Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

[ T G 2 5 7 ] รักฤๅผูกพัน ฯ # ๑๒ #

**คำเตือน** 



เรื่องนี้ . . .




เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิง




ไม่เกี่ยวข้องกับ  บุคล  แต่อาจเกี่ยวพันกับสถานที่ 




หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในบรรณภิภพนี้




ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมากถึงมากที่สุด




ปล. เป็นเรื่องแต่งมิได้เกี่ยวข้องใด ๆ ต่อ เจ้าของบล๊อก







ต อ น ที่   ๑๒






Free TextEditor

ช่วงเวลาที่ผมอยู่กับโกนั้น . . . มันสุข

สุขจนผมสะกดคำว่าทุกข์ไม่ถูกเสียด้วยซ้ำ วันหยุดหากตรงกัน เราจะออกไปดูหนัง โยนโบล์ว ตามเรื่องตามราว โกมันไม่ชอบเท่าไหร่หรอก แต่มันขัดผมไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่ผมชวนไป มันพูดได้แค่ว่า . . .


“ตามใจพี่สิ”

ผมเลยเหมือนคนที่ถูกตามใจเสียจนเคยชิน ไอ้ความเคยชินนี้แหละ หากวันนึงภายภาคหน้ามันไม่ชินขึ้นมา ผมจะทำอย่างไร . . .

ความรักบังตาในตอนนั้น . . . คิดเรื่องแย่ ๆ ไม่เป็นหรอกครับ

รู้แค่ว่า . . .

ยังมีมันอยู่ด้วยกันอีกหลายปี กว่ามันจะเรียนจบ เมื่อถึงเวลาที่มันเรียนจบ ผมคงทำใจให้รักมันแค่น้องได้ . . .

เพราะ . . .

เราต่างถึงจุดหมายที่เราสองคนตั้งเอาไว้แล้ว . . . ผมทำใจได้นะ เพราะเวลามันคือตัวแปร ที่เราสองคนกำหนดเอาไว้เป็นคำสัญญา ผมไม่รั้งมันเอาไว้อยู่กับผมตลอดชีวิตหรอก

ผมสาบานได้ . . .

. . . ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ . . .

เวลา . . . ตัวแปรที่สำคัญ สำหรับความรัก

ของบางอย่าง . . . มีระยะเวลาของมัน





มันอาจจะมีอะไรกับผม แต่มันเคยมีเมียมาแล้ว คนที่ผ่านอะไรมาทั้งสองแบบมันรู้ดีแน่ ๆ ว่ามันต้องการอะไร มันไม่เคยบอกรักผมแบบสั้น ๆ เลยสักครั้ง ทั้ง ๆ ที่ผมอยากได้ยิน แต่เวลามันบอกรัก . . .

“ผมรักพี่อาร์มนะครับ พี่ชายของผม”

ผมรู้ . . . ความหมายของมัน มันยังขีดเส้นผมเอาไว้แค่พี่ชายของมันคนนึงเท่านั้น สำหรับผมสิ่งที่ได้รับมาจากมัน แค่นี้ก็ดีแล้ว

ดีที่สุดแล้วนะ . . . ไอ้อาร์ม

เวลาของผมมีแค่ไหน . . .

. . . ผมรู้ตัวเองดี

เวลาช่วงไหน ผมจะมีสถานะอะไรในสายตาของมัน ผมอยากจะอยู่กับมันตราบจนลมหายใจสุดท้าย แต่ไม่ใช่ฐานะคูชีวิตแน่ ๆ เพราะในเวลาสุดท้ายของชีวิต ผมอาจนอนอยู่ท่ามกลางลูก ๆ หลาน ๆ ของมัน

มันคงจะบอกลูก ๆ ของมัน . . .

“นี่ลุงนะลูก เมื่อก่อนพ่อไปเรียนอยู่กับลุงเขานี่แหละ”

แค่นั้นแหละ!

ที่ผมวาดฝันเอาไว้ในบั้นปลาย . . .

. . . ความฝันของบั้นปลายชีวิตของผม ผมหวังเอาไว้แค่นั้นจริง ๆ

ความฝันไม่เคยทำร้ายใคร . . .

แต่ผมนี่แหละที่ทำลายความฝันของตัวเอง เพราะในเวลาต่อมา จนกระทั่งวันนี้ ผมยังไม่รู้เลย จะมีอะไรอีกต่อไปในวันข้างหน้า วันที่ผมเองก็ไม่รู้จะมีเวลาให้กับผมนานขนาดไหน

กับคำถามที่ติดตัวผมเสมอมา ผมจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน . . .




