ความฝันวันแดงเดือด
ตื่นมาอย่างเพลีย ๆ ครับ

เช้าวันนี้หลายคนคงได้หยุดอยู่บ้าน
เนื่องด้วยการชุมนุมที่จะเกิดขึ้น
ถือว่าเป็น "ความโชคดีบนความทุกข์"

"ทุกข์ของบ้านเมือง"

โดยส่วนตัวแล้ว
ผมก็ไม่ได้เชียร์ฝั่งไหนหรอกครับ
ถึงแม้พ่อของผมจะลงทุนติดจานดาวเทียม
เพื่อเปิดชมช่องการเมืองช่องหนึ่ง
ที่มีผู้คนปราศรัยกันทั้งวัน

ผมอยากให้ประเทศเราอยู่อย่างสงบมากกว่า
การค้าการขายมันจะได้เจริญ
นี่ที่วางแผนว่าจะออกไปดูของสักหน่อย
ก็เป็นอันต้องอดไป

ด้วยความที่เมื่อคืน
เผลอนอนหลับบนโซฟาหวายที่ออฟฟิศ
มันจึงรู้สึก "โซงลง เซงเลง" ชอบกล
มีนัดกับน้องว่าจะไปซื้อทีวี
ก็เป็นอันต้องเลื่อน
เพราะกลัวว่าการชุมนุมจะเริ่มเร็ว
แล้วพวกเราจะกลับบ้านไม่ได้

แม่ก็ช่างใจร้าย
ขนเอากับข้าวชุดที่กินต่อกัน "สามมื้อ"
มาให้กินต่ออีกวันนี้

แม่ชอบทำแบบนี้แหละครับ
อะไรที่เหลือ ๆ หรือว่าไม่ชอบกิน
ก็พยายามจะกำจัดในทุกวิถีทาง
อันที่จริงผมทำกับข้าวกินเองได้
แต่เมื่อแม่ต้องการ "ขายของ" กันขนาดนี้
เกิดเป็นลูก ... ก็ต้องยอมแม่บ้าง

ยังโชคดีที่มีกับข้าวหลายอย่างอยู่เหมือนกัีน

เมื่อหนังท้องตึง ... หนังตาก็หย่อนใช่ไหม
ผมเปิดตู้เย็นหาขนมกินพอหายเลี่ยน
แล้วก็ขึ้นไปนอนบนที่นอน "จริง ๆ" ของผม
ผ้าปูที่นอนเรียบ ๆ สีเทอควอส์ย
หมอนกับนวมสีเข้ากัน
ห้องนอนขนาดพอเพียง
ที่มีไว้สำหรับ "นอน" เท่านั้น

โดยไม่ต้อง "นับแกะ"
ผมหลับไปเมื่อไรก็ไม่ทราบได้
นิมิตรนั้นมัวและลางเลือน
รู้สึกคล้ายกับคนครึ่งหลับครึ่งตื่นมากกว่า

ในเมื่อการหลับ ...
ไม่ได้ช่วยให้ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง
จิตใต้สำนึกของผมจึงอยากให้ตื่น
แต่มันเหมือนกับว่าเราหลุดเข้าไป
อยู่ใน "อีกความฝันหนึ่ง"

ความฝันนั้นเ็ป็นเส้นทางสีเทา
ผู้คนเดินมุ่งหน้าไปในทิศทางหนึ่ง
พวกเขาหน้าตาเลืื่อนลอย
ผมพยายามเรียกและรั้งตัวพวกเขา
แต่ไม่มีใครสนใจ

"พี่ ๆ ช่วยผมด้วย"

ผู้ชายในชุดทำงานคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า
เขาเป็นคนร่างสูง ... ผิวสีน้ำผึ้ง
สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสแล็คสีเข้ม
ริมฝีปากของเขาปิดสนิท
ตาเหลือกมองไปยังด้านบน
จนเห็นเส้นเลือดในตาอย่างชัดเจน

แม้ผมจะยืนเอาตัวเข้าขวาง
เขาก็เดินผ่านตัวผมไปอย่างง่ายดาย

โดยธรรมชาิติ
ผมมองเหลียวหลังไปหาเขา
เพื่อให้แน่ใจว่า "เขามองไม่เห็นผมจริง ๆ"
มีคนหลายคนเดินผ่านผม
ไปเช่นเดียวกับผู้ชายคนนั้น
โดยที่ผมไม่ทันจะมองหน้า

"ความฝันช่างเหมือนจริง"

ผู้เหล่านั้นยังคงเดินต่อไป
โดยไม่สนใจกัน ...

ผมเผลอตะโกนออกไปอย่างงงุนงง
"นี่ผมตายแล้วใช่ไหม"
"นี่มันที่สำหรับ...."

มีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ... เดินผ่านมา
ผมไม่แน่ใจว่า ... เขาใส่เสื้อยืดสีแดง
กางเกงขาสั้นที่คล้ายกางเกงบอลหรือเปล่า
เนื่องจากสติสัมปะชัญญะไม่สมบูรณ์
เขาตัวสูงกว่าผมประมาณหนึ่ง
อายุอยู่ราววัยรุ่นจนถึงเบญจเพส

เขาหันมาตอบผม
"ก็ไม่เชิง"

ผมตกใจหันไปหาเขา
ดวงหน้ายิ้มละไมหันมองมาที่ผม
ไม่แม้แต่จะถามต่อว่า
"ตกลงมันเป็นที่ไหน"
ผมตะโกนออกไปว่า

"ช่วยผมออกไปที"

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย
เหมือนกับว่า
ไข้หวัดเล็ก ๆ นี้จะหายไปเอง
โดยไม่้ต้องพึ่งยาใด ๆ

"ช่วยผมออกไปที นะ ๆ"
ผมอ้อนวอนเขา
ชายหนุ่มหัวเราะระคนยิ้มอย่างน่ารัก
"ก็ได้ก็ได้"

ผมดีใจจนไม่ทันสังเกตว่า
มีผู้คนจำนวนหนึ่งยืนล้อมรอบตัวผม
ทุกคนล้วนส่งยิ้มให้

"แต่ต้องสัญญาก่อนนะ"
ชายหนุ่มเอ่ย
"ทักทายกันบ้าง"

"แล้วนายชื่ออะไร"
ผมถามเขาราวกับมันเ็ป็นการสนทนาปกติ

"ชื่อบอย"

ชื่อบอยเหรอ ... แล้ว
"อยู่แถวไหนล่ะ"
ผมถามออกไปอย่างไม่คิดอะไร

"อยู่แถว หยินหยาง ไง"
หยินหยาง ... ?
ผมนึงถึงป้ายหยินหยางที่อยู่บนกระจกหกเหลี่ยม
ที่บ้านฝั่งตรงข้ามเอามาติดกันซวย
เนื่องจากโจรขึ้นบ้านเป็นรอบที่สอง
ผมนึกได้แค่นี้

เขาผยักหน้าเหมือนให้มาใกล้ ๆ
ผมโผเข้าไปกอดเพื่อจะขอบคุณเขา
เหมือนว่ามีมือมือหนึ่งมาจับอยู่ที่หัวผม
ความฝันมืดมิดอีกครั้ง
ถ้าผมตื่นขึนมาได้
ผมคิดว่า ... มันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ

ในความมืดเริ่มมีแสงสว่าง
เปลือกตาที่หนักอึ้งเริ่มคลายลง
และในที่สุด ...
ผมก็ตื่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วราวปาฏิหารย์

อันที่จริงผมมักจะหลับลึกแบบนี้บ่อยครั้ง
และแต่ละครั้งผมสามารถตื่นเองได้
แต่ไม่ง่ายดายแบบนี้
มันจะใช้เวลานานครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย

แต่นี่ ...
ผมหลุดจากภาวะนั้นมาได้อย่างฉับพลัน

ผมอาจจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องลึกลับ
แต่สิ่งที่เจอมันก็ทำให้ขนลุกเหมือนกัน

ผมเดินไปในส่วนหน้าของบ้าน
มองไปยังกระจกหกเหลี่ยมนั้น
แล้วโบกมือ

"สวัสดีบอย"

ผมไม่แน่ใจว่า "หยินหยาง" ของบอย
จะใช่ตรงนั้นหรือเปล่า
แต่หยินหยางที่ติดปาก
และความคิดของผม
มีอยู่ที่เดียวจริง ๆ ... คือตรงนั้น

ผมไม่รู้ว่า
เขาจะเห็นผมหรือเปล่า
แต่จากประโยค

"อยู่แถว หยินหยาง ไง"

มันชวนให้คิดว่า
เป็นที่ที่เขาเห็นผมบ่อย ๆ
และผมรู้จักมันดี
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นเขาเลยก็ตาม

ทางที่ดี "อย่าเห็น" ได้จะดีกว่า

จะบอกว่า "เรื่องนี้ควรใช้วิจารณญาณในการรับฟัง"
ก็อาจจะเป็นการหักมุมตลกแบบเฝื่อน ๆ
ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อ หรือไม่เชื่อดีเหมือนกัน

แต่สุดท้าย
ก็ได้ทัก "บอย" ไปแล้วละว่ะในวันนี้









Create Date : 13 มีนาคม 2553
Last Update : 13 มีนาคม 2553 3:34:22 น.
Counter : 626 Pageviews.

4 comments
  
โดย: ก้นกะลา วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:2:59:50 น.
  


สวัสดีคะ แวะมาทักทายในวันหยุด มีความสุขนะคะ

โดย: หน่อยอิง วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:13:17:41 น.
  
ขอบคุณคุณก้นกะลา และ หน่อยอิง ที่เขามาเยี่ยมครับ
โดย: Guynes วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:23:52:38 น.
  
จิตใต้สำนึกบวกจินตนาการ ทุกวันนี้คุณยังทัก"บอย"อยู่อีกรึเปล่า
โดย: yourself วันที่: 23 มีนาคม 2556 เวลา:13:08:09 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Guynes
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ
มีนาคม 2553

 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog