ทำดีลบล้างความชั่วได้หรือไม่
ทำดีลบล้างความชั่วได้หรือไม่ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
คนส่วนมากมักจะคิดว่า กฏแห่งกรรม เป็นกฏตายตัว เป็นอย่างใดก็คงอยู่อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง เห็นจะต้องขออนุญาต จับเข่าคุย เสียตรงนี้ ว่ากฏแห่งกรรมนั้นเป็นหนึ่งในบรรดา ๕ กฏ คือ
๑. พืชนิยาม กฏแห่งการสืบพันธุ์ หรือ พันธุกรรม เช่น เมล็ดมะม่วงก็ย่อมงอกงามออกมาเป็นต้นมะม่วง จะเป็นต้นทุเรียนไปไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น นี้ก็เป็นกฏของธรรมชาติอย่างหนึ่ง
๒. อุตุนิยาม กฏธรรมชาติเกี่ยวกับอุณหภูมิ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะ ดิน น้ำ อากาศ และฤดูกาล เช่น เย็น ร้อน หนาว ฟ้าร้องฟ้าผ่า เป็นต้น นี้ก็เป็นกฏธรรมชาติอย่างหนึ่ง
๓. จิตตนิยาม กฏธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต เช่นการที่จิตรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ แวบไปโน่นไปนี่ได้รวดเร็วเหลือเชื่ออย่างไร จิตมันทำงานอย่างไร เป็นต้น นี้เป็นกฏธรรมชาติอย่างหนึ่ง
๔. กรรมนิยาม กฏแห่งกรรม คือกฏธรรมชาติว่าด้วยการกระทำ และการให้ผลของการกระทำ เช่น ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว นี้เป็นกฏธรรมชาติอย่างหนึ่ง
๕. ธรรมนิยาม กฏแห่งธรรมดาของสรรพสิ่ง เช่นสิ่งที้งหลายมีการเกิดขึ้นแล้วย่อมแปรเปลี่ยนดับสลายไปในที่สุด พูดง่าย ๆ ว่าทุกสิ่งไม่แน่นอน เกิดขึ้นมาแล้วย่อมเปลี่ยนแปลงและดับสลายไปตามเหตุปัจจัย
กฏที่ ๕ นี้ ครอบคลุมทุกกฏที่กล่าวมาข้างต้น กฏแห่งกรรมก็เป็นหนึ่งใน ๕ กฏนั้น เพราะฉะนั้น กฏแห่งกรรมจึงเปลี่ยนแปลงได้ มิใช่กฏตายตัว
เมื่อกฏแห่งกรรมมันเปลี่ยนแปลงได้ แล้วแต่เงื่อนไขใหม่ ๆ ที่จะมาผันแปร หรือสนับสนุนให้มันเป็นไปในทางใด คนที่ทำความไม่ดีมาก่อน ความไม่ดีนั้น จริงอยู่แนวโน้มจะให้ผลไม่ดีแก่ผู้กระทำมีอยู่ เพียงรอโอกาสที่เหมาะจะให้ผล บังเอิญว่าคนคนนั้นมากระทำความดีมากมายเพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา ความดีนั้นอาจจะมี พลัง ละลายความชั่วให้หายไป หรือหมดโอกาสจะให้ผลเลยได้
ในทำนองเดียวกัน คนที่เคยทำความดีมามาก ภายหลังกลับทำความชั่วมากขึ้นกว่าเดิม ความดีที่เคยมีก็อาจจะ จางลง ไปได้
เรื่องนี้ไม่ยกตัวอย่างคงจะกระจ่างยาก ผมขอยกตัวอย่างที่รับรู้กันได้ง่าย ๆ สักเรื่องหนึ่ง สมมติว่าเรามีบ่อน้ำที่มีน้ำสกปรกมากอยู่บ่อหนึ่ง การที่เราจะทำน้ำให้สะอาดอาจมีหลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ง่าย ๆ ก็คือ ใส่น้ำที่สะอาดเข้าไปให้มาก ๆ น้ำใหม่ที่สะอาดนั้นก็จะเข้าไปละลายน้ำเก่าให้เป็นเนื้อเดียวกัน สักพักน้ำในบ่อนั้นก็จะใสสะอาดจนกระทั่งดื่มกินได้
คำถามก็คือ น้ำที่สกปรกมันหายไปไหน ตอบว่า มันก็อยู่ตรงนั้นแหละ แต่มันเจือจางไป กลายเป้นน้ำที่สะอาดขึ้นมาแล้ว
ในเรื่องความดีความชั่วก็เช่นเดียวกัน เราเคยทำดีมามาก ภายหลังกลับทำความชั่วมากกว่า ความดีก็ละลายหายไปโดยอัตโนมัติ หรือเคยทำชั่วมาแต่ภายหลังทำความดีมากขึ้น ๆ ความดีนั้นก็จะทำให้ความชั่วหมดไปได้
อย่างนี้เราจะเรียกว่า ทำชั่วลบล้างความดี ทำดีลบล้างความชั่วได้ไหม จะว่ามัน ล้าง กันตรง ๆ เหมือนเอาผงซักฟอกล้างคราบสกปรกก็ไม่ใช่ดอกครับ เพียงแต่ว่าความดี (บุญ) ถ้ามันมีมากขึ้น ๆ มันก็ทำให้ความชั่ว (บาป) ที่มีอยู่เดิม ละลายหายไปได้ คือไม่สามารถให้ผล หรือความชั่ว (บาป) เมื่อมีมากขึ้น ๆ มันก็สามารถทำให้ความดี (บุญ) อันตรธานไปเช่นเดียวกัน
มีพุทธภาษิตรับรองไว้ว่า ยัสสะ ปาปัง กะตัง กัมมัง กุสะเลนะ ปะหิยะติ โสมัง โลกัง ปะภาเสติ อัพภา มุตโตวะ จันทิมา
ใครทำความชั่วไว้ ภายหลังละได้ด้วยการทำความดี เขาผู้นั้นย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสว ดุจพระจันทร์พ้นจากเมฆหมอก ส่องสว่างกลางหาวฉะนั้น
แปลไทยเป็นไทยก็ว่า ใครก็ตามเคยทำชั่วไว้ ต่อมากลับทำความดีไว้มาก ๆ ความชั่วก็หายไป คนเช่นนี้เรียกว่าพบแสงสว่างแห่งชีวิตในโลกนี้ เหมือนพระจันทร์ไม่ถูกเมฆหมอกบดบัง
