INDIA 2009 ตอนที่ 1...เปิดศักราชอินเดีย 2009
เปิดศักราช INDIA 2009
ปอ ป้า ขอเปิดเรื่อง INDIA 2009 ด้วยบทความที่ท่านเจ้าคุณพระราชรัตนรังษี ( วีรยุทโธ M.A., Ph.D. ) พระธรรมทูตสายอินเดีย ได้เขียนไว้ในหนังสือ สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย เนปาล สมัยที่ท่านดำรงตำแหน่ง พระวิเทศโพธิคุณ เมื่อปี 2543 ดังนื...ค่ะ
.....พระอานนท์ ทูลถามพระพุทธองค์ก่อนเสด็จปรินิพพาน ณ ที่สาลวโนทยาน ในกรุงกุสินารา ว่า เมื่อกาลก่อน พุทธบริษัทในทิศทั้งหลาย ต่างพากันมาเพื่อเฝ้าพระตถาคต ย่อมได้เห็น ได้เข้าไปนั่งใกล้ภิกษุผู้ใหญ่เจริญใจเหล่านั้น ก็แต่ว่าเมื่อกาลล่วงไปแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า จักไม่ได้เห็น ไม่ได้เข้าไปนั่งใกล้ภิกษุผู้ใหญ่เจริญใจเหล่านั้นอีก
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ สังเวชนียสถาน 4 แห่ง เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา ด้วยระลึกว่า :- - พระตถาคตประสูติในที่นี้ 1 - พระตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ 1 - พระตถาคตยังธรรมจักรให้เป็นไปแล้วในที่นี้ 1 - พระตถาคตเสด็จปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้ 1
ดูก่อนอานนท์ ชนเหล่าใด เที่ยวจาริกไปยังเจดียสถานเหล่านั้นแล้ว มีจิตเลื่อมใส ชนเหล่านั้นทั้งหมด เบื้องหน้าแต่ตายมลายไป จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
นี้เป็นคำที่พระพุทธองค์ทรงสอนในมหาปรินิพพานสูตร ให้วิถีแก่เราได้เข้าใกล้พระองค์ทั้งกายและใจ เหมือนอย่างเมื่อทรงยังดำรงพระชนม์อยู่ โดยอาศัยสังเวชนียสถาน เป็นสื่อนำเข้าถึงสิ่งที่ควรจะดู ควรจะเห็น ควรให้เกิดสังเวช แก่ผู้มีศรัทธาทั้งหลาย และพึงนมัสการด้วยความเคารพต่อที่ประสูติ ตรัสรู้ ประทานปฐมเทศนา และปรินิพพาน
หนังสือเล่มนี้ ปอ ป้า ใช้ร่วมกับการปฏิบัติธรรมตลอดทริป เป็นเล่มที่ถูกใจมาก เพราะมีรูปหลวงพ่อสดอันเป็นที่เคารพรักยิ่งในชีวิต และที่สุดได้อธิษฐานจิตมอบให้หลานสาวคนหนึ่งที่ปอ ป้า รู้สึกรักและผูกพัน เรียบร้อยโรงเรียนปอ ป้า ไปแล้ว...
ผู้ที่คิดว่าจะไปไหว้พระให้ครบพุทธสถาน 4 แห่ง ตามตั้งใจได้นั้น จะต้องปลูกคุณธรรมของผู้เดินทาง คือ
1. สัทธิโก มีความศรัทธา เชื่อมั่น 2. ปหูตธโน มีทรัพย์ภายนอก ภายใน พอแก่การใช้สอย 3. อโรโค โรคภัยไข้เจ็บไม่เบียดเบียน 4. ปริวาโร มีบริวารสนับสนุน 5. มัคคนายโก มีผู้นำพาที่เชื่อใจได้ 6. มัคคุเทสโก มีผู้บรรยายที่ชำนาญ ให้ความรู้
มาอินเดีย เราต้องดูความเจริญในความเสื่อม หมายความว่า เมื่อเราดูสถูป วิหาร เจดีย์ ผู้คนยากจน แต่งตัวมอมแมม กระท่อมดินเล็ก ๆ ถนนหนทางเป็นหลุมบ่อ ล้าหลัง เหล่านี้คือเรื่องความเสื่อมถอยทั้งนั้น แต่กลับมาดูจิตใจเราเหมือนเจริญขึ้น ภูมิใจกับตนเอง ภูมิใจในประเทศของตนมากขึ้น คิดว่าอย่างไรเสีย เรายังดีกว่าเขาอีกมากหลาย
เราไปประเทศอื่น ๆ ไปดูความเสื่อมในความเจริญ เช่น เห็นบ้านเมืองเขาเจริญ มีรถ มีบ้าน มีที่ทำงาน ผู้คนแต่งตัวหน้าตาสวย ๆ งาม ๆ หันกลับมามองที่ตัวเรา บ้านก็ไม่หรู ตู้ก็ไม่สวย รถก็ตกรุ่นไปแล้ว อะไร ๆ ก็สู้เขาไม่ได้ นี่เองที่เรียกว่า ความเสื่อมในความเจริญ สิ่งที่เรียกกันว่าความเจริญ เจาะให้ลึกจะเห็นความเสื่อมกำลังตามมา
แดนภารตะแห่งนี้ มีทั้งสุขให้เราเลือก มีทั้งทุกข์ให้เราผจญ ใครจะได้รับสุขหรือทุกข์นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการปรับสภาพของเราเอง พยายามสรรสร้างความรู้สึกนึกคิดที่ดี ๆ ต่อสิ่งที่ผ่านมากระทบ สร้างความเข้าใจต่อสิ่งนั้น ๆ หลีกเลี่ยงความกินใจต่อสิ่งที่ไม่เหมือนเรา และความยากลำบาก เข้าให้ถึงมุมเสน่หาอินเดียให้ได้ เพราะเป็นเสน่ห์แบบพิลึกกึกกือของเมืองแขกนี่เอง ที่ผู้ไปพบเห็นกล่าวขานกันไม่รู้จบ ความสุขชนิดที่คิดกันไม่ถึงก็น่าจะเป็นมหาเสน่ห์ที่ถวิลหาไม่รู้หาย
ดังนั้น ผู้จะจาริกอินเดียให้ดูดี ต้องพกศรัทธา พาปัญญา จูงมือความเพียร สะสมบารมีมาให้เพียงพอต่อการใช้สอยในแต่ละวัน หากมีศรัทธาจำกัด ปัญญาจำเขี่ย มีความเพียรอย่างจำใจ จะทำให้ผู้เดินทางอ่อนระโหยโรยแรง พลาดจากความสนุกกับสิ่งแปลกใหม่อย่างน่าเสียดาย ขอให้ทำใจอย่างเดียว ความสุขหลายอย่างจะตามมา หากตามใจอย่างเดียวเท่านั้น จะขาดทุนความสุขอีกหลายอย่าง...
ในการบันทึกการเดินทางครั้งนี้ ปอ ป้า ได้ทำการบันทึกตามวันและสถานที่ที่เริ่มเดินทาง กล่าวคือ เริ่มต้นที่สถานที่ตรัสรู้ ไม่ใช่สถานที่ประสูติ เนื่องจากเส้นทางการเดินทางจะค่อย ๆ ขึ้นไปทางเหนือเรื่อย ๆ จนจบการเดินทางที่พาราณสี ตามแผนที่
ในส่วนของข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์นั้น ได้รับการบอกเล่าจากพระวิทยากรบ้าง และ ค้นคว้าเพิ่มเติมจากหนังสือสู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย เนปาล ของท่านเจ้าคุณพระราชรัตนรังษีบ้าง ด้วยวัตถุประสงค์ที่อยากให้ท่านทั้งหลายได้รับสาระความรู้จากการติดตามเรื่องราวการเดินทางไปแสวงบุญในครั้งนี้มากยิ่งขึ้น เพราะเหตุว่าในการท่องแดนอินเดียครั้งที่แล้วที่ปอ ป้า ได้บันทึกไว้ในชื่อ The Memory of India นั้น จะออกแนวความสนุกสนานของเพื่อนร่วมเดินทาง และความตื่นเต้นที่ได้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่แปลกแตกต่างไปจากเมืองไทยมากกว่า
และการบันทึกเรื่องราวการเดินทางแสวงบุญที่อินเดียครั้งนี้ จะพิมพ์เป็นบทความในรูปของจุลสารเป็นตอน ๆ ส่งไปยังเพื่อนกัลยาณมิตรต่างจังหวัดที่คอยติดตามผลงานการเขียนแนวธรรมะของปอ ป้า ด้วย เนื่องจากยังมีเพื่อน ๆ ของเราอีกหลายท่านต้องทำงานในถิ่นธุรกันดาร ห่างไกลความเจริญ บางท่านไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ ดังนั้น เรื่องอินเดียใน พ.ศ. นี้ จึงจะออกแนววิชาการหน่อย ส่วนพวกเราชาวบล๊อกจะได้เปรียบกว่าท่านเหล่านั้น ตรงที่มีรูปสวย ๆ มาให้ดูประกอบด้วย ก็ได้แต่หวังว่าคุณ ๆ ชาวบล๊อกที่ติดตามเรื่องราวเหล่านี้คงจะไม่เบื่อไปเสียก่อน...
อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยใด หรือ มีข้อแนะนำในการนำเสนอครั้งต่อ ๆ ไป ก็สามารถออกความคิดเห็นได้ทั้งทางหน้าไมค์และหลังไมค์ ปอ ป้า ยินดีน้อมรับมาพิจารณาทุกคำแนะนำ..ค่ะ วันนี้ขอเรียกน้ำย่อยเพียงเท่านี้ก่อน โดยขอให้การเปิดศักราชอินเดีย 2009 นี้เป็นตอนที่ 1 ตอนต่อไปเราจะเริ่มเดินทางผจญภัยในแดนภารตะกัน...ค่ะ
ไปอินเดีย ต้องปลดทุกข์ กลางทุ่ง ขอทานมุง ล้อมกรอบ รอบตัวเรา ทั้งเหม็นกลิ่น แปลกแปลก สุดคาดเดา จึงต้องเอา ธรรมะข่ม บ่มใจ
ไปอินเดีย หนวกหู เสียงแตรรถ ทางจะคด จะตรง บีบเข้าไว้ ถ้าขับรถ แล้วไม่บีบ ผิดวิสัย เหมือนชอบใจ ต้องส่ายหัว อย่ารอช้า
ไปอินเดีย กินอาหาร ไม่อร่อย รสชาดกร่อย เครื่องเทศ ปรุงใส่มา ทั้งแตกต่าง แม้กระทั่ง เวลา อีกภาษา ลิ้นระรัว กลั้วคำ
ไปอินเดีย ไม่สะดวก ไม่สบาย แม้ทุกข์กาย อยู่ได้ ด้วยพระธรรม คนอินเดีย ทุกข์ยากกว่า แสนระกำ เห็นประจำ ทุกครั้ง ที่ได้มา
ไปอินเดีย ไม่คิด ละเหี่ยใจ ไปกราบไหว้ ตามรอยบาท พระศาสดา แม้เดินทาง กินอยู่ยาก ไม่นำพา สิ้นชีวา มิเสียใจ เสียดายเลย
" พรหมญาณี "
ขอปิดท้ายรายการด้วย ภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
106 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2558 21:10:18 น. |
Counter : 3985 Pageviews. |
|
|
|
โมตามกลิ่นหนุ่มอินตะระเดียมาค่ะปอป้า..
แปะเม้นท์ก่อน ค่อยอ่านค