. . สิ่งที่ผมปลาบปลื้มมากที่สุด . . .

ผลการเรียน มันจบ ปวช. ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งในรุ่น สำหรับผมแล้ว แม้จะจบปริญญาตรีด้วยเหรียญทอง . . .
แต่ผมเรียนต่อเนื่องมาตลอด ไม่เคยหยุดที่จะเรียน

หาก . . . โกเมศวร์

คนที่หยุดเรียนมาสองปี แถมเรียนมาทาง การศึกษานอกโรงเรียนอีก การที่เราถีบตัวเองมาได้แถวหน้าของรุ่น ผมถือว่ามันไม่ธรรมดา แม้จะเป็นโรงเรียนเอกชนก็เหอะ




เรื่องแบบนี้ ใช่ว่าจะทำกันได้ทุกคน
“พี่อาร์ม พี่ว่าเรียนที่ไหนดี” มันนอนมองเพดาน

ผมเหรอ นอนใกล้ ๆ กับมันนี่แหละ ตั้งแต่มันมาอยู่กับผมสามปีมาแล้ว นานมั้ย นานนะสำหรับเวลาสามปี ผมไม่รู้ว่าสามปีที่ผ่านมา เวลามันถักทออะไรขึ้นมาบ้าง

หนึ่งปีมี . . .

๓๖๕ วัน และมันนอนอยู่กับผมไม่น้อยกว่า ๓๐๐ วันในหนึ่งปี ก่อนนอนแทบทุกคืน เราจะต้องคุยกันเสมอ ผมว่าดีนะ ที่ได้นอนคุยกับเรื่องที่ผ่านมาในแต่ละวัน หากวันไหนผมกลับมาดึก ผมก็จะเข้าไปหอมแก้มมันเบา ๆ

แค่นี้ผมก็หลับฝันดีทั้งคืนแล้วล่ะ

ผมเหนื่อยสายตัวแทบขาดในการทำงาน . . .

ผมถามตัวเอง นี่กรูทำอะไร กรูทำงานทุกวันนี้เพื่ออะไร ในเมื่อผมไม่จำเป็นต้องทำงานที่นี่ ผมกลับไปทำงานกับพ่อกับเม่ที่เชียงใหม่หรือเชียงรายก็ได้

แต่ . . .

. . . ผมไม่ไป ไปได้อย่างไร . . .

ห่วงที่ผมผูกเอาไว้ ยังไม่จบเลย ผมจะทิ้งมันกลางทางแบบนี้ได้หรือ ?

ยามกลับมาตอนดึก เปิดตู้กับข้าว จะมีของให้ผมกินเสมอ มันไม่เคยลืมที่จะทำอะไรเก็บเอาไว้ สิ่งนี้ผมไม่เคยถาม มันทำให้ผมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ผมว่าหลายคนที่เจอแบบผม ไม่รักก็บ้าแล้ว

บางครั้งผมขับรถเข้าบ้าน แหงนหน้ามองแอร์ที่กำลังทำงาน . . .

ผมเหนื่อย . . .

แต่คนที่ผมรักนอนหลับสบายในห้องแอร์ ผมยิ้มกับตัวเอง สิ่งนี้มิใช่หรือที่ผมอยากเห็น ผมอยากเห็นคนที่ผมรักมีความสุขมากที่สุด ผมหายเหนื่อยทุกครั้งที่นึกถึงความสุขของคนที่ผมรัก

สิ่งที่ผมทำ ผมไม่เคยบ่น . . .

“แล้วโกอยากเรียนที่ไหนล่ะ”

“ไม่รู้ดิพี่ พี่ว่าที่ไหนดีอ่ะ”

มันยังเหมือนเด็กเลย ไม่มีความมั่นใจ อาจเพราะมีผมคอยแพ้วถางทางเอาไว้บ้างแล้วกระมัง ผมไม่อยากให้มันเดินไปสู่จุดหมายโดยไม่มีทางอะไรเลย ถนนที่จะไปสู่จุดหมายมันมีหลายทาง เหลือแค่ว่าจะเดินไปทางไหน

ถนนบางสาย . . .

. . . ตรงดิ่งสู่ปลายทาง




หาก . . .

หลายสาย อ้อม วกไปวนมา

แต่ . . . จุดหมายคือ

. . . ปลายทางเดียวกัน . . .

“ตอนนี้จบ ปวช. มันก็มีหลายทางมิใช่หรือ?”

“ใช่พี่ พี่ว่าต่อ ปวส. ดี หรือเรียน ป. ตรีเลยอ่ะ”

“ถ้าเป็นพี่นะ ปวส.”