คงจะจำพระองคุลิมาลกันได้ ในอดีตท่านได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มาก ฆ่าคนมาเป็นร้อย ๆ ตามหลักของกรรม ความชั่วที่ท่านทำจะต้องตามสนองไม่เร็วก็ช้า แต่บังเอิญว่าท่านพบพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เลิกละวางทางแห่งความชั่วร้าย ออกบวชบำเพ็ญพรต จนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
เงื่อนไขใหม่ที่ท่านทำนี้มีมาก และมีพลังทำให้เงื่อนไขเก่าเปลี่ยนแปลงไป พูดง่าย ๆ ก็ว่าทำความดีจนถึงที่สุดแล้ว ความชั่วที่เคยมีมาก็หมดโอกาสให้ผลเอง จะเรียกว่ามันหายไปหมดไปเลยก็ได้ เหมือนน้ำสกปรกในบ่อ เมื่อมีน้ำสะอาดไหลเข้ามาก ๆ มันก็ละลายหายไปเองดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
หลักกฏแห่งกรรมตรงนี้ทำให้เราได้คิดว่า เราสามารถ ลิขิต ชีวิตตัวเองได้ ถ้าเรารู้ตัวว่าเราเคยไม่ดีมาก่อน (ไม่อยากใช้คำว่า ทำชั่ว) ใช่ว่าเราจะเป็นอย่างนั้นชั่วอมตะนิรันดร์กาลก็หาไม่ เราสามารถทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ด้วยการพยายามปรับปรุงตัวเอง ทำความดีให้มาก ๆ ขึ้น เช่นให้ทาน รักษาศีล บำเพ็ญสมาธิภาวนา ในที่สุดเราก็จะกลายเป็นคนละคน
เพราะฉะนั้น อยากได้อะไร อยากเป็นอะไรในอนาคต ก็ทำเอาเองเถิด สร้างเหตุปัจจัยที่จะอำนวยผลในทางนั้น ไม่ต้องไปฝากชีวิตทั้งชีวิตไว้กับการเซ่นสรวงบูชา อ้อนวอนภูติผีเทวดาโดยไม่จำเป็น
พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า กัมมุนา วัตตะตี โลโก แปลให้ฟังชัด ๆ ว่า คนเราจะเป็นอะไรก็เพราะการกระทำของเราเอง ภูติผีเทวดาไม่เกี่ยว ครับ ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป....
เพลง ม่านไทรย้อย
|
Create Date : 29 กรกฎาคม 2556 |
|
50 comments |
Last Update : 20 มีนาคม 2558 11:32:36 น. |
Counter : 2399 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 29 กรกฎาคม 2556 8:50:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 29 กรกฎาคม 2556 9:51:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 29 กรกฎาคม 2556 12:54:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: รับสุข IP: 223.207.99.224 29 กรกฎาคม 2556 14:35:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: gymstek 29 กรกฎาคม 2556 15:38:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: คมไผ่ 29 กรกฎาคม 2556 16:09:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: schnuggy 29 กรกฎาคม 2556 16:10:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมอหว่อง 29 กรกฎาคม 2556 18:28:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 29 กรกฎาคม 2556 21:03:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 29 กรกฎาคม 2556 23:47:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: Gunpung 30 กรกฎาคม 2556 6:03:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 30 กรกฎาคม 2556 6:51:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pikake 30 กรกฎาคม 2556 8:39:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 30 กรกฎาคม 2556 14:20:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 30 กรกฎาคม 2556 18:06:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: auau_py 31 กรกฎาคม 2556 13:27:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมอหว่อง 1 สิงหาคม 2556 23:25:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 2 สิงหาคม 2556 8:16:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก้อนเงิน 2 สิงหาคม 2556 20:32:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: Gunpung 3 สิงหาคม 2556 4:35:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 4 สิงหาคม 2556 20:20:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: pantawan 4 สิงหาคม 2556 21:54:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: ~ ริมน้ำ_voUฟ้า ~ (rimnam_kobfa ) 5 สิงหาคม 2556 15:04:32 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ความยินดีในธรรมะ ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง