Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
8 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

[ ธ า ตุ พ น ม ] รักฤๅผูกพัน ฯ # ๑๓ #

 

**คำเตือน** 




เรื่องนี้ . . .


เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิง



ไม่เกี่ยวข้องกับ  บุคล  แต่อาจเกี่ยวพันกับสถานที่ 



หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในบรรณภิภพนี้



ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมากถึงมากที่สุด



ปล. เป็นเรื่องแต่งมิได้เกี่ยวข้องใด ๆ ต่อ เจ้าของบล๊อก




ต อ น ที่   ๑๓






Free TextEditor

ผมตื่นตั้งแต่เช้า อันที่จริงผมนอนไม่ค่อยหลับมากกว่า มันกังวลเสียหมด ผมนอนมองคนสองคน คนที่ผมรักทั้งสอง และที่แน่ ๆ ผมแน่ใจ มันสองคนคือคนที่รักผมเหมือนกัน

คนนึงคือ . . .เพื่อนรัก

. . . ส่วนอีกคนยิ่งกว่า . . . น้อง

สองคนที่ผมคิดว่า . . .

. . . ผมฝากชีวิตเอาไว้ได้ . . .

เราจะรู้ว่าใครอยู่กับเรา ก็ตอนที่เราเจ็บป่วยนี่แหละ . . .

คนที่ดูแลเรายามที่เราไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ จะเป็นคนที่เราควรจะรักหรือเปล่า จะเป็นคนที่เราจะฝากชีวิตเอาไว้ใช่ใหม ?

ถ้าใครเป็นผม . . .

ในเวลานั้น ผมว่า เขาคิดแบบผมทั้งนั้น . . . สิ่งที่ไอ้โกมันทำ จะเรียกว่าอะไรหรือครับ

ความรัก . . .

. . . ความห่วงใย . . .

ความชิดใกล้ . . . หรือ

. . . ความผูกพัน

แต่มันจะคืออะไรก็ตามแต่ . . .

สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมต้องนอนมองมันนิ่ง ๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ผมทบทวนสิ่งที่ผ่านมา ผมทำให้มันด้วยความรัก ความหวังดี สิ่งเดียวถ้าจะผิด สิ่งที่ผมล้ำความเป็นพี่น้องกับมัน . . .



อย่างที่ผมเคยบอก . . .

เหรียญมีสองด้านเสมอ

แต่ . . . ทำไม

ในเวลาที่ผมเจ็บป่วย ผมกลับมองมันแค่ด้านเดียว สิ่งที่โกทำ และแสดงให้ผมเห็น ผมมองเข้าข้างตัวเองว่านั่นน่ะคือความรัก ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงโดยทั่วไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ด้วยกัน เขาอาจแค่ คนที่เป็นคนแชร์ค่าห้องกัน หากอีกฝ่ายเจ็บป่วย มีหรือที่อีกคนไม่ช่วย

เหรียญด้านนี้ . . .

. . . ด้านที่ผมไม่เคยมอง

อีกคน . . .

ไอ้เพื่อนรักของผม ผมกับมันยิ้มด้วยกัน กอดคอกัน กินด้วยกัน ไปไหนมาไหนเหมือนปาท่องโก๋ และทะเลาะกัน ทั้งมันและผมผ่านช่วงที่ดีมาด้วยกันก็มาก ช่วงเลวร้ายก็ไม่เคยที่มันจะทิ้งผม

และ . . .

เราไม่เคยโกรธกัน ผมอาจมีน้อยใจมันบ้างตามนิสัยของผม แต่แค่เห็นมัน คอยแหย่คนโน้นคนนี้ เป็นคนเดียวในกลุ่มที่สร้างรอยยิ้มให้เพื่อนฝูง ผมก็ยิ้มออก เพราะผมรู้ สิ่งเดียวที่มันไม่อยากให้คนอื่น ๆ รู้ก็คือ . . .