“ทำไมครับ”

“วิศวฯ ห้าปีนานไป กลัวไม่จบ ตายกลางทางเสียก่อน ปวส. แค่สองปี เบื่อยังไงก็ปลอบใจตัวเอง อีกปีเดียวน่า”

“ผมก็ว่าจะเรียน ปวส. ก่อน แต่กลัวพี่ว่า”

“จะไปว่าอะไรเรา”

“ไม่รู้ดิ บางทีพี่อยากให้ผมเรียนตรีก็ได้”

“มันแล้วแต่โก เรื่องเรียนพี่ไม่บังคับหรอก เพราะชีวิตพี่ พี่จะไม่ขอโกอีก พี่ขอเอาไว้เรื่องเดียว”

“ครับผมรู้” มันมากอดผมเอาไว้

“เรื่องที่พี่ผมขอเอาไว้ ทำไมจะทำให้ไม่ได้”

. . . เรื่องที่พี่ผมขอเอาไว้ . . . ตกลงชีวิตนี้ ผมเป็นได้แค่พี่มันเท่านั้นใช่ไหม ?

“พี่ว่าเข้าไหนดีอ่ะ”

“อะไร”

“อ้าว ก็ปวส .ไง”

“เทคโนฯ ตีนดอย” ผมหันไปมองหน้า

“ไม่เอา ที่กรุงเทพฯ ดิพี่”

“อยากได้ที่ไหน ก็สอบที่นั่น”

“แล้วเกิดสอบไม่ได้ทำไง”

“เอกชน”

“เอาจริง ๆ ดิพี่ นี่ผมปรึกษานะเนี่ย” ผมเขย่าตัวผม

“เล็งที่ไหนไว้ล่ะ”

“เทคนิคกรุงเทพฯ พระนครเหนือ เทคนิคนนท์ . . .” มันเงียบไปพักใหญ่

“. . . แต่มันสอบพร้อมกันหมดอ่ะดิ ทำไงดี”




“เอาที่คิดว่าตัวเองมีโอกาสมากที่สุดสิ”


“เทคนิคนนท์นะ”

“ทำไม”

“ใกล้บ้านอ่ะ ไปที่อื่นไกลบ้าน เดี๋ยวพี่เป็นห่วง”

ขนาดมันจะตัดสินใจเลือกอนาคตของมัน มันยังคิดถึงผม ผมได้แต่นิ่งเงียบ มันเงียบงันจริง ๆ นะเวลานั้น ผมไม่เข้าข้างตัวเองหรอก ความรักที่มันมีให้ผม . . .

. . . มันรักผมแน่ ๆ . . .

แต่ . . .

มันจะเป็นรักแบบไหนนี่สิ !

เรื่องของหัวใจ มันบังคับกันไม่ได้ เหมือน ๆ กับที่ผมเอง ไม่เคยที่จะบังคับหัวใจตัวเองให้รู้สึกกับมันน้อยลง

ความรักที่ผมมี . . .

มันทำร้ายตัวผมเองทุกวัน ผมคงทำได้แค่ยอมรับในสิ่งที่ผมกระทำลงไป



เรื่องนี้ . . . ยิ่งเขียนยิ่งยาก

มันยากตรงที่มันต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง แม้จะปลอบใจเสมอ ว่านั่นคือความสุขของเรา คือชีวิตของเรา สิ่งที่ผ่านมามันผ่านมาแล้ว แปลกจัง ภาพความสุขสนุกที่ผมมีตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันเลือนลาง . . .


หาก . . .

ภาพที่เจ็บปวด ทำไมมันกระจ่างชัดก็ไม่รู้

อาจเพราะคนเรา มักจดจำสิ่งที่เลวร้ายได้ดีกว่าความสุข . . .

โกเมศวร์ . . . สอบได้เทคนิคนนท์ สมกับที่มันตั้งใจล่ะ แล้วก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่ไปเป็นผู้ปกครองให้มัน

ทำไงได้ละครับ ในเมื่อผมเอามันมาเรียน สิ่งใดที่สนับสนุนมันได้ ผมดันมันเต็มที่ และในทางกลับกัน อะไรก็ตามที่เข้ามาขวางทางการไปถึงจุดหมายของมัน ผมก็พร้อมที่จะเอาตัวเข้าไปขจัด

คราวนี้มันกู้เรียน . . .

กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา




อาจเพราะมันมองเห็นความไม่แน่นอนจากการที่แม่มันหายไปเมื่อคราวก่อน ทำให้มันต้องหาวิธีการที่จะได้เรียนต่อจนจบ ผมก็ยินดีกับมันสิครับ อย่างน้อยที่สุด ไม่ต้องเจียดเงินตัวเองให้มันอีกเวลาที่มันต้องลงทะเบียน

ทางที่มันเดินมา ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย . . .

อีกตั้งสี่ปีกว่ามันจะจบ แล้วผมก็ยังมีแรงพอที่จะทำงานของผมต่อไป ถ้าผมบอกว่า สามปีที่มันมาอยู่ด้วย ไม่เคยมีสักครั้งที่เราทะเลาะกัน . . . จะมีคนเชื่อผมมั้ย

ไม่เคยครับ . . . ไม่เคยจริง ๆ

แม้บางเรื่องผมแอบน้อยอกน้อยใจมันบ้าง . . .

แต่มันก็ไม่มีเรื่องให้เราต้องขึ้นเสียงกันแม้แต่น้อย อาจเพราะทั้งมันและผม เราต่างรู้หน้าที่ของตัวเอง สิ่งที่เราทำ คือจุดหมายเดียวกัน

“พี่อาร์ม ยืมรถไปโรงเรียนหน่อยดิ วันนี้ต้องไปซื้อของกับอาจารย์” มันขอรถยนต์ผม ในตอนเช้าของวันหยุด

มันทำงานพิเศษกับอาจารย์มัน . . .

. . . รายได้พิเศษของมันแหละ

“เอาไปดิ ไม่ได้ออกไปไหนหรอก”

“แน่ใจ”

“แน่ จะเอาไม่เอา” ผมต้องมองหน้ามัน เพื่อยืนยันว่าชัวร์ ๆ

ก็หลายครั้งที่มันเอารถไป แล้วสุดท้ายเป็นผมที่นั่งรถตู้ไปทำงาน ก็ผมไม่อยากให้มันลำบากนี่ครับ ส่วนผม ยังไงก็ได้ ผมยอมได้เสมอ

มันออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด ผมเลยเอามอเตอร์ไซด์ ออกไปที่หมู่บ้านข้าง ๆ วันเสาร์แบบนี้ ที่หมู่บ้านใกล้ ๆ กันมีตลาดนัด กะหาของสดมาเก็บเอาไว้ และหาอะไรมาตุนเอาไว้สำหรับมื้อเช้าของผม

ข้าวเหนียวหมูปิ้ง . . .

ของโปรดผมครับ เจ้านี้อร่อยมาก เพราะโดยปกติแล้ว เวลาวันหยุด ผมอาศัยฝากท้องไว้กับแกนั่นแหละ แต่คราวนี้มันไม่ใช่แบบที่ผ่านมา . . .

ตอนสายวันนั้น . . .

. . . ผมปวดท้องมาก . . .

ก็นึกว่าอาการปกติ เพราะผมเป็นโรคอาหารไม่ย่อยบ่อยเสียด้วย หายากิน แล้วขึ้นมานอน กะว่าเดี๋ยวคงหาย หากแต่ผมคิดผิด มันกลับปวดมากขึ้น ปวดจนผมต้องนอนขดตัวไปมา




ไอ้วินิจฉัยโรคเองนี่ มันงานถนัด ว่าแล้วก็ไปหายาธาตุน้ำขาวมากินอีก ก่อนลงไปต้มน้ำร้อนมาประคบเอาไว้ อาการปวดที่ท้องด้านขวามันเริ่มทุเลา . . .

แต่ . . .

อาการทุเลาไม่ได้แปลว่าหายนี่หว่า

พอน้ำร้อนหายร้อน ก็เริ่มปวดอีก คราวนี้ทนไม่ไหวแล้ว ไปที่ร้านขายยา บอกอาการปวด เขาก็จัดยามาให้ ในใจมันกะเอาไว้ อีกสักชั่วโมงไม่หายต้องไปหาหมอ ไม่ไหวแล้ว ทนปวดมาตั้งแต่นอนดูวอนบิน พระเอกจากซีรี่ส์ฮิต . . .ข้ามฟ้ามาเชื่อมรัก”

วอนบิน . . . ยิ้มได้ใจโครต ๆ

จนตอนนี้ มันเกือบบ่ายสามเข้าไปแล้ว

พอกินยาชุดใหม่เข้าไป . . .

คราวนี้เริ่มวิงเวียน คล้ายจะอาเจียน ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำไปล้วงคอ ให้อาเจียนออกมา มันออกมาแต่น้ำเหนียว ๆ ทรมานเหลือเกินไอ้อาการที่เล่ามาทั้งหมด มันสุดแสนจะทรมาน เจ็บป่วยทางกาย . . .

แต่ . . .

