การขอบคุณ โดย นพ. วิธาน ฐานะวุฑฒ์
ถ้าจะมองจากความรู้สึกของสมอง ๓ ชั้น คือ สมองชั้นนอกที่เกี่ยวกับคิด สมองชั้นกลางที่เกี่ยวกับอารมณ์ และสมองชั้นในสุดท้ายที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยมีสมมติฐานว่า การทำงานของสมองทั้ง ๓ ชั้น ควรจะต้องมีความสมดุล เพราะมนุษย์ในยุคปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะใช้ ความคิด มากเกินไป ทำให้เสียสมดุล การกลับมาใช้สมองด้านอารมณ์ความรู้สึกและสมองส่วนของร่างกายให้มากขึ้น ก็น่าจะเป็นการปรับสมดุลอย่างหนึ่งให้กับมนุษย์ได้
การขอบคุณ เป็นการเริ่มต้นของการใช้พลังงานด้านบวกของหัวใจ ซึ่งเชื่อมโยงกับการทำงานสมองชั้นกลางที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก ลองสังเกตดูด้วยตัวเองก็ได้นะครับว่า เมื่อ เราเริ่มต้นขอบคุณ อะไรสักอย่างหรือใครสักคน หลาย ๆ คนจะรู้สึก หัวใจพองโต อิ่มเอิบอบอุ่นที่บริเวณทรวงอกของเรา
ในค่ำคืนของเวิร์กช็อปบางวันบางครั้ง เมื่อมีโอกาสผมก็จะตั้งโจทย์กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่า ให้ลองลิสต์รายการที่คุณรู้สึกขอบคุณอะไรหรือใครหรือแม้แต่เหตุการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับคุณในวันนี้ดูสัก ๑๐ รายการ เราก็จะพบกับ บรรยากาศของความนิ่งสงบและมีความสุข อย่างรวดเร็ว เมื่อทุกคนจดจ่ออยู่กับการเขียนรายการขอบคุณของตัวพวกเขาเอง และส่วนหนึ่งเป็นเพราะเวลาที่มนุษย์อยู่รวมกันเป็นกลุ่มนั้น จะเกิดพลังงานที่เชื่อมโยงถึงกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ( กรกฎาคม ๒๕๕๒ ) ผมได้มีโอกาสโทรศัพท์พูดคุยกับคุณแม่ของผม ผมนึกขึ้นมาได้ว่ากิจกรรมนี้คุณแม่ของผมยังไม่เคยได้ลองทำผ่านการเขียน ก็เลยขอให้คุณแม่ไปนำสมัดบันทึกและปากกามาเขียนเลข ๑ ถึง ๑๐ จากบนลงล่าง เหลือเนื้อที่ด้านขวาว่าง ๆ ไว้ จากนั้นก็ตั้งโจทย์การขอบคุณนี้ให้กับคุณแม่ว่า วันนี้ทั้งวันแม่มีอะไรหรือใครที่อยากจะขอบคุณบ้าง
ผมนึกไปเองว่า โจทย์ง่าย ๆ เพราะเคยทำเองก็ไม่พบว่ายากอะไร และก็เคยลองทำในเวิร์กช็อปก็เห็นว่าใคร ๆ ก็เขียนกันได้ แต่ก็ไม่เคยลองให้ผู้เข้าร่วมสะท้อนให้ฟัง เพราะเห็นว่าเป็นเพียงกิจกรรมเล็ก ๆ เพื่อเสริมแทรกเข้ามาเท่านั้นเอง คุณแม่ของผมบอกว่า นึกไม่เห็นออกเลย ว่าจะมีอะไรน่าขอบคุณทั้ง ๆ ที่การพูดคุยกันในวันนั้นเป็นช่วงเวลาเย็นแล้ว
อืมมม..เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของผมไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ลดละความพยายาม เพราะไปตั้งตัวเลขให้แม่ไว้ตั้ง ๑๐ ข้อ ก็เลยบอกท่านว่า เออ..ลองลดลงเหลือสัก ๕ ข้อก่อนก็ได้ครับ แม่ลองนึก ๆ ดูว่าตั้งแต่เช้าตื่นมาทำอะไรบ้าง มีอะไรพอจะ หาเรื่องขอบคุณ ได้บ้าง ท่านก็บอกว่า ตื่นเช้ามาก็สวดมนต์ไหว้พระ..อ๋อ..อยากขอบคุณพระพุทธเจ้า ผมรีบบอกว่า อืมม..ได้เลยแม่ นี่ก็หนึ่งข้อแล้ว ท่านเริ่มหัวเราะออกมา ประมาณว่าดีใจที่เริ่มทำโจทย์การบ้านที่ผมให้ไปได้บ้างแล้ว
จากนั้น ท่านก็ยังนึกไม่ออกว่าพอจะขอบคุณอะไรได้อีกบ้าง ผมก็ลองช่วยด้วยการบอกว่าจากนั้นแม่ทำอะไรอีก คุณแม่ก็บอกว่าสวดมนต์ไหว้พระแล้วก็กินข้าวเช้า
อืมม..แม่ไม่อยากขอบคุณเมล็ดข้าวและกับข้าวที่แม่กินบ้างเหรอ ผมถาม
ท่านหัวเราะดังและยาวขึ้นอีก อะไรกันเมล็ดข้าวนี่ก็ขอบคุณได้ด้วยเหรอ ?