. . . ทุกข์ในใจของมัน

ยามมันทุกข์ มันเก็บไว้มิดชิด . . .

มันรีบมาโรงพยาบาลทันที ที่รู้ว่าผมนอนอยู่โรงพยาบาล เหตุผลเดียวที่ผมคิดได้ . . . มันรักผม ห่วงผม

ที่จริงผมน่าจะมีความสุข ผมมีเพื่อนที่รักผม มีคนที่รักผม มีพ่อแม่ ผมน่าจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก หาใช่คนที่ต้องการหลบลี้หนีโลกแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ไง

แม้แต่ . . .

. . . วันพรุ่งนี้

. . .จะเป็นอย่างไร . . .

“ตื่นแล้วเหรอมรึง” ไอ้เพื่อนรัก มันลืมตา มาเห็นผมนอนจ้องมองพวกมันตาแป๋ว

“อือ”

มันงัวเงียก่อนเดินมาที่เตียงผม มันยิ้มทั้ง ๆ สภาพมันตอนนี้ดูไม่จืดเลย เพิ่งตื่นนอน เพื่อนคนดีของผมครับ



“ตีห้ากว่าเอง นอนต่อเหอะ กว่าจะผ่าก็สามโมงเช้าโน่น อีกตั้งหลายชั่วโมง มึงยังได้หายใจอีกนาน” มันนั่งลงบนเตียงผม ดูมันพูด

เตียงที่ผมไม่อยากนอนเลยตลอดชีวิต ผมเกลียดโรงพยาบาล ไม่ชอบเอาเสียเลย แม้โรงพยาบาลเอกชนจะละม้ายคล้ายโรงแรมเข้าไปทุกที แต่ผมไม่ชอบอยู่ดี เพราะชื่อนำหน้ามันก็ . . . โรงพยาบาล

“ไอ้เหี้ยนี่ คนยิ่งกลัว ๆ” ผมพูดกับมันหากสายตามองไปที่โกเมศวร์ มันนอนขดตัวบนที่นอนเฝ้าคนป่วยเล็ก ๆ

“กลัวอะไร เจ็บแค่มดกัด เห็นมะ กูยังเคยเลย” มันดึงเสื้อโชว์รอยแผลเป็นที่หมอฝากเอาไว้

“จริงเหรอ ไม่เจ็บเหรอ”

“เออดิ อีกไม่เกินเจ็ดวัน วิ่งได้”

“พ่อมึงเด่ะ ผ่าตัดนะมึง ใช่ถอนฟัน” ผมยิ้ม

มันจะบ้าเหรอ มาหลอกผมได้ไง เจ็ดวันวิ่งได้ แบบนั้นมันเกินไป มันจะมาทำเป็นเท่ง เถิดเทิงเอาอะไรในในตอนนี้ กูไม่ตลกนะไอ้สาสสสส

“อ้าวจริง ๆ นับไปดิ จันทร์ อังคาร พุธ พอถึงอาทิตย์ก็จันทร์อีก เห็นมั้ย วนอยู่ในเจ็ดวันนี่แหละ” มันยิ้ม มันหัวเราะเบา ๆ

ผมละอ่อนใจกับมัน รู้อยู่ว่ามันนะพยายามหาเรื่องมาปลอบโยนผม แต่ไอ้มุขแบบนี้ มันเก่าโบราณเหลือเกิน ผมได้แต่ยิ้ม อารมณ์กลัวเริ่มน้อยลง อย่างน้อยเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดมันก็เคยผ่ามาแล้ว

สิ่งใดที่เพื่อนเคยทำ . . . มันไม่น่ากลัวมั้ง

“กูจะตายมั้ยว่ะ” ผมมองหน้ามันอีก

“ไอ้นี่ ตายทำไม ลำบาก ข้าวก็กินไม่ได้ มึงจะรีบตายไปไหน รอกูมีลูกก่อน ห่านี่ คิดอะไรไม่รู้ ไร้สาระ” มันทั้งขู่ทั้งปลอบ

