สวัสดีค่ะ...ห่างหายไปทำหน้าที่แม่ที่ดีของลูกเสียหลายวัน งานแต่งผ่านพ้นไปด้วยดี มีความสุขกันถ้วนหน้า ปอป้าก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นคุณแม่ยายเรียบร้อยแล้ว..อิ อิ บ่าวสาวฝากกราบขอบพระคุณในทุกคำอวยพรที่ฝากไว้ให้ ทั้งสองเข้ามาอ่านด้วยความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง และปอป้าก็ขอขอบคุณในมิตรภาพอันเปี่ยมล้นไปด้วยน้ำใจของเพื่อนบล๊อกทุกท่านเช่นกัน..ค่ะ วันนี้ ก็เลยขอนำบทความดี ๆ ของอาจารย์ สเถียรพงษ์ วรรณปก มาฝากเป็นของชำร่วยให้อ่านกัน ท่านเขียนเรื่องนี้ไว้ได้น่ารักและกระชับดีมาก ตามปอป้ามาเลย..ค่ะ
อริยสจฺจาน ทสฺสนํ ที่ถูกคือ อริยสจฺจานํ ทัสฺสนํ นิคคหิต (สระ อํ ที่ นํ หายไปนั้น มิใช่ท่านพิมพ์ผิด แต่เพราะฉันทลักษณ์บังคับตรงนี้ให้ใช้ลหุแทนครุ อริยสจฺจานํ จึงเป็น อริยสจฺจาน ด้วยประการฉะนี้) ก็ไม่รู้จะอธิบายไวยากรณ์บาลีไปทำไม เพราะชาวบ้านทั่วไปเขาไม่ต้องการทราบลึกขนาดนั้น ต้องการรู้ว่าแปลว่าอย่างไรก็พอ ปล่อยผมสักวันเถอะครับ วันนี้อยากทำอะไรลึก ๆ แบบขงเบ้งบ้างอริยสจฺจาน ทสฺสนํ แปลว่า การเห็นอริยสัจ หรือเห็นความจริงอันประเสริฐทั้งสี่ประการ เห็น ในที่นี้หมายถึงการเห็นด้วย ตาใน เป็นความสว่างโพลงภายใน เข้าใจถึงสภาวะทั้งหลายตามเป็นจริง ความรู้ระดับนี้มิใช่ขี้ไก่ เป็นระดับ ยถาภูตญาณ (การหยั่งรู้ตามเป็นจริง) หรือธรรมจักษุ (ดวงตาเห็นธรรม) ปุถุชนคนมีกิเลส ถ้าเกิดความรู้เห็นระดับนี้จะกลายเป็นพระอริยะบุคคลระดับโสดาบันทันที ดังกรณีพระอัญญาโกณฑัญญะก็เกิดญาณ (การหยั่งรู้) ขึ้นมาว่า ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ นิโรธธมฺมํ แปลเป็นไทยว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา ฝรั่งแปลว่า Whatever is by nature to be born is by nature to be extinguished. เขมรแปลว่า...(ช่างเขมรเถอนะ...!) การรู้เห็นระดับนี้แหละครับที่ประสงค์ในที่นี้ เมื่อรู้เห็นระดับนี้แล้วไม่มีทางตกต่ำ มีแต่จะแก่กล้าขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถขจัดกิเลสเครื่องมัวหมองใจในที่สุด จะว่าไปแล้วสูตรสำเร็จข้อนี้เป็นความสำเร็จขั้นโลกุตตระแล้ว มิใช่ความสำเร็จระดับโลก ๆ อริยสัจสี่ มีอะไรบ้าง คงรู้กันทุกคนเพราะเรียนมาตั้งแต่โรงเรียนมัธยม ทบทวนอีกก็ได้คือทุกข์.......... ปัญหาทุกรูปแบบของชีวิตที่เผชิญอยู่สมุทัย........ สาเหตุของปัญหาชีวิต สรุปให้สั้นคือ ตัณหา ความทะยานอยาก ๓ ลักษณะ คือ ยังไม่ได้ ยังไม่มี ยังไม่เป็น, อยากได้ อยากมี อยากเป็น, ได้แล้ว มีแล้ว เป็นแล้ว ถ้ามันเป็นที่พอใจอยากให้มันคงอยู่ตลอดไป และบางครั้งถ้าเบื่อขึ้นมา อยากหนี อยากสลัดทิ้งไปนิโรธ......... การแก้ปัญหาได้หรือการที่ปัญหาหมดไปโดยสิ้นเชิงมรรค......... วิธีการแก้ปัญหา ได้แก่ มรรคแปดประการ สรุปให้สั้นคือ ปัญญา (ความรู้ ความเข้าใจ) ศีล (ควบคุมกาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อย, ควบคุมพฤติกรรมให้สอดคล้องกับความรู้นั้น) และจิตต คนไทยชอบเรียกว่า สมาธิ (การควบคุมพลังจิตให้แน่วแน่ มั่นคงต่อเป้าหมาย, การที่จิตมีคุณภาพ สมรรถภาพ และสุขภาพ)รู้อริยสัจต้องรู้ครบวงจรคือ รู้ว่า ทุกข์หรือปัญหาคืออะไร, ควรทำอย่างไร, ทำไปแล้วได้ผลอย่างไรก็รู้, ในเรื่องสมุทัย นิโรธ มรรค ก็เช่นเดียวกัน รู้ครบวงจรอย่างนี้กิเลสจึงจะลดลงไปได้ บางคนสงสัย ว่าตนเองก็ท่องอริยสัจสี่ได้คล่อง ทำไมยังมีกิเลสอยู่เหมือนเดิม บางครั้งมีมากกว่าเดิมอีก นั่นเพียงความรู้จำเท่านั้นเอง มิใช่การรู้เห็นอริยสัจดอกนะจะบอกให้ (ขอบคุณคุณคำรณ หว่างหวังศรี ทีให้ยืมวลีนี้มาใช้) การรู้เรื่องยารักษาโรคที่ครบวงจรสามารถทำให้โรคหายได้ เช่น รู้ว่ายาขนานนี้รักษาโรคปวดท้อง เมื่อปวดท้องขึ้นมาเมื่อใดให้กินยานั้นเข้าไปตามกำหนดแล้ว โรคปวดท้องหายก็รู้ว่ายาขนานนี้รักษาโรคปวดท้องได้จริง อย่างนี้เรียกว่ารู้เรื่องยาแก้ปวดท้องแบบครบวงจร อุปมาฉันใด อุปมัยฉันนั้น การรู้การเห็นอริยสัจสี่ที่ครบวงจร ย่อมสามารถเกิดความหลุดพ้นจากกิเลสเป็นส่วน ๆ ได้จนกระทั่งหมดในที่สุด ต่างจากการรู้จดรู้จำท่องได้อย่างนกแก้วนกขุนทอง อริยสัจสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ท่องจนปากเปียกปากแฉะ กิเลสมันก็ไม่มีทางลด เผลอ ๆ อาจเพิ่มขึ้น คือ มานะ อติมานะ เพิ่มขึ้น เราท่องได้คล่องกว่าคนอื่นเว้ย อะไรทำนองนั้นถ้าพูดให้เป็นหลักวิชาการก็ว่า ญาณในอริยสัจสี่ ได้เกิดขึ้นครบถ้วน ๓ ขั้นตอน คือ ความจริงคือทุกข์ ---------- ทุกข์นี้ควรกำหนดรู้ ---------- ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้วความจริงคือสมุทัย --------- สมุทัยนี้ควรละ ---------- สมุทัยนี้ได้ละแล้วความจริงคือนิโรธ ---------- นิโรธนี้ควรทำให้แจ้ง ----------นิโรธนี้ได้ทำให้แจ้งแล้วความจริงคือมรรค ---------- มรรคนี้ควรทำให้เจริญ ----------มรรคนี้ได้ทำให้เจริญแล้วสามขั้นตอนนี้เรียกว่า สัจจญาณ (รู้ความจริงว่ามันคืออะไร) กิจจญาณ (รู้ว่าควรจัดการกับมันอย่างไร) และ กตญาณ (รู้ว่าได้จัดการกับมันแล้วเกิดผลอย่างไร) เป็นอย่างไรครับ ฟังแล้วมึนศีรษะดีไหมครับ เรื่องของวิชาการก็เป็นอย่างนี้ ต่อไปจะกล่าวถึงการประยุกต์หลักอริยสัจสี่มาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อความสำเร็จแห่งชีวิตระดับโลก ๆ อย่างเรา ๆ จะดีกว่าแก่นของอริยสัจสี่ อยู่ที่การรู้จักใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิตจะรู้ว่า สภาพปัญหาที่แท้จริงคืออะไร มันมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ปัญหาจะแก้ไขได้ไหม วิธีการแก้ปัญหาจะต้องทำอย่างไร ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับปัญญาตัวเดียว ต้องเข้าใจจึงจะแก้ได้ ถ้าไม่เข้าใจยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง ปัญหาใหม่จะเพิ่มทับทวีคูณ แก้ไปแก้มากลับติดกับตัวเองดิ้นไม่หลุดดุจลิงติดตัง ไอ้จ๋อแสนซน ไม่รู้ว่าเขาเอาตังไปดักไว้ เอามือขวาไปจับเล่น ตังติดมือแกะไม่ออก เอามือซ้ายมาจับ มือซ้ายติดอีก ด้วยความตกใจเอาเท้าขวายันเท้าขวาติดอีก เอาเท้าซ้ายถีบหวังจะให้หลุด เท้าซ้ายก็ติดอีก คราวนี้ไอ้จ๋อหน้าเคยบานเหมือนดอกพะยอมแย้มกลายเป็นเหลือสองนิ้ว ซีดเซียวด้วยความตกใจ เอาปากกัดสุดฤทธิ์ ปากเจ้ากรรมก็ติดอีก น่าสงสารไอ้จ๋อมันเนาะ ไอ้จ๋ออีกตัวหนึ่ง พาลูกน้องรดน้ำต้นไม้ให้นาย ขณะที่นายไม่อยู่ ด้วยความปรารถนาดีแต่ด้วยความโง่ สั่งให้ลูกน้องถอนรากไม้ขึ้นมาดูก่อนว่ารากชุ่มน้ำหรือยัง ถ้ายังให้ราดน้ำลงไปใหม่ ถ้าชุ่มแล้วให้เอาดินกลบใหม่ บรรดาบริวารลิงต่างรดน้ำต้นไม้อย่างขยันขันแข็ง ในไม่ช้าต้นไม้ตายเรียบ เจ้านายกลับมาแทบลมใส่ ลิงโง่ขยันยังฉิบหายขนาดนี้ ถ้าคนโง่ขยันมันจะวินาศสันตะโรขนาดไหน หน่วยงานไหนมีแต่คนโง่ขยัน หน่วยงานนั้นจะเป็นอย่างไรใคร ๆ ก็รู้
ขอให้ทุกท่านมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง คิดทำการสิ่งใดให้สมความปรารถนาทุกประการ..นะคะ ขอบคุณ ภาพประกอบเรื่อง จากกูเกิ้ล เพลง พรานไพร
สวัสดี...ค่ะ
พาบ่าว-สาว มากราบขอบพระคุณสำหรับคำอวยพร..ค่ะ
เสร็จงานแต่งลูกปุ๊บ ก็พาญาติ ๆ ไปเที่ยวหัวหิน ๓ วัน
เสร็จจากส่งญาติกลับดอย ก็เดินทางไปขอนแก่น
เพิ่งกลับมาเมื่อดึกดื่นของคืนวันอาทิตย์
นอนหลับตั้งแต่วันอาทิตย์ ยันเช้าวันอังคาร
นอนเหมือนไม่เคยเห็นที่นอนมาก่อน..อิ อิ
คิดถึงเพื่อนบล็อกทุกท่าน...นะคะ