และแล้ววีซ่าก็ "ผ่าน"
มันก็ต้องผ่านอยู่แล้ว ...
น้องผมคงคิดอย่างนั้น
ที่ผมกลัวก็เพราะว่า
การขอวีซ่าไปยุโรปครั้งที่แล้ว
วีซ่าของพ่อกับแม่นั้นไม่ผ่าน
เหตุเพราะตอนนั้นเราใช้บริการทัวร์
แล้วเขาบอกว่า ...
พ่อกับแม่ไม่ต้องไปที่สถานฑูตเยอรมัน
เพราะพ่อกับแม่เคยได้วีซ่าที่อังกฤษแล้ว
ส่วนผมกับน้อง ... จำได้เลย
ว่าต้องไปยื่นขอวีซ่ากันเองสองคน
สุดท้าย
ผมกับน้องได้วีซ่า
แต่พ่อกับแม่ไม่ได้
และมีอีกหลายท่านในกลุ่มทัวร์ของเรา
ที่วีซ่าไม่ผ่านเช่นกัน
พ่อผมเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาเล็ก ๆ
อีกคนเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเชียวนะ
คุณหมอเจ้าของโรงพยาบาลท่านนั้น
ก็โวยนะสิ!
เขาเตรียมซื้อตั๋วเครื่องบินจากภูเก็ต
ให้ครอบครัวลูก ๆ บินมากรุงเทพ
เพื่อไปเที่ยวทริปยุโรปครั้งนั้น
สรุปว่า ... ไม่ได้ไป
พวกเราทราบกันก่อนกำหนดการไม่ถึงเดือน
ก็ยังดีที่พวกเราได้เงินคืนอย่างรวดเร็ว
นับว่าทัวร์ก็ยังน่าเชื่อถือ
แต่แย่ตรงที่ผมเลยไม่ได้ไปเที่ยวยุโรปกับพ่อ
ก่อนที่ท่านจะเสียไป
พอเราแห้วจากยุโรป
ก็เลยได้แค่ไปเที่ยวฮ่องกงขำ ๆ
วีซ่าเช็งเก้น
ที่ใช้เข้าออกกลุ่มประเทศยุโรป
หน้าตาสวยงาม ผู้ดิบผู้ดี
เป็นแผ่นกระดาษลายสวย ๆ
ปิดลงบนสมุดพาสปอร์ตของเรา
ผมเริ่มเอาแผนการท่องเที่ยว
มาศึกษาอีกครั้ง
พร้อมทั้งแปลเป็นภาษาไทยอย่างดี
ใส่เรื่องราวของสถานทีท่องเที่ยวเข้าไป
ผมรู้สึกว่า ...
การที่เราไปเที่ยวแล้วรู้เรื่องราว
ว่าที่ ๆ เราจะไป มันมีความสำคัญอย่างไร
จะทำให้ทริปของเรามีคุณค่าขึ้นมาก
โดยเฉพาะตัวผม
ที่ทำข้อมูลเองกับมือ
ผมใฝ่ฝันที่จะได้พบเจอ
สิ่งที่ผมเขียนเล่าไว้ในแผนการเดินทาง
อย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียวครับ
หวังว่าข้อเท้าผม
ที่บวมจากโรคเกาท์
จะหายได้เร็วก่อนถึงวันไปนะครับ