“กูกลัว”

“กลัวเหี้ยไร หมอเก่งจะตายไป”

“กลัวไม่เห็นหน้า . . .” ผมมองไปยังคนที่นอนหลับอยู่

ความกลัวหายไปหน่อย ตรงที่ผมพยายามบอกตัวเอง ว่าผมยังตายไม่ได้ ผมจะตายได้อย่างไรกัน ส่งน้องยังไม่ถึงฝั่งฝันเลย

“มาทำปากดี เดี๊ยะตบ”

“กูคนป่วยนะโว้ย”



“เออ ลืมไป ว่าแต่วันนี้หมอละลืมอะไรในท้องมั่งว๊า กรรไกร ผ้าก๊อต หรือ . .”

“ไอ้เหี้ยนี่ ไม่เลิก”

ผมมองหน้ามัน มันช่างเป็นเพื่อนที่ดีเลิศที่สุดเลยจริง ๆ อวยพรผมได้ ให้กำลังใจอย่างที่ไม่รู้จะหาที่ไหนได้อีกแล้ว

“พี่อาร์ม เจ็บอีกมั้ย” ทันทีที่มันลืมตา มันถามผมถึงอาการเจ็บป่วย

แบบนี้ . . .

. . . ผมแปลได้อย่างเดียวล่ะครับ

ผมหันไปมองหน้ามัน

. . . แววตามัน ที่มองมายังผม ผมไม่เข้าข้างตัวเองหรอก มันห่วงผม ผมยิ้มให้มัน ประมาณว่า เออน่า ไม่มีอะไรที่น่ากลัวหรอก ตอนนี้กูทำใจที่จะขึ้นเขียงได้แร่ะ อะไรจะเกิดกูยอม ยอมทุก ๆ ประตูล่ะว๊า

อย่างน้อย . . .

. . . ถ้าวันนั้นผมตาย

น่าจะดีกว่าการมีชีวิตอยู่ตราบจนถึงวันนี้ . . .

“หายเจ็บแล้ว อย่าลืมไปรับพ่อกับแม่นะ”

“ไม่ลืมหรอกพี่ แต่ผมต้องไปทำงานให้อาจารย์ก่อน พี่อยู่กับพี่โอ๋ไปก่อนได้มั้ย”

“ทิ้งเลยเหรอ” ผมมองหน้ามัน

“ไม่ใช่ รีบไปทำให้เสร็จไง แล้วเลยไปรับพ่อที่ดอนเมือง รับรองน่า พี่ออกมาจากห้องผ่าตัด ผมมาให้เห็นคนแรกเลย”

ผมยิ้ม พยักหน้ารับ . . .

“ห่วงมันจัง พี่อาร์มของโกมันตายยากน่า”

ไอ้เพื่อนรัก มึงสังเกตเห็นเหี้ยอะไรหรือ เพราะเรื่องที่มากกว่าการเป็นพี่เป็นน้องนั้นผมยังไม่เคยบอกมันสักคำ สายตาหรือ กับมันผมก็ใช้สายตาที่ใกล้เคียงกันนี่หว่า

“ห่วงดิ พี่ชายผม”

สุดท้าย . . .

ผมก็แค่ . . .พี่ชาย

“แปรงฟันมั้ยพี่”

“ก็ดีนะ”

“ไม่ได้โว้ย . . .” ไอ้เพื่อนรักรีบห้ามใหญ่

“. . . เดี๋ยวเผลอกินน้ำเข้าไป ต้องนอนอดอีกแปดชั่วโมงนะมรึง กว่าจะได้ผ่า”




ผมมองหน้ามัน . . .