เทียบได้ที่ไหนกับอาการเจ็บปวดทางใจ ในเวลาอีกไม่กี่ปีต่อมา

“โก อยู่ไหน” ผมพยายามข่มความเจ็บ กดโทรหา

“เขตใต้” ก็ราชมงคลนนทบุรี มันมีสองเขตนี่ครับ

“อีกนานมั้ย”

“ทำไมพี่ เป็นไรมั้ยเสียงไม่ดีเลย”

“ปวดท้อง ปวดมาก ไม่ไหวแล้ว”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่พี่”

“เมื่อเช้า”

“แล้วเพิ่งโทรมานี่นะ รออยู่นะ จะไปเดี๋ยวนี้” มันตัดสายทิ้ง น้ำเสียงมันห่วงผม ห่วงมากเสียด้วย

ผมนอนบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด . . .

ไม่ถึงยี่สิบนาที ผมได้ยินเสียงรถจอด . . . เสียงมันวิ่งมาบนห้อง มันเปิดประตูเข้ามา หน้าตามันตื่นตระหนก ในขณะที่ผมน่ะหน้าเขียวไปหมดแล้ว

“พี่อาร์ม พี่อาร์มเป็นอะไร” มันปรี่เข้ามาประคองผมเอาไว้

“ไม่รู้ ปวดท้อง” ผมเอามือกดหน้าท้องด้านขวาเอาไว้




“เดินไหวมั้ย ไปหาหมอ” มันพยายามช่วยให้ผมลุกขึ้น ประคองผมเอาไว้ มันกึ่งแบกกึ่งประคองผมลงไปที่รถ ก่อนพาไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน

มันบ่นไปตลอดทาง . . .

“เป็นอะไร ปวดท้องก็ไม่ยอมโทรหา ปล่อยไว้แบบนี้ได้อย่างไร” มันขับรถไป จับมือผมเอาไว้ข้างหนึ่ง

“ซื้อยากินแล้ว เดี๋ยวคงหาย”

“จบหมอเหรอ ถึงรู้ เป็นไงล่ะ หน้าเขียวแล้ว นี่ถ้าผมอยู่ไกล ๆ ทำไง ดีนะที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่เอานะพี่ มีอะไรคราวหน้ารีบไปหาหมอ” มันเอ็ดผมเหมือนผมเป็นเด็ก ๆ

ผมสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่มันมีต่อผม . . .

ผมมองคนไม่ผิด . . .

ผมดีใจ ภูมิใจที่ผมรักคนแบบนี้ คนที่ผมจะฝากชีวิตเอาไว้ได้ มันคือความฝันของคน ๆ นึง ฝันที่อยากจะมีสิ่งที่ดี

ความฝันสวยงามเสมอ . . .

หมอส่งผมเข้าห้องตรวจ ผมนะตั้งแต่เกิดมา ทั้งเกลียดทั้งกลัวโรงพยาบาล ผมกลัวเข็มฉีดยา กลัวผี ในเวลานั้นมันกลัวไปสารพัด ผมไม่อยากตาย ยังอยากอยู่บนโลกนี้ เพราะเวลานี้ คือเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุด

ผมโดนเจาะเลือด . . .

. . . โดนตรวจฉี่

หมอบอกต้องรอผลตรวจราวสี่สิบห้านาที . . .

มันคือห้วงเวลาที่ทรมานที่สุด ผมต้องนอนดูฝ้าเพดาน มองหลอดแสงสีขาวยาว ๆ ความคิดมันไปไกล ตั้งแต่ที่หมอบอกเมื่อก่อนโดนตรวจเลือด

“น่าจะไส้ติ่งอักเสบ”

ไอ้ไส้ติ่งนี่ มันต้องผ่าสถานเดียวนี่หว่า ตายแน่ ๆ เลยตรู ต้องผ่าเลยเหรอ เกิดมา แค่เข็มยังกลัว นี่มีดที่ต้องเฉือนลงไป มันน่ากลัวขนาดไหน ผมคิดไปต่าง ๆ นานา ในขณะที่รอผลเลือด

“ไส้ติ่งครับ ต้องผ่า” หมอแจ้ง

ผมหน้าซีดสนิท . . . มันเลี่ยงไม่ได้แล้ว

“ครับหมอ . . .”

“มีประกันมั้ยครับ”

“ของผมมีที่นนทเวชนะครับ” ผมแจ้งให้หมอทราบ




“ครับ งั้นหมอส่งจะทำใบส่งตัวไปที่โน่นนะครับ ไปเองหรือให้ทางเราไปส่ง ถ้าทางเราไปส่งมีค่าใช้จ่ายนะครับ”

“ไปเองได้ครับ”

โกมันเคลียร์ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ก่อนที่จะขับรถพาผมมาที่นนทเวช ผมนั่งกุมมือมันมาตลอดทาง กลัวที่สุด กลัวว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง . . .

