| | |
|
เนื่องจากมีเพื่อนหลายคนถามว่า ถ้าต้องการโหวตให้ปอป้าจะโหวตสาขาไหน คำตอบก็คือ ขอเป็นสาขาบล๊อกธรรมะ...นะคะ ขอบพระคุณมาก..ค่ะ
| |
| | |
ยิ้มและหัวเราะ โดย นพ. วิธาน ฐานะวุฑฒ์
There isnt much fun in medicine, but theres a heck of a lot of medicine in fun
JOSH BILLINGS
เมื่อนึกจะเขียนถึงเรื่อง ยิ้ม ผมก็นึกไปถึงข้อมูลที่น่าสนใจมาก ๆ จากหนังสือของคุณหมอเดวิด ไซม่อน ที่ผมนำมาอ้างอิงและเขียนไว้ในหนังสือหัวใจใหม่ชีวิตใหม่ของผม คุณหมอไซม่อนเล่าไว้ว่า เด็กที่คลอดปกติ จะสามารถ เริ่มยิ้ม ได้ภายในเดือนแรกของชีวิต แต่จะหัวเราะได้จะต้องอายุประมาณสามถึงสี่เดือนไปแล้ว คือการหัวเราะจะสามารถทำได้ยากกว่าการยิ้ม แต่การยิ้มก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะนำไปสู่การหัวเราะ
เด็ก ๆ ที่อายุประมาณขวบครึ่งจะสามารถยิ้มได้ทุก ๆ หกนาที และเมื่ออายุสี่ขวบจะสามารถยิ้มได้ทุก ๆ นาทีเลยทีเดียว โดยรวม ๆ เด็ก ๆ สามารถยิ้มได้มากกว่าผู้ใหญ่ ๓๕ เท่า และสามารถหัวเราได้มากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่าทีเดียว แต่หลังจากนั้นไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไรนะครับ ที่ทำให้การยิ้มของเด็กจะค่อย ๆ ลดน้อยลง
มีความจริงอยู่ประการหนึ่งว่า ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดของชีวิต การยิ้ม และ การหัวเราะ มักจะสามารถช่วยอะไรได้เสมอ คุณหมอไซม่อนอธิบายว่า การยิ้มและการหัวเราะจะสามารถทำให้ร่างกาย หลั่งฮอร์โมน ของความสุข เช่น ฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน ออกมา คือเรื่องนี้สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ว่า ปฏิกิริยาทางชีวเคมี ของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์นั้นจะสามารถเลือกอยู่ได้ใน สองสภาวะ เท่านั้น คือ ถ้าไม่อยู่ในสภาวะบวกก็อยู่ในสภาวะลบ ถ้าไม่อยู่ในสภาวะปกติก็ต้องเปลี่ยนไปอยู่ในสภาวะเครียด ณ จังหวะเวลาของวินาทีนั้นเซลล์ก็จะไม่สามารถหลั่งฮอร์โมนความสุขออกมาได้ เพราะมัวแต่หลั่งฮอร์โมนเครียดออกมา คือเซลล์ต่าง ๆ จะมีความสามารถหลั่งฮอร์โมนได้เพียงกลุ่มเดียว ในจังหวะเวลาหนึ่ง การยิ้มและการหัวเราะ จึงเหมือนกับเป็น การแกล้ง หรือ บังคับ ให้เซลล์ต้องหลั่งฮอร์โมนความสุขออกมาอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยก็ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้น
และถ้าเราสามารถ ดำรงอยู่ กับการยิ้มหรือหัวเราะได้ นานวินาที พอ และเราสังเกตได้ดี เราก็จะค่อย ๆ รู้สึก ดีขึ้น ในจังหวะที่เราอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้ายต่าง ๆ เหล่านั้นได้ หรืออาจจะอธิบายในเชิงของ จิตวิทยาทางกาย (Somatic Psychology) ได้ว่า การยิ้มทำให้ กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า หลายสิบมัดเกิดความ ผ่อนคลาย การทำงานของกล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายนั้นเป็นไปตามหลักการของ องค์รวม หรือ โฮโลแกรม คือส่วนเสี้ยวเป็นภาพสะท้อนของส่วนใหญ่ได้
เมื่อเราสามารถ กล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งของร่างกาย ผ่อนคลาย ได้ ก็จะเกิดภาพสะท้อนให้กับกล้ามเนื้อทั้งหกร้อยกว่ามัดทั่วร่างกายได้ด้วยเช่นกัน คือการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อใบหน้าจากการยิ้มหรือหัวเราะนั้น สามารถทำให้เกิดการผ่อนคลายกับกล้ามเนื้อทั้งร่างกายได้นั่นเอง
