|
|||
Mind Talk หุ้นเหมือนจะ "ดีดขึ้น" อีกครั้ง ภาษาวิชาการเรียก "Rebound" เพื่อนผู้น่ารักอุตส่าห์โทรมาเตือน ให้เก็บ "หุ้น" ตัวนึง ที่มันจับตาดูอยู่ตลอดเวลา แต่ผมบอกตรง ๆ ว่า ใจมันไปอยู่กับ การทำ "ร้านอาหาร" มากกว่า เมื่อคิดว่าตัวเองต้อง "จ่ายตลาด" คงต้องยกผักจากตลาดขายส่งเป็นเข่ง ๆ ก็คิดว่าผมควรจะ "ออกกำลังกาย" บ้าง ไม่รู้ว่าของพวกนั้นมันจะหนักมากไหม ผมเคยขับรถเข้าไปในตลาดไท เพื่อจะไปเดินสำรวจพื้นที่อะไรเล่นยามว่าง แต่ก็ต้องวนรถกลับออกมาทุกที เพราะการจราจรติดขัดและคับคั่งมาก จนไม่คิดว่าจะกลับไปอีกแล้ว จะว่าไป...เมื่อก่อน ผมก็เคยยก "แท่งเหล็ก" ที่ประกอบกันเป็นเต้นท์ เร่ขายของตามตลาดนัดมาแล้วนี่นา แค่นี้ต้องไหว ... เชื่อสิ ! ถ้าจะเล่าถึงประสบการณ์การขายของ ผมเคยไปยืนขายเครื่องประดับเงิน ที่ "ตรอกข้าวสาร" มาแล้ว คราวนั้นจำได้ว่า ขายไป "น้ำตาไหลไป" จริง ๆ ครับ ที่น้ำตาไหล ก็เพราะ "คิดไปเอง" ทั้งนั้น คิดว่าตัวเองเรียบจบ "ปริญญาโท" เพื่อมาตากหน้าขายของ ลำบากลำบนแบบนี้เหรอ? แต่ถ้าผมไม่คิดมาก ชีวิตก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็แค่เรามาขายเครื่องประดับเล่น ๆ ขายดีซะด้วย พวกญี่ปุ่นเห็นกรูกันมาซื้อเป็นแถว เจรจาภาษาอังกฤษเราก็ไหวอยู่ เทศกิจก็ไม่จับ ... เอาซี่ น้องของผมเคยบอกว่า ผมมักจะคิดมาก มองโลกในแง่ร้าย และชอบ "Mind Talk" ในเรื่องที่บั่นทอนจิตใจอยู่เสมอ อยากเลิกจริง ๆ ไอ้ Mind Talk อะไรนี่ Mind Talk มันคือการพูดในใจ เวลาที่เราไร้สติ บางที่เราคิดอะไรไปเรื่อย ซึ่งไอ้สิ่งเหล่านี้ ฝรั่งเค้าว่ามันมีผล ต่ออะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น ความเชื่อ นิสัย ความฉลาด ผมยอมรับว่า เวลาผมพูดกับตัวเอง โดยเฉพาะเวลาที่ "อยากจะหลับ" แต่ดันไม่หลับ จิตใจมันจะฟุ้งซ่าน คิดไปต่าง ๆ นา ๆ จนบางครั้งเราปวดหัวไปเลยก็มี อีกอย่าง ... การพูดในใจของผม โดยเฉพาะในแง่ลบ มันจะทำให้ผม "ปรี๊ดแตก" บ่อยมาก เวลาได้ยินคำพูดอะไร ที่มากระทบกับสิ่งที่เราคิดในใจ ซึ่งแท้จริงแล้ว คนพูดเค้าก็พูดไปเรื่อยเปื่อย นี่เป็นสิ่งที่อยากแก้ไข ผมว่ามันจะต้องทำให้ผม มีสมาธิในการทำงานมากขึ้นแน่นอน ไม่รู้สิ .... นอกจากจะต้องเลิก Mind Talk ช่วงนี้ผมคงจะต้องเลิกไป "ที่อโคจร" ต่าง ๆ ที่ผมชอบไป ผมไม่อยากเสียภาพพจน์ ผมซีเรียสมากกับการลงทุน เปิดร้านอาหารคราวนี้ เพราะผมรู้ว่า มันจะต้องใช้เงินมากพอดู แล้วผมก็ไม่อยาก "พลาด" อยากเป็น "คนดีดี" กับเค้ามั่ง มันทำกันยังไงเหรอ ไอ้เป็นคนจิตใจดี อยู่กับบ้านดูทีวี ดึกก็สวดมนต์ไหว้พระ แล้วก็นอน เพิ่มออกกำลังกายขึ้นอีกอย่าง ... เอ้า ผมเห็นพวกกล้ามล่ำ ๆ เดินสะพายเป้ออกจากฟิตเนส แล้วอิจฉาเหมือนกัน หนุ่มออฟฟิศทั้งหลาย ช่างมีแรงกระตุ้นที่จะทำให้ตัวเองดูดี คงเป็นเพราะเขาต้องเข้าสังคม อยู่ตลอดเวลา ผมเอาแค่ "ยกเข่งมะเขือเทศ" โยนใส่รถกระบะสบาย ๆ แค่นี้พอละ เรื่องดูดีก็ ... ผ่านไปเลย ต้องปรับปรุงตัวเองแล้วมั๊ง ผมเปิดน้ำแช่ทิ้งไว้สักพักได้ คงเต็มอ่างแล้ว ขอไปนอน Mind Talk ในน้ำ ก่อนนอนสักหน่อยจะดีกว่า ในภาวะเศรษฐกิจ การจราจร การเมือง ผู้คนรอบข้าง ที่อาจจะไม่ได้อย่างใจเราสักอย่าง "การมองโลกในแง่ดี" ช่วยท่านได้ แล้วก็ยังมี "ผม" อยู่อีกคนนึง ที่ยังไงก็คงลำบากว่าพวกคุณแหละ แต่ผมก็ยังคงจะสู้ต่อไป พร้อมกับพวกคุณนะครับ ขอบคุณมากนะครับ
อ่านแล้วก็รู้สึกดีนะ ... สู้ ๆ ครับ โดย: Guynes วันที่: 13 กันยายน 2556 เวลา:2:03:31 น.
|
Guynes
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ความลำบากมันก็มีข้อดีนะ แบบว่าทำให้เราภูมิใจในสิ่งที่ทำ ดีกว่าสบายซะจนไม่ต้องลงมือขวนขวายทำอะไรเลย ชีวิตจะได้ไม่น่าเบื่อจนเกินไปไงค่ะ