แล้วถ้าเกิดพลาดมา ต้องตาย

ตาย . . . ผมไม่อยากตาย

ผมดูหนังมากไปมั้ง ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว การผ่าตัดไส้ติ่ง มันแค่พลิกผ่ามือ หมอสมัยนี้เก่งจะตาย แต่ผมกลัว กลัวหมอลืมอะไรในท้องผม ผมยอมรับในเวลานั้น ผมวิตกจริตเอามาก ๆ

ไม่เคยเข้าโรงพยาบาลนี่หว่า . . .

แค่ตอนตรวจโรคเข้าทำงาน ยังไม่ค่อยอยากจะไปเลย มันยุ่งยากเสียจริง ผมนั่งคิดมาตลอดทาง ความกลัวในตอนนั้นมันมีมากเหลือเกิน จะไม่ให้กลัวยังไงไหว เพราะพอไปถึงนนทเวช . . .

หมอเจาะเลือดอีกรอบ . . .

ประมาณว่าเอาเลือดชั่วในตัวกรูออกให้มากที่สุดใช่ไหม

กว่าจะส่งตัวเข้าหอ . . . เอ้ย เข้าห้องรอเชือด เกือบค่ำ สายน้ำเกลือมาจิ้มที่หลังมือ แถมยังให้อดข้าว อดน้ำอีก เพราะพรุ่งนี้แล้ว

พรุ่งนี้ . . .

“จะตายมั้ยโก” ผมมองหน้ามัน มันเลื่อนเก้าอี้มานั่งที่ขอบเตียง เอามือกุมมือผมเอาไว้

มันยิ้ม . . . ยิ้มแรกในรอบสองปี ตั้งแต่ที่ผมมีอะไรกับมัน นี่คงเป็นยิ้มที่ผมเห็นชัดที่สุด

“เฮ้ย แค่ไส้ติ่ง”

“เคยผ่าเหรอ”

“ไม่เคย”

“แล้วรู้ได้ไงจะไม่ตาย”

“คนผ่าวันเป็นร้อย”

“อาจเป็นหนึ่งในร้อยที่ตาย”

“คิดไรแบบนั้น”

นั่นสิ . . .

ผมกลัวจนเกินไปก็ได้ ผมกลัวทั้ง ๆ ที่วงการแพทย์มันก้าวหน้า แค่ไส้ติ่งไม่ตายหรอก มันแค่เรื่องเล็ก ๆ เพียงแต่ตอนนั้น ผมกลัวตายมาก กลัวมากจริง ๆ ผมกลัวไปสารพัด



ถ้า . . .

ผมไม่หายใจตั้งแต่คราวนั้นมันก็คงดี เพราะผมตายไปพร้อม ๆ กับความรักของคนรอบ ๆ ตัว ผมคงมีความสุขที่สุด ที่อย่างน้อยคนที่ผมรักยิ่งชีวิต ก็ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บเหมือนทุกวันนี้



สำหรับผม . . . เรื่องการผ่าตัดหรือเข้าโรงพยาบาลมันเป็นเรื่องใหญ่นะ เพราะผมไม่เคยนอนโรงพยาบาลเลย แล้วนี่ต้องนอน ผมจะต้องทำยังบ้าง ยอมรับครับว่ากลัวมาก . . .

ที่บ้าน . . .พ่อกับแม่

ไม่บอกก็คงไม่ได้ เพราะถ้ารู้หลังจากนี้ เป็นเรื่องอีก แต่จะบอกยังไงดี ที่ไม่ให้ตกอกตกใจกันมาก ผมมองหน้าโก

“โทรเหอะพี่ เดี๋ยวพ่อรู้ทีหลังโดนดุอีก”

“จะบอกว่าไงดี”

“บอกไปตามตรงเหอะ”

“บ้าดิ เด๋วแม่ตกใจ”

“เออ เนาะ เอาไงดีล่ะพี่อาร์ม คิดดิครับ”

ดูท่ามันวิตกไปไม่น้อยกว่าผม มันไม่รู้หรอก ผมแอบมองมันแล้วยิ้ม มันห่วงผม แม้มันไม่พูด แต่สิ่งที่มันแสดงออกมามันไม่สามารถที่จะปิดบังได้ คำพูดนะมันสามารถโกหกกันได้ แต่สิ่งที่แสดงออกมานี่สิ โกหกกันได้หรือ

