Bloody maria
//
สวัสดีครับ พบกันทุกวันศุกร์ กับ การดื่มที่รับผิดชอบ วันนี้ผมจะปรุงเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่เมื่อคุณๆได้อ่านวิธีทำแล้ว จะเหลือเชื่อว่าดื่มได้จริงๆหรือ มันเป็นเครื่องดื่มจริงๆหรือ ในตอนแรกที่ผมทำงานทางด้านนี้ผมก็ประหลาดใจเหมือนคุณๆเหมือนกันแหละครับ แต่พอลองแอบดื่ม จากส่วนที่เหลือจากการ เสริฟ ลูกค้า(ซึ่งจะอยู่ก้นของ shaker ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการลองชิมว่าส่วนประสมมีอะไรที่เราเติมพลาดไปไหม)
เอาล่ะครับผมพูดถึงความแปลกประหลาดของเครื่องดื่มมาพอแล้ว ผมจะเล่าถึงประวัติของเครื่องดื่มนี้กันบ้างนะครับ บรัดดีแมรี (Bloody Mary) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า บลัดดี (Bloody) เป็นเครื่องดื่มที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดย Pete Petiot ในปี พ.ศ. 2464 ขณะที่ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ ณ Hary's New York Bar ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ชื่อ Bloody Mary มีที่มาจากฉายาของสมเด็จพระราชินี Mary Tudor แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ พาดพิงถึงการปราบปรามผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์อย่างโหดเหี้ยมในรัชสมัยของพระองค์
คราวนี้ผมจะพูดถึงเรื่องของสุราที่จะนำมาเติม(หรือไม่เติมก็ได้ครับ)กันบางนะครับ วอดก้า (Vodka) เป็นสุราของชาวรัสเซี่ยนหรือชาวโปรแลนด์ แต่ปัจจุบันมีการผลิตกันได้แล้วทั่วโลก ในช่วงแรกเจ้า วอดก้า นี่ทำมาจากมันฝรั่ง แต่เดี๋ยวนี้เขาจะใช้พวกธัญพืชมาประสมลงไปด้วยครับ วอดก้า มีเอกลักษณ์พิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่มีสี ไม่กลิ่น เวลาดื่มเข้าไปแล้วจะไม่มีกลิ่นสุราออกมาทางจมูก แต่เมากันร่วงเพราะความเข้มของดีกรีครับ ทำให้ปัจจุบันวัยรุ่นในประเทศไทยชอบดื่มกันมากครับ (อย่าดื่มเลยน้องของเขามีให้จิบพอรู้รสไม่ใช่ดื่มจนเมา) วอดก้าจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด (หรือเปล่า) คือ
1.Neutral Vodka เป็นวอดก้าบริสุทธิ์ ไม่มีสี กลิ่น ทำจากมันฝรั่ง แล้วนำ ธัญพืช ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวไรน์ (คล้ายข้าวฟาง) มาประสมลงไป
2.Flavored Vodka เป็นวอดก้ากลิ่นผลไม้ หรือ สมุนไพร ที่นำมาเติมเพื่อปรุงแต่งสี หรือ กลิ่น
เอาล่ะครับเบื่อกันแล้วหรือยังตอนนี้ผมเบื่อแล้ว (คริ คริ) งั้นเรามาเตรียมของกันเลยนะครับ
1.น้ำมะเขือเทศ 3 oz
2.น้ำมะนาว ½ oz
3.ซอส Worcestershire 1-2 หยด(เป็นซอสที่มีรส เปรี้ยว กลิ่นคล้ายซอส บาบีคิว ถ้าหาไม่ได้ให้ใช้ซอสเปรี้ยวยี่ห้ออื่นได้ครับ แต่ต้องมีกลิ่นคล้ายที่ผมได้ว่าไว้)
4.ซอส Tabasco ¼ ช้อนชา(เป็นซอสพริกที่ออกรสเปรี้ยวนิดๆครับ ถ้าหาไม่ได้ให้ใช้ซอสพริกทั่วๆไปแทน)
5.พริกไทยดำหรือขาวป่น 1/8 ช้อนชา
6.เกลือ 1/8 ช้อนชา
เป็นอย่างไรบ้างครับ งง ไหมเครื่องปรุงสามารถหาได้ในห้องครัวครับ ส่วนเรื่อง alcohol เติมลงไป 1 oz ก็เมาจะแย่แล้วครับหรือ 2 oz สำหรับคอทองแดง (ฮา ฮา ฮา) ต่อไปผมจะว่าถึงเรื่องวิธีทำกันบ้างแล้วครับ
1.นำทุกอย่างใส่ลงใน shaker ครับ ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ อันไหนอยู่ใกล้มือก็ใส่เลยครับ(เพราะอย่างไรก็ต้องเขย่าให้เข้ากันอยู่ดี คริ คริ)
2.เติมน้ำแข็งลงไปใน shaker ให้สูงกว่าน้ำที่ใส่เล็กน้อย
3.ปิดฝาแล้วโขก (เอ้ยไม่ใช่ shake) เลยครับ
4.เติมใส่แก้วพร้อมน้ำแข็งแล้วประดับด้วย ก้านต้น celery หรือ มะนาวฝาน ครับ
5.ยกซด (เอ้ยไม่ใช่ ดื่ม ผิดอยู่เรื่อยเลยแฮะ) เลยครับ
น้ำสีแดงสมชื่อ เมื่อดื่มแล้วรสชาติเป็นอย่างไรครับ ให้เดาดีไหม อย่าเลยดีกว่า เพราะรสชาติเหมือนเราดื่มน้ำต้มยำ(จริงๆแล้วไม่ได้เหมือนหรอกครับแต่มันเป็นน้ำต้มยำชัดๆ)เข้าไปเลยครับ เปรี้ยวนิดนึง หวานนิดนึง เผ็ดนิดนึง กลิ่นก็เป็นกลิ่นน้ำต้มยำครับ และเมา คริ คริ
รสชาติอาจจะขัดๆในความคิดของคนไทยหน่อยนะครับเพราะมันน้ำต้มยำจริงๆ แต่ฝรั่งชอบมากๆ(ไม่รู้ว่าทำไม)เอาล่ะครับผมขอให้มีความสุขกับการใช้ shaker ครับสำหรับคุณๆที่มี shaker เป็นของตัวเองและผมขอให้ดื่มอย่างมีความสุขและรับผิดชอบในการดื่มนะครับ ส่วน alcohol เมื่อเราเปลี่ยนชื่อก็จะเปลี่ยน เช่น (บอกดีไหม) เติม ยิน จะเป็น red snapper เติม tequila จะชื่ออะไรดีลองเดาดูครับ แต่อย่างหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคือ เมื่อคุณรู้สึกเริ่มเมาก็ควรที่จะหยุดโดยการหาน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้มาดื่ม(น้ำผลไม้ช่วยทำให้หายเมาได้เร็วกว่าน้ำเปล่า)สังเกตจากเมื่อดื่ม alcohol เข้าไปแล้วเริ่มมีอาการหูชาฟังอะไรไม่ค่อยชัด มือและตัวเริ่มเบา หน้าเริ่มแดง นั้นแหละครับคุณกำลังเริ่มเมาแล้ว และผมก็อยากจะฝากอีกอย่างหนึ่ง สุรา เมระยะ มัชปะมา สะฐานา เวระมณี สิกขา ปะทัง สะมาธิยามิ(สะกดผิดเนี่ยมันบาปนะตา veerar ) วันนี้ผมขอลาไปก่อนนะครับ แล้วสัปดาห์หน้าเราจะมาคุยกันถึงเรื่อง alcohol แท้ๆกับอะไรดีเดาแล้วกันนะครับ
ปล.วันนี้ผมมีแถมครับสำหรับเรื่องการโยนขวดในลีลาของบาร์เทนเดอร์ วันนี้ผมจะพูดถึงเรื่องการจับขวดนะครับ(เป็นมาตรฐานในการโยนครับ)
1.การจับขวดแบบหงายมือ หรือ หน้ามือ เพื่อริน หรือ โยนไปด้านหลัง
2.การจับขวดแบบหลังมือ หรือ คว่ำมือ เพื่อโยนไปด้านหน้า โยนขึ้น หรือ ยกขวดขึ้น
3.การจับขวดแบบบิดมือ เพื่อโยนขวดไปด้านข้าง และเป็นการจับที่ใช้มากที่สุด
การโยนขวดที่ผมได้บอกไปไม่ถือเป็นเรื่องที่ต้องเคร่งครัดเสมอไปครับ ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการโยนและความสะดวกของคุณๆครับ ลองฝึกการจับขวดกันไปก่อนนะครับแล้วคราวหน้า(ถ้ามีเวลาว่าง)ผมจะเริ่มสอนการโยนให้ขวดมันตีลังกาได้นะครับ
ผมต้องขอขอบพระคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณๆทุกท่านในเรื่องการลง คลิป การโยนขวดนะครับ ขณะนี้ผมได้แก้ไขและลงคลิปได้เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณ คุณjone คุณนู๋ญ่า แม่โสม มากๆครับ
Create Date : 18 มกราคม 2551 |
|
59 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2551 11:06:24 น. |
Counter : 2583 Pageviews. |
|
|
|
จะเสิร์ฟแล้วใช่ป่ะคะ เดี๋ยวหาที่หลบขวดก่อนนะคะ