ไอ้เหี้ยนี่ พูดเล่นพูดจริงดูยาก จนมันพยักหน้ารับอีกครั้งนั่นแหละ ผมจึงสรุปเอว่าจริง แต่จะเท็จหรือจริง ก็เชื่อมันก่อนล่ะ ในฐานะที่มันเคยผ่านการมีประสบการณ์มาก่อน เหมือนที่เขาบอก เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด

ขืนให้อดอีกมีหวังตายแน่ ๆ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้อยากกระเดือกน้ำเต็มแก่แร่ะ

ยิ่งใกล้เวลาเข้าห้องผ่าตัด หัวใจผมระส่ำ . . .
ผมกลัวไปหมด กลัวว่าจะไม่ได้ลืมตามาอีก กลัวว่าหมอจะลืมอะไรในท้องของผม ความคิดในตอนนั้น ไม่มีเรื่องดี ๆ เลย ทุกอย่างมันหวาดวิตก กังวลไปหมด ยิ่งตอนที่พยาบาลเดินมาบอก อีกสิบนาทีจะมารับ คุณเอ๊ย . . . .

แทบขาดใจ . . .

ไอ้เพื่อนรักเหมือนจะรู้ มันนั่งข้าง ๆ ผม กุมมือผมเอาไว้ ผมสัมผัสได้ ความรู้สึกที่มันแผ่ซ่านมาทางรอยสัมผัส แต่คำพูดมันนี่สิ ไม่มีกำลังใจให้ผมเลย นึกแล้วอยากกระโดดถีบยอดหน้ามัน

“เอาน่ามึง สมบัติมีอะไรยกให้กูกับไอ้โกอย่างละครึ่งแล้วกัน กูยินดีรับ”

“สัสสสส ปากหรือตูดว่ะนั่น”

“อ้าว ขำขำน่า ญาติพี่น้องก็ไม่มี ไม่ให้กูแล้วให้ใครว่ะ ขอเอกสารพยาบาลมาเซ็นต์เลยดีไหมว่ะ”

“เหี้ยนี่ไม่เลิก”

“กูพูดจริงนะเนี่ย ยินดีรับนะโว้ย ขอเอกสารเสร็จก็เรียกพยาบาลมาเป็นพยานเซ็นมอบเลยมั้ย” มันยิ้ม ทำหน้าได้กวนบาทาสุด ๆ

ผมรู้ . . .

มันไม่อยากให้ผมเครียดกับเรื่องที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัด แต่มุขที่มันเอามาเล่น มันไม่รู้หรือว่าผมเครียดหนักเข้าไปอีก

สิ่งที่มันพูด . . .

. . . ทำให้อีกคนมองหน้าผมในอีกไม่กี่ปีต่อมา

“ไอ้โอ๋ . . . อย่าเพิ่งกลับนะโว้ย”

“เออน่า อยู่ รอรับศพ”

“ไอ้เหี้ยนี่”

“เอาน่ามึง กลัวทำไมนักหนา กูสัญญา มึงยังได้ทะเลาะกับกูอีกนาน กูรอมึงออกมาปากหมาใส่กูอีก โอเคมั้ยเพื่อน” มันเอาอีกมือตบลงบนมือที่มันกุมมือผมเอาไว้




“เออ ปากหมาพอกัน”

“ไอ้โกห่วงมึงจัง ก่อนไป สั่งกูนักหนาห้ามทิ้งมึง”

ผมยิ้ม สิ่งที่เพื่อนรักมันบอกผม ทำให้ผมมีกำลังใจในการที่จะอยู่ต่อ ผมว่า อะไรก็ไม่เท่ากำลังใจในตอนนี้

“น้องมันรักกูไง จะเหมือนมึงได้ไง แช่งตลอดไอ้เพื่อนเหี้ย”

“แดนโทรมา . . . กำลังหาไฟลท์กลับ” มันกดวาง ก่อนแล้วหันมาบอกผม

“เฮ้ย ใครบอกมัน”

“น้องมึงไง โทรบอกไอ้แดนเมื่อเช้า มันอยู่ภูเก็ต ไปกับครอบครัวมัน”

“ลำบากมันเปล่า ๆ อยู่กับครอบครัวมันด้วย”

“ปล่อยมันเหอะ หลานเจ้าของสายการบิน ขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหรอก เฮ้ย พยาบาลมาแล้ว เดี๋ยวหมอตัดทิ้งแล้วนะมึง ตัดทิ้งปุ๊บหายปั๊บ” มันยิ้มชูสองนิ้ว

ผมยิ้มกับมัน . . .