ผมเชื่อสนิทใจ . . . มันรักผม

“แม่เหรอครับ กินข้าวหรือยัง” ผมกรอกเสียงไปตามสายเมื่อแม่รับ

“แล้วจ๊ะ ลูกอาร์มล่ะกินยัง”

“แล้วครับ” ที่กินนะน้ำเกลือนะแม่ กินทางสายยางอ่ะ เขาให้กินผ่านเส้นเลือด ตอนนี้หมดไปครึ่งขวดแล้วล่ะ

ไอ้อาการปวดท้องมันเริ่มหายไปแล้วล่ะ คงเพราะหมอให้ยาแก้อักเสบไปด้วยกระมัง แต่ไอ้หิวน้ำนี่สิทรมานจังเลย หมอห้ามเด็ดขาด ไม่เชื่อหมอ ก็ดูกระไรอยู่จริงมั้ยครับ

ในตอนนั้น . . .หมอบอกให้ทำอย่างไร ผมทำหมด

. . . กลัวตาย . . .

แต่แปลก . . . หลังจากนั้นอีกสามปี ผมกลับ

อยากตาย . . .

“พ่อล่ะครับแม่ พ่ออยู่ไหน”




“อยู่ พ่อ ลูกอาร์มอยากคุยด้วย” เสียงแม่หันไปตะโกนบอกพ่อ

“อาร์มลูก” พ่อพูดเพราะเสมอ นาน ๆ ที่ผมจะได้คุยกับพ่อ เพราะผมสนิทกับแม่มากกว่าพ่อ

“ครับพ่อ พ่อสบายดีมั้ยครับ”

“ก็เรื่อย ๆ ตามประสาแหละ อาร์มล่ะลูก”

“ก็ตามประสาครับ”

เสียงพ่อหัวเราะเมื่อผมย้อนคำตอบกับพ่อ ในเวลานั้น ผมหายเจ็บ อย่างน้อยที่สุด กำลังใจที่ดีที่สุดของผม นอกจากพ่อกับแม่แล้ว คนที่มันนั่งกุมมือผมอยู่ . . .

“มีอะไร วันนี้โทรหาพ่อได้”

“พ่อกับแม่อยู่เชียงใหม่หรือครับ” บ้านหลังที่สองครับ เพราะที่เชียงรายจะอยู่ในสวนเสียมากกว่า บ้านแม่ . . .

“เชียงรายลูก”

“ว้า . . .” ผมถอนหายใจ ที่นั่นไฟลท์น้อยกว่าเชียงใหม่ และที่สำคัญ ไม่มีเครื่องของบริษัทผมลง

เชียงรายมีแค่ . . . พี่ใหญ่ จ่ายเต็มราคาเสียด้วย

“ทำไมเหรอลูก”

“ใกล้ยี่เป็งแล้ว อยากให้มากรุงเทพฯ กันครับ”

“อะไร เป็นอะไร”

“คิดถึงครับ อยากให้มา พ่อกับแม่ว่างมั้ย มานะครับ ให้แม่ช้อปที่เดอะมอลล์” นนทเวช ติดห้าง แม่ไม่เบื่อแน่ ๆ ที่มาเฝ้าผม

“เอ๊ะ ลูกคนนี้ มีอะไรหึ . . .” เสียงพ่ออารมณ์ดี

“ . . . แม่ ลูกมันอยากให้ลงกรุงเทพฯ น่ะ”

ผมได้ยินเสียงพ่อหันไปคุยกับแม่ . . .

“พรุ่งนี้นะพ่อ เดี๋ยวผมโทรจองไฟล์ แล้วจะโทรไปบอก แค่นี้นะครับ รักพ่อกับแม่นะครับ” ผมตัดสายทิ้งก่อนที่จะได้รับคำปฎิเสธ

แล้วผมก็โทรจองไฟลท์ ก่อนที่จะโทรไปยืนยันกับพ่อ ว่าพ่อต้องมาให้ได้ ผมจองไฟลท์ไว้แล้ว

ผมไม่ได้บอกพ่อว่าพรุ่งนี้ ผมจะผ่าตัด ผมคิดแค่ว่า ถึงผมจะตาย ผมก็จะตายอย่างมีความสุขที่สุด เพราะพรุ่งนี้ผมจะได้อยู่พร้อมหน้าคนที่ผมรัก

“โก . . . อย่าไปไหนนะพี่กลัว” ดึกแล้ว แต่ผมไม่หลับ




ไม่รู้สิ หัวใจมันกังวลอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่รู้ พรุ่งนี้มันจะเกิดอะไรบ้าง ถ้าผมเข้าไปผ่าตัดแล้วเกิดผิดพลาด ผมจะเป็นอย่างไร สมองผมมันมีแต่เรื่องแย่ ๆ ทั้งนั้น ไม่มีสักเรื่องที่ผมจะคิดในแง่ดี

ทั้ง ๆ ที่ความจริง . . .

