ผมสองคนกำลังจะกินเลือดกินเนื้อกันนะครับ

เพราะ . . .

ทั้งผมและมันจะเปลี่ยนเป้าหมายไปกินเลือดคนที่เสนอหน้าเข้ามาทันที . . .

“ซึ้งมากเพื่อน ไอ้หอกไม่หัก”

“แต่กูขอแช่งให้มึงหัก ว่าแต่มึงอ่ะ ตอนนี้อยู่เชียงใหม่หรือเชียงรายว่ะ”

“สัสแช่งกู เดี๊ยะตบด้วยจมูกแม่งเลย ตอนนี้กูอยู่ปาย”

“ห๊า ที่ไหนนะ”

สมัยนั้น น้อยคนครับที่จะรู้จักเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ เมืองที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา เมืองที่มีแต่น้ำใจของผู้คน เมืองที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ปาย แม่ฮ่องสอน อยากมามั้ยล่ะมึง สวยนะโว้ย สาว ๆ ที่นี่ งามแต้ ๆ ตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์จะส่องสว่างโร่ หมอกบาง ๆ ลอยเต็มเมืองเลย ออกไปเดินแล่นริมน้ำปายยามหน้าแล้ง น้ำแห้งมีสันทรายตามธรรมชาติ แล้วบ่าย ๆ ไปเที่ยวแกรนค์แคนปาย เหมือนแกรนด์แคนยอนเลยนะมึง ใกล้ ๆ กันก็ปางอุ๋ง สวิสฯ เมืองไทยอากาศเย็นทั้งปี ส่วนที่ปายกลางคืนสุดยอดเลยอากาศเย็น ๆ ลมพัดเบา ๆ นั่งละเลียดเบียร์วุ้น โอ้ย สวรรค์บนดินดี ๆ นี่เองเพื่อนร๊ากกกกก”




“อ๋อ นึกออกแล้ว บ้านไอ้น้องชายมึงอ่ะนะ ไอ้เหี้ยนี่บรรยายซะอยากเลย อย่าดิ๊ กำลังอยากเที่ยว แม่งเพิ่งสอบซัมเมอร์เสร็จ”

“อยากเที่ยวก็มาดิ๊”

“ไม่มีตังค์”

“ห้าร้อยเองเพื่อน มาเหอะ”

“ถุย ห้าร้อย แค่เชียงใหม่ยังไปไม่ถึงเลย” มันด่ามาตามสาย

“อ้าว นั่งรถไฟชั้นสามมาเชียงใหม่ร้อยกว่าบาทเอง ไปกลับสามร้อย เหลือตั้งสองร้อยนะเพื่อนรัก”

“สัสเหอะไอ้อาร์ม ไปปายอีก ไปยังไง กูไม่เชื่อมึงหร๊อก ไม่ต้องมาอำ”

“ไม่อำ เอางี้ ถ้ามึงโทรหาไอ้ก้อง ไอ้ชา ไอ้แดน บอกว่ากูอยากให้มา กูกำลังเหงาอยากเที่ยวก่อนไปลุยเรียนปีสุดท้าย อยากได้เหรียญทอง ให้มาช่วยกูชาร์ทพลังงานการเรียนหน่อย กูสัญญาจะไปรับที่เชียงใหม่ หลังจากนั้นฟรีตลอดทริป สนใจมะ” ผมยิ้มกับตัวเอง

“พูดไป จริงดิ แบบนี้ค่อยน่าสนใจ”

“เออ จริง ๆ มึงหาทางมาเชียงใหม่ให้ได้ แต่ต้องก่อนวันที่ ๕ เดือนหน้านะโว้ย เพราะกูจะกลับกรุงเทพฯ”

“เออ ๆ เดี๋ยวกูจะลองโทรชวน ใครจะว่างมั่งว่ะเนี่ย ฟรีตลอดจริงนะโว้ย”

“จริงดิ๊ โทรชวนไอ้แดนก่อนเลย กูคิดถึงมัน หลอกมันไว้หลายรอบว่าจะพาเที่ยวเหนือ ไอ้ห่านั่นมันร่ำ ๆ จะตามกรูมาตั้งแต่ปีใหม่แร่ะ แต่กูไม่ว่างว่ะ”

“มึงโทรบอกมันก่อนเด่ะ แล้วให้มันโทรหากูนัดวันไปกัน”

“เออ ได้ ๆ งั้นกูโทรหาแดนก่อน ไอ้ก้องกับไอ้ชามึงโทรบอกแล้วกัน ทางไกลกูเปลือง เพราะไม่มีโปรฯ ว่ะ แล้วเดี๋ยวค่ำ ๆ กรูโทรหามึงอีกที แค่นี้นะโว้ย”

ผมวางสายจากไอ้โอ๋ ไอ้เพื่อนรักของผม . . .

ผมยิ้มกับตัวเอง ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่าสิ่งที่ผมทำไปมันจะถูกหรือผิด แต่ผมยืนยัน ถึงผมย้อนเวลาได้ ผมก็จะทำแบบที่ผมทำ เพราะมือที่ยื่นไป ผมไม่คาดหวัง ใครจะมองเช่นไร ผมรู้จักหัวใจตัวเอง ไม่รู้อะไรของคนอื่น ๆ หรอก

ผมรู้แค่ . . . ผมอยากให้โกมาเรียน

เงิน . . . ที่ต้องใช้มันสำคัญ

ทางเดียวที่จะมีเงินได้ . . .




. . . ต้องมีแขกมาพัก . . .

แล้วโลว์ซีซั่นแบบนี้จะหาแขกได้จากที่ไหน บางแห่งถึงกับปิดรีสอร์ทเพื่อปรับปรุง กว่าจะเปิดก็ปลายฝน ราวตุลาคมโน่น ทางที่ผมคิดได้ในเวลานั้น คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับสถานการณ์ที่ใกล้เข้ามา

ทาง . . . ที่ไม่ได้ยื่นเงินให้โดยตรง

ความรัก . . .

มันมีพลานุภาพมากมาย มากพอที่จะทำให้ผมสามารถทำอะไรก็ได้ ผมแน่ใจสิ่งที่ผมทำไปนั่นเกิดจากความรักไม่ใช่ความหลง . . .

เพราะในขณะที่ผมทำ ผมคิดและตรึกตรองเอาไว้ก่อนแล้ว





 

Create Date : 12 ธันวาคม 2552
3 comments
Last Update : 12 ธันวาคม 2552 22:29:04 น.
Counter : 840 Pageviews.

 

พอเห็นหัวข้อเกี่ยวกับปาย ต้องเข้ามาทุกที ไม่รู้เป็นไง

ขอเข้ามาชื่นชมด้วยคนนะคะ

 

โดย: numtan_ja 13 ธันวาคม 2552 1:53:17 น.  

 

เหงา ๆ อบ่างไรไม่รู้

นึกถึงปายเมื่อวันเก่า ๆ เลยค่ะ

 

โดย: แก้มแดง IP: 110.49.171.176 13 ธันวาคม 2552 21:50:50 น.  

 

รอชมตอนต่อไปนะ

 

โดย: ผักกาด (คังฮุนแจ ) 17 ธันวาคม 2552 14:19:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นนท์ปวิชญ์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นนท์ปวิชญ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.