ก่อนที่บุรุษพยาบาลที่เดินเข้ามาพร้อมพยาบาล จะเปลี่ยนให้ผมนอนลงบนเตียงรถเข็น ก่อนที่จะเข็นผมออกไปจากห้องนั้น . . .

ทางเดินโรงพยาบาลน่ากลัวนะ ผมนอนลืมตา มองเพดานไปเรื่อย ๆ รถเข็นผ่านหลอดไฟ เหมือนที่ผมเคยดูในหนังเลย แต่ความรู้สึกจริง ๆ มันน่ากลัวกว่าในหนังเสียอีก

เอาน่า . . .

. . . ตัดมันทิ้ง ก็ไม่เป็นอีก . . .

. . . ตัดมันทิ้ง . . .

ไม่เจ็บอีก

. . . ตัดหัวใจ . . .

ง่ายเหมือนไส้ติ่งหรือเปล่าหว่า ผมได้แต่ถามตัวเอง เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา และในเวลานี้ เวลาที่ผมชั่งใจ ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตของผมต่อไปดี



เขาเข็นผมมารอที่หน้าห้องผ่าตัด มีพยาบาลอีกชุดมาเปลี่ยนเสื้อผ้า จากชุดกางเกงเป็นผ้านุ่ง ผมไม่รู้หรอก เขาทำอะไร แต่ทุก ๆ อย่างที่เขาทำ ผมยอมให้เขาทำแต่โดยดี ไม่ดื้ออีก

ตัดมันทิ้งก็ได้ . . .

. . . เนื้อไร้ประโยชน์

มันจะแตกต่างอะไร . . .




หัวใจที่ไร้รัก . . .

. . . ตัดทิ้งได้เหมือนกัน . . .

“ว่าไงค่ะคนเก่ง ฉี่มาหรือยัง”

“แล้วครับ”

“เดี๋ยวฉีดยาหน่อยนะค่ะ” เสียงเพราะจัง คนที่คาดหน้าเอาไว้ เดินมายังผม ที่ตอนนี้อยู่บนเตียงผ่าตัด

เขาพลิกร่างผม ก่อนฉีดยาเข้าที่หลัง . . .

. . . เข็มแทงเข้าไปเจ็บจนผมต้องกัดฟัน หากพอยาเลยปลายเข็มเข้าสู่ร่างกาย ผมต้องกำมือเอาไว้แน่น มันเกินที่จะบรรยายออกมาได้ ว่ามันเจ็บขนาดไหน . . .

มันเริ่มรู้สึกหนักหน่วง ๆ ที่ช่วงกลางลำตัว . . .

. . . ผมเป็นอะไรไป . . .

“เอาค่ะ สูดหายใจลึก ๆ นะค่ะ อากาศดีค่ะ” พยาบาลคนเดิมเอาสายอะไรไม่รู้ มาครอบบริเวณจมูกและปาก

กลิ่นนั่น . . .

. . . สดชื่นจังเลย . . .

“ดีค่ะดี อีกนิดนะค่ะ”

ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปดอีกครั้ง แล้วผมรู้สึกเหมือนเปลือกตาหนัก ๆ แต่หูผมได้ยิน มันยังแว่วในหูผมอยู่เลย

“คุณอาร์มค่ะ คุณอาร์ม” เสียงเรียกนั่น ชื่อผมเอง คนที่มีทั้งชื่อเล่นและชื่อจริงเหมือนกัน

หูผมได้ยิน

แต่ . . .