มีงานวิจัยทางการแพทย์หลายรายงานที่พบว่า การหัวเราะ ทำให้โรคหลายโรคมีอาการดีขึ้น รายงานที่มักจะอ้างถึงเสมอ ๆ ก็คือรายงานของนอร์แมน คูซินส์ ที่ทรมานจากโรคข้ออักเสบ ด้วยการหาวีดีโอตลกมาดู เขาพบว่าการหัวเราะดัง ๆ หนึ่งครั้งจะทำให้เขาหายปวดข้อไปได้ถึงสองชั่วโมง และเมื่อทำบ่อย ๆ มากขึ้น ผ่านไปเป็นปี อาการปวดข้อของเขาหายไปโดยปลิดทิ้ง
นอกจากนั้น การยิ้มและการหัวเราะ ยังเป็นการเหนี่ยวนำให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ รู้สึกดี ช่วยทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ข้างของเขาเหล่านั้นดีขึ้นตามไปด้วย
ผมเคยทดลองทำ กิจกรรมหัวเราะ แบบเป็นกลุ่ม โดยตั้งกติกาว่าให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนออกเสียงหัวเราะไปเรื่อย ๆ โดยไม่หยุดเป็นเวลาช่วงหนึ่ง อาจจะสิบนาที ในช่วงเวลาที่เหล่านั้นก็ให้ลองสังเกตตัวเองเยอะ ๆ โดยเฉพาะให้สังเกตสภาวะอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ก็พบว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานและได้บรรยากาศที่ดีไม่น้อย พูดง่าย ๆ ว่า การยิ้ม นั้นสามารถ ติดต่อกันได้ เช่นเมื่อเราเห็นใครคนหนึ่งยิ้มหรือหัวเราะ เราจะรู้สึกดี เราอาจจะแค่อมยิ้มของเราเองหรือสามารถยิ้มตอบหรือหัวเราะตอบได้
มาซี่ ชิมอฟ เขียนเล่าไว้ในหนังสือ Happy for No Reason ของเธอว่า แคโรไลน์ มิส ซึ่งเป็นนักบำบัดชื่อดังเขียนเล่าในหนังสือเล่มหนึ่งของเธอว่า รอยยิ้มที่เบิกบาน ของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังขับรถผ่านผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังรอข้ามถนนได้ช่วยชีวิตผู้ชายคนนั้นไว้ เพราะผู้ชายคนนั้นกำลังจะข้ามถนนกลับไปอพาร์ตเมนต์ของตัวเขาเองเพื่อฆ่าตัวตาย รอยยิ้มของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เพียงแต่ขับรถยนต์ผ่านไปได้กระจายความสุขมาถึงตัวเขา สะกิดใจให้เขาได้ระลึกว่า โลกใบนี้ยังมีสิ่งสวยงาม อีกมากมาย
ปกติเวลาที่ผมขับรถยนต์ ผมก็มักจะยิ้มเสมอ ๆ อยู่แล้ว ยิ่งได้อ่านเรื่องนี้ของแคโรไลน์มิส ผมยิ่งจะเตือนตัวเองให้ยิ้มเสมอ ยิ้มให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ยิ้มกับถนน ยิ้มกับรถยนต์คันหน้า ยิ้มกับทิวทัศน์ข้างทาง ยิ้มกับคนที่สวนมา ยิ้มกับคนที่เดินข้างถนน ด้วยความเชื่อที่ว่า รอยยิ้มของเรา มีส่วนช่วยให้โลกใบนี้สวยงาม และเรื่องนี้เป็นอะไรที่ง่าย ๆ ที่เป็นหน้าที่หนึ่งของเราในโลกใบนี้
ในยามที่ยากลำบาก ในยามที่มีความทุกข์ ในยามที่สับสน แน่นอนว่า การฉีกยิ้ม ออกจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ขอเพียงให้เราพยายามฝืน ๆ ดูสักนิดสักหน่อย ในเบื้องต้นอาจจะฝืนยิ้มได้ฝืด ๆ หน่อยนะครับ แต่สักพักหนึ่ง กล้ามเนื้อของใบหน้าเราที่ถูกคลี่คลายออกจะค่อย ๆ ส่งผลถึงอารมณ์ของเราในเวลาไม่นานนัก ว่าแต่ว่า เราลอง ฉีกยิ้ม ได้นานพอหรือยัง ??
ขอบคุณ ภาพประกอบเรื่อง จากคลังภาพหมิงหมิง
เพลง รักคุณเข้าแล้ว
บ่น ๆ เล่า ๆ ท้ายเรื่องหน่อย..จ้า
ปอป้ายังหัวฟู เคลียร์งานไม่เสร็จเลย..ค่ะ ทั้งงานราษฎร์และงานหลวง
ช่วงนี้ อาจจะห่างหาย ไม่ได้ไปทักทายกันเหมือนเคย
งานเรียบร้อยเข้าที่แล้ว จะรีบบึ่งมาเซย์ ห้าโหล ทันที..ค่ะ
คิดถึงเพื่อนบล๊อกทุกท่าน...นะคะ
วัยยิ่งผ่านพ้นไป เหมือนขณะทีเดียว
ทำวันเวลาที่เหลืออยู่ให้มีคุณค่าอย่างมีความสุข..นะคะ
การเดินทางในช่วง ๑๐ วันที่ผ่านมา
ได้ทำบุญทำทานตลอดทั้ง ๑๐ วัน อดช๊อป อดเที่ยว
แต่ก็มีความสุขกับบุญ กุศลที่ได้ทำ สมความตั้งใจทุกอย่าง
ขอนำผลบุญ กุศลนี้ ฝากเพื่อนบล๊อกทุกท่านด้วย..นะคะ