ท่านบอกว่าท่านรู้คุณของเมล็ดข้าวทุกเมล็ดมาตลอดชีวิตของท่าน ท่านไม่เคยทิ้งขว้างเมล็ดข้าวเลยสักเม็ด ผมก็บอกว่าแบบนี้ก็นับได้ว่าเป็นการขอบคุณแล้วครับ ความรู้สึกแบบนี้แหละ ท่านก็เขียนลงไปในรายการของท่าน พร้อม ๆ กับเสียงหัวเราะที่เริ่มยาวขึ้น
จากนั้นผมก็ค่อย ๆ ช่วย แคะความรู้สึกขอบคุณ ของท่านออกมาจากชีวิตประจำวันของท่านได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ไปสู่แม่บ้านที่ช่วยทำอาหาร น้องชายที่อยู่บ้าน เพื่อนบ้านที่นำขนมมาให้ ฯลฯ จนได้ครบ ๑๐ ข้อ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของท่านที่แม้ในระยะหลัง ๆ นี้ท่านจะหัวเราะได้บ่อยมากขึ้น แต่ผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นและนานขึ้นและบ่อยครั้งแบบนี้มานานแล้ว ท่ามกลางความรู้สึกที่ทำให้หัวใจของผมพองโตเต็มอกไปด้วย คือบางทีเราเผลอไปตั้ง มาตรฐานการขอบคุณ ของเรา สูงเกินไป
บางทีเราเผลอไปมองว่า การขอบคุณเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เกินไป เช่นจะต้องเป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าดีจริง ๆ สำคัญจริง ๆ ยิ่งใหญ่จริง ๆ เราถึงจะสามารถรู้สึกขอบคุณได้ การตั้งมาตรฐานการขอบคุณของเราแบบนั้น บางทีก็ได้ทำให้หัวใจของเรา ขาดการหล่อเลี้ยง ไปอย่างน่าเสียดาย บางทีหัวใจของเราอาจจะไม่ได้จำเป็นต้อง รอฝนห่าใหญ่ อย่างเดียวเท่านั้นนะครับ การรดน้ำ เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่บ่อย ๆ และสม่ำเสมอ ก็จะเป็นหนทางที่ทำให้หัวใจของเราชุ่มฉ่ำได้ไม่น้อยเลย
เราจะเห็นนะครับว่า อารมณ์ความรู้สึกด้านบวกนั้น หลบซ่อน อยู่ในชีวิตประจำวันของเราไม่น้อยเลย เมื่อเราสามารถมี แคะอารมณ์บวก บางอย่างบางเรื่องให้ผุดขึ้นมาได้ อารมณ์บวกอื่น ๆ ก็จะถูกชวนกันให้ออกมาปรากฏตัวมากขึ้น การขอบคุณนำมาสู่การหัวเราะที่มีความสุขได้ อาจจะนำมาสู่ความรู้สึกดี ๆ กับตัวเราเองได้
อย่างไรก็ตาม ผมยอมรับว่าในเบื้องต้นก็อาจจะเขียน รายการขอบคุณ ก็อาจจะไม่สามารถเขียนได้ง่าย ๆ และหลาย ๆ ท่านก็อาจจะนึกไม่ออกเหมือนกับตัวอย่างคุณแม่ของผม
อยากจะแนะนำให้ลองเริ่มต้นแค่ ๓ รายการดูก่อน ช่วงแรก ๆ ก็อาจจะรู้สึกแปลก ๆ หรือยังไม่ค่อยรู้สึกอะไรชัดเจนนัก อยากให้ ลองหาเรื่อง ขอบคุณไปเรื่อย ๆ คุณจะพบว่ารายการขอบคุณของคุณจะค่อย ๆยาวขึ้นเอง อาจจะทำเป็นเกมในครอบครัว ช่วยกันดูว่าในแต่ละวันเรามีอะไรที่จะขอบคุณได้บ้าง ค่อย ๆ ชวนกันเขียนไปแบบนี้ หัวใจของเราก็จะค่อย ๆ พองโตไปด้วยความสุขทีละนิด ๆ ได้เองครับ
ควรกล่าวแต่วาจาที่ไม่ยังตนให้เดือดร้อน
มีความสุขกับการเป็นคนคิดดี พูดดี และทำดี ตลอดไป...นะคะ