มันค่อย ๆ เลือนรางลงเรื่อย ๆ ผมเหมือนเดินไปในอุโมงค์ที่สว่าง ผมเดินเข้าไปเรื่อย ๆ เสียงใครคุยกัน ทำไมผมฟังไม่รู้เรื่อง แต่แสงนั่นยังสว่าง มันไปสิ้นสุดที่ไหนกัน

“โอ้ย”

ผมรู้สึกคล้ายมีคมมีดจดลงที่ผิวเนื้อ

แต่ . .

. . . แค่นิดเดียวนั้น เพราะหลังจากนั้น ผมไม่รู้อะไรอีกเลย ผมเดินไปในอุโมงค์นั่น มันลึก แต่สวย ผมเดินลึกไปเรื่อย ๆ ไม่เหนื่อยเลย

นานเท่าไหร่ . . .

. . .ผมไม่รู้ . . .




เพราะผมมารู้อีกที เหมือนอุโมงค์นั่นมืดมิด เสียงคนคุยกันกลับเข้ามาในความรู้สึกผมอีกครั้ง แต่ผมลืมตาไม่ขึ้น ทุกอย่างเหมือนลอยอยู่ตรงหน้า ผมไม่สามารถไขว่คว้าหรือช่วยเหลือตัวเองได้เลย

“คุณอาร์มค่ะ”

“หือ”

“จำชื่อได้ แสดงว่าฟื้นแล้ว อยากกลับห้องหรือยังค่ะ”

“ครับ กลับห้อง”

ผมตอบไป แต่ไม่สามารถลืมตามาเจอกับความจริงได้ ทุกอย่างมันหมุนไปหมด มีคนมาที่ผมนอน เหมือนเขาเข็นผมไปที่ไหนสักแห่ง ระยะทางนั้นดูเหมือนว่ายาวนานเหลือเกิน

เขามาหยุด ก่อนมีใครไม่รู้ยกตัวผมจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง . . .

“อาร์มลูก” เสียงนั่น เสียงแม่กับพ่อ เรียกหาผม

“พี่อาร์ม”

เสียงโก เรียกผมพร้อม ๆ กับเสียงอีกคน . . . ไอ้แดน . . .

“ไอ้อาร์ม ตื่นโว้ยตื่น” เสียงแบบนี้ไอ้เพื่อนรักของผม ผมพยายามลืมตาที่หนักอึ้ง

คนที่ผมเห็นราง ๆ นั่น คล้ายแม่ กับพ่อ สายตาผมยังปรับสภาพไม่ได้ . . .

“แม่ . . . พ่อ ผมยังไม่ตาย” เสียงผม แต่ทำไม มันดูอ่อนระโหยโรยแรงเหลือเกิน ผมพยายามลืมตา ปรับระยะสายตาให้ชัด คนนั้น . . .

ผมเห็นแล้ว เห็นชัดเจนเลย . . . โกเมศวร์

คนแรกที่ผมเห็นชัดหลังจากลืมตา . . .

“ยังไม่ตาย ไม่ตายแล้ว” ผมมองหน้าคนทั้งกลุ่ม ยิ้ม ก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้ง ผมไม่กลัวอะไรอีกแล้ว คนที่รอบกายผมตอนนี้มีแต่คนที่ผมรักทั้งนั้น

มันจะรู้ไหม . . .

ผมดีใจขนาดไหนที่เห็นมันชัดเจนคนแรกหลังจากลืมตา ผมมองหน้าทุกคนรอบ ๆ ตัวผมอีกครั้ง น้ำตาผมเอ่อไหล ผมพยามจะยิ้ม หากแต่มันเหนื่อยอ่อนเกินกำลัง ผมแทบจะไม่ไหวอยู่แล้วในเวลานี้

“โก เอาผ้าผืนใหม่มาเปลี่ยนผ้าให้อาร์มมันก่อน มันฉี่เต็มเลย” ผมได้ยินเสียงไอ้โอ๋บอก เมื่อมันมาแตะที่ผ้านุ่งของผม

ผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน . . .

. . . ปล่อยให้มันสองคนพลิกร่างผมไปมา




ผมหลับไปอีกครั้ง ก่อนจะตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายแก่ ๆ ยาสลบคงหมดฤทธิ์แล้ว คราวนี้ผมเห็นชัด ไม่มีใครหายไปไหน ทุกคนยังอยู่เหมือนเดิม นั่งคุยกันอยู่

“น้ำ หิวน้ำ”

“กินยังไม่ได้ เอาแค่แตะลิ้นเบา ๆ นะแม่” เสียงพ่อบอก

ผมได้แต่แตะเบา ๆ มันชุ่มลื้น แต่ผมกระหายน้ำ แม้จะกระหายขนาดไหน แต่กินไม่ได้

“ร้ายนะเรา ตอนโกเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลแม่ใจคอไม่ดีเลย ติดใจตั้งลงเครื่องเห็นแต่โกแล้ว” แม่มองหน้า ตัดพ้อผมเล็ก ๆ

ผมหันไปมองหน้าโก . . . “กลัวตกใจนะครับ”

“แดน แกหนีที่บ้านมาเหรอ เห็นโอ๋บอกไปเที่ยวกับที่บ้าน” ผมหันไปทางไอ้แดน ยิ้มให้มัน

“ขอบใจนะโว้ย อุตส่าห์มา”

“ตั้งใจมาเลยพี่ ถ้าอุตส่าห์ คงไม่มา”

“เดี๋ยวนี้ติดเชื้อไอ้ . . .” ผมหันไปมองหน้าเพื่อนรัก

“แต่ก็ขอบใจ ที่มา ขอบใจที่สุด”

“โหยพี่ มาขอบอกขอบใจทำไม เบื่อจะตาย ถึงโกไม่โทรไปผมก็กะว่าจะกลับไฟลท์เย็นแล้ว พอมันบอกเลยหาเรื่องกลับมาก่อน”

“ไอ้โอ๋ . . . กรูยังไม่ตายนะโว้ย แถมหมอไม่ได้ผ่าหมาออกจากปากด้วย”

“ดูพูดเข้าลูกคนนี้นี่” แม่ตีที่ต้นแขนผมเบา ๆ

“เห็นแล้ว ยังต้องเจอกันอีกนาน สงสัยกัดกับมันจนตายมั้งแม่” มันหันไปหาแนวร่วม แม่ผม

“โก . . .”

“ครับพี่”

“งานเสร็จยัง”

“ยังเลยพี่”

“ไปช่วยอาจารย์ก่อนก็ได้ คนเฝ้าเยอะแยะ เอาเปรียบเพื่อนมาวันนึงแล้ว ไม่ดีนะ” ผมยิ้มกับมัน

“เอางั้นหรือพี่”

“อืม ไปเหอะ”

“ครับ ๆ ค่ำ ๆ ผมมานะครับ” มันเดินมาที่ผม ก่อนที่จะร่ำราไอ้เพื่อนรักของผม ผมได้แต่มองมันเดินหายออกไปเงียบ ๆ




“มึงด้วยไอ้โอ๋ กลับบ้านเหอะ”

“เอ๊ะ ยังไง พอลืมตาปากดีเลยนะมึง”

“พี่โอ๋กลับเหอะพี่ ก่อนที่พี่อาร์มจะไล่ผมอีกคน” ไอ้แดนมันหันไปบอกโอ๋

“ยังโว้ย ยังไม่ได้อ้อนแม่เลย ไล่ก็ไม่กลับ ต้องเย็น ๆ โน่น อย่ามาไล่เสียให้ยากเลย ไหน ๆ ก็โทรไปลาป่วยมาวันนึงแล้ว” มันเดินมาจ้องหน้าผม

“กูไม่กลับ ชัดมั้ยเพื่อน”

“ลาป่วย”

“เออเด่ะ รู้สึกเหมือนจะปวดหัว เมื่อเช้าเลยโทรไปลาซะเลย”

“เสียวันลาอีกมึง”

“เรื่องของกู วันลาก็ของกู”

ผมยิ้ม . . .