ผ่าไส้ติ่ง . . . ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเสียเลย

เสียงโทรศัพท์ผมเข้ามา แต่ผมเบลอ ๆ ไอ้โกมันมารับ . . . สมองผมเริ่มจะปิด แต่หูผมได้ยิน

“พี่โอ๋เหรอครับ โกเองพี่”

ผมรู้ ไอ้เพื่อนรักผมมันโทรเข้ามา . . .

“อ๋อ อยู่โรงพยาบาลครับ พี่อาร์มครับพี่ ไส้ติ่งอักเสบ” เสียงมัน ผมได้ยินชัด ก่อนที่ผมจะหลับไป

ผมมาตื่นอีกทีตอนตีสอง . . .

ไฟในห้องสว่างจ้า โกยังไม่นอนหรือ ปกติมันนอนปิดไฟนี่หว่า ความเคยชินทำให้ผมคิดแบบนั้น แล้วมันไปนอนไหน ทำไมไม่มานอนด้วยกัน . . .

โรงพยาบาลนะ . . .

เหมือนอีกเสียงบอกผม เออใช่ ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลนี่หว่า

“โก” ผมเรียก แต่เสียงมันแหบ

“อ้าว ตื่นแล้วหรือ” เสียงนั่น ไม่ใช่โก ผมลืมตามอง

“ไอ้เหี้ย” ผมปล่อยใส่มัน เมื่อมันโผล่หน้ามาให้เห็น ไอ้เพื่อนรักของผม มันไม่รู้หรอกผมดีใจขนาดไหนที่เห็นหน้ามัน คาดว่ามันคงมาทันทีหลังจากที่โทรมาแต่โกรับสาย

“ลืมตาได้ปากดีเลยนะมึง”

“เรื่องของกู มาทำไม”

“โห . . . ดูมันโก ดูมัน พรุ่งนี้ช่วยบอกหมอผ่าหมาออกจากปากมันด้วยนะ แมร่งคนเป็นห่วง”

“เออ ขอบใจ รู้ว่าห่วง มาทำไม”

“ไอ้นี่ มาก็ผิดด้วย”

“ดึกแล้ว”

“มึงนะนอนไป พรุ่งนี้ผ่าตัดอีก ผักผ่อนเอาแรง เดี๋ยวคืนนี้กูนอนเฝ้ามึงกับไอ้โกเอง” มันยิ้ม ก่อนมาดึงผ้าห่มคลุมตัวให้ผม

“ขอบใจเพื่อน ขอบใจ” ผมยิ้ม




“ไหน ๆ ก็คืนสุดท้ายแล้ว ขออยู่ดูหน้าเพื่อนหน่อย” มันยั่ว

“ไอ้สัส”

“เอาน่า กูห่วงมึงนะ นอนเหอะ” มันเอามือตบที่ไหล่ผมเบา ๆ

เออ! ถ้าไม่สบายแล้วมีคนรักรอบตัวแบบนี้ ผมน่าจะไม่สบายให้บ่อยนะ อย่างน้อยที่สุด เราจะได้รู้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ข้าง ๆ เรา

ผมมีเพื่อนดี . . .

. . . มีน้องดี

น้อง . . .นอกสายเลือด

หาก . . . ผมทำลายมันด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่มันแสนดี แต่ผมเองที่ผลักให้มันออกไปจากชีวิตของผม ทั้ง ๆ ที่ในเวลาที่เลวร้ายที่สุดของมัน ผมน่าจะเป็นคนเดียวที่เป็นกำลังใจให้มัน แต่ผมกลับทำลายมันไปหมด

ความโง่ . . . มันเข้าบังตาผมจนหมดสิ้น





 

Create Date : 07 มกราคม 2553
2 comments
Last Update : 7 มกราคม 2553 12:24:03 น.
Counter : 1101 Pageviews.

 

รอติดตามตอนต่อไป

 

โดย: ผักกาด (คังฮุนแจ ) 7 มกราคม 2553 15:12:15 น.  

 

โหว์..อ่านแล้วได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดเลยอ่าค่ะ ..อ่าค่าอ่านอีก ๑ เม้นท์

 

โดย: ผู้หญิงมากฝัน (maesnake ) 11 มกราคม 2553 10:02:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นนท์ปวิชญ์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นนท์ปวิชญ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.