ไม่เคยลืม ถ้าสิ่งไหนอยากให้มันทำ ต้องห้ามปรามมัน สิ่งไหนไม่อยากให้มันทำต้องยุมัน ไอ้เพื่อนผมมันแปลกชอบรับคำสั่งแนวตรงกันข้ามเสมอ

“แม่กับพ่อกินข้าวยัง”

“ยังเลย ห่วงเรา” แม่จับมือผมเอาไว้

“ไอ้โอ๋ . . .งั้นมึงไปหาอะไรที่เดอะมอลล์มาให้แม่กินหน่อยดิมึง”

“เยี่ยมมากเพื่อน เอางี้นะ มึงนอนคนเดียวได้ใช่มะ เดี๋ยวกรูพาพ่อกับแม่ ไอ้แดนไปกินเอ็มเค”

ความคิดเยี่ยมมากเพื่อนร๊ากกกกกกกกก . . . .

ทิ้งกูไว้คนเดียวนี่นะ . . . ทั้ง ๆ ที่รู้กูกลัวผี

“ไอ้เหี้ย กรูคนป่วยนะมึง”

“รู้ว่าป่วยไง เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด ยังไม่หมดฤทธิ์ยาหรอก อีกแปบก็หลับอีกเชื่อกูเด่ะ ระหว่างที่มึหลับ กูพาพ่อกับแม่ไปหาไรกิน”

“ไม่ห่วงกูว่างั้น”

“ก็มึงหลับ”

“ไปเลยมึง อยากไปไหนก็ไป อยากทิ้งกูไว้ตรงนี้ก็ได้ กูไม่สำคัญนี่” ผมงอน หลับตาลง ไม่อยากมองใบหน้าอันกวนส้นตีนมัน

“เอาไงดีพี่โอ๋ พี่อาร์มงอนแล้ว” แดนมันหันมาถาม

“จะยากอะไร งั้นเราออกไปซื้ออะไรที่ง่าย ๆ อร่อย ๆ ใส่กล่อง เลือกของที่อาร์มมันชอบ มากินยั่วมันไง” มันเข้ากันดีจังเลย

ทั้ง ๆ ที่กูนอนกินน้ำเกลือนี่นะ . . .

ผมได้แต่ยิ้ม ภาพในวันนั้น มันไม่ลบเลือนไปจากผม ในเวลาที่ผมกลัวตายมากที่สุด คนรอบ ๆ ตัวผมล้วนดีกับผมทั้งนั้น ผมโชคดีที่ได้เพื่อนที่ดี ได้คนที่ผมรักที่ดี เพียงแต่ผมไม่รักษามันเอาไว้เอง

ไอ้อาร์ม . . . คนไม่รู้ค่าของหัวใจ







 

Create Date : 08 มกราคม 2553
3 comments
Last Update : 8 มกราคม 2553 12:27:28 น.
Counter : 935 Pageviews.

 

รอชมๆ

 

โดย: ผักกาด (คังฮุนแจ ) 8 มกราคม 2553 16:49:06 น.  

 

บ้านเกิดผมเองน่ะครับรูปรองสุดท้ายหลังสีขาวๆน่ะใช่เลย

 

โดย: macaroon IP: 124.120.57.254 9 มกราคม 2553 22:06:22 น.  

 

อีก ๑ เม้นท์สำหรับตอนที่ ๑๓ (อ่ามีเจ้าของบ้านมาเม้นท์ด้วย จุ๊กกรู้ว์..เม้นท์์ข้างบนอ่าค่ะ)

 

โดย: ผู้หญิงมากฝัน (maesnake ) 11 มกราคม 2553 10:12:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นนท์ปวิชญ์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นนท์ปวิชญ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.