จากระบำสวมหน้ากาก-ราชินีองค์สุดท้ายของเมียนม่า






ที่มาของระบำสวมหน้ากากมีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า
ที่หลานสาวของเพื่อนไปรำ ฉลองผ้าป่า สวยงามอ่อนช้อย น่ารัก
รวมกับประวัติที่มาของระบำเกี่ยวกับมเหสี และกษัตริย์องสุดท้ายก่อนเสียเมืองของพม่า

ทำให้เราอยากรู้เรื่องราวความเป็นมาระบำหน้ากากมากขึ้น
เราได้ไปค้นหาประวัติ ยิ่งรู้ก็ยิ่งอยากรู้ให้มากขึ้นไปอีกจึงเป็นที่มาของเรื่องเล่าจากภาพระบำสวมหน้ากาก




สมัยพระเจ้าธีบอ (Thibow, ครองราชย์ พ.ศ. 2421–2428) พระโอรสของพระเจ้ามินดง ไม่สามารถที่จะรักษาพระราชอาณาจักรไว้ได้ จึงเกิดควาวุ่นวายไปทั่วบริเวณชายแดน และพระองค์จึงตัดสินพระทัยยกเลิกสนธิสัญญากับอังกฤษที่พระเจ้ามินดงได้ทรงกระทำไว้ และได้ประกาศสงครามกับอังกฤษเป็นครั้งที่สามในปีพุทธศักราช 2428

ผลของสงครามครั้งนี้ทำให้อังกฤษสามารถเข้าครอบครองดินแดนประเทศพม่าส่วนที่เหลือเอาไว้ได้






พระประวัติพระนางศุภยลัต
เป็นราชบุตรีของพระเจ้ามินดง กับมเหสีรองคือพระนางอเลนันดอ
พระองค์มีพระนามจริงว่า ศรีสุริยประภารัตนเทวี
(Sri Suriya Prabha Ratna Devi) พระนางศุภยาลัตมีพระเชษฐภคินี
คือ พระนางศุภยาคยี และมีพระขนิษฐาคือเจ้าหญิงศุภยากเล
อุปนิสัยของพระนางศุภยลัตมีลักษณะเหมือนพระราชมารดา
คือ มีความทะเยอทะยาน เจ้ากลอุบาย ใจร้าย ขี้หึง เชื้อสายดั้งเดิม
เป็นสามัญชน
เนื่องจากยายของพระนางเป็นแม่ค้าขายของในตลาดมาก่อน
โดยพระเจ้าบาจีดอ (พระเจ้าจักกายแมง) รับเอามาเป็นนางสนม
ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าบาจีดอยังดำรงพระยศเป็นเจ้าชาย





ในรูปนี้ฝรั่งขี้ค่อนขอดเขาให้ดูหน้าพระเจ้าสีป่อในขณะนั่งพุงฉุอยู่กับพระนาง แววตาซ้ายออกอาการหวาดกลัว ส่วนนัยน์ตาขวาว่างเปล่า



พระเจ้าธีบอและพระนางศุภยลัต คือผู้ครองแผ่นดินพม่าในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์องค์สุดท้าย ก่อนตกเป็นจังหวัดหนึ่งของอินเดียในจักรวรรดิอังกฤษเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

พระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติทั้งที่เป็นเจ้าฟ้าลำดับสิบกว่าๆ ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่จะเป็นรัชทายาทและถูกขอร้องแกมบังคับให้บวช

เจ้าจอมมารดาซึ่งเป็นธิดาเมืองไทยใหญ่ (เมืองสีป่อตามพระนาม) ก็ต้องโทษอยู่
แต่ก็ขึ้นครองราชย์ได้เพราะ พระเจ้ามินดง กษัตริย์พระองค์ก่อนมีพระนางอเลนันดอเป็นพระมเหสีองค์ที่โปรดปรานมีอำนาจมาก แต่ไม่มีพระราชบุตร คงมีแต่พระนางศุภยาลัตพระราชธิดาที่ทะเยอทะยานพอๆกัน
ด้วยความกระหายอยากรักษาอำนาจจึงได้ร่วมมือกับ แตงดาวุ่นกี้และกินหวุ่นมินกี้ สองขุนนางใหญ่วางแผนให้พระนางศุภยาลัตได้เสกสมรสกับเจ้าฟ้าพระองค์ใดองค์หนึ่ง ซึ่งเลือกเอาพระเจ้าธีบอซึ่งตอนนั้นก็ยังทรงผนวชอยู่

ตอนนั้นจริงๆแล้ว พระเจ้ามินดงมีเจ้าฟ้านยองยานกับเจ้าฟ้านยองโอ๊กที่พอจะมีความสามารถขึ้นครองราชย์ เพราะทั้งสองพระองค์เรียนจบโรงเรียนฝรั่ง มีความฉลาดและเข้มแข็งพอสมควร

แต่พระนางอเลนันดอและขุนนางเห็นว่าจะคุมได้ยาก จึงเลือกพระเจ้าธีบอที่อ่อนแอกว่า และรอเวลาจะฮุบอำนาจนั้น เพราะพระเจ้ามินดงก็เกรงพระทัยมเหสี จึงไม่ได้ตั้งเจ้าฟ้าพระองค์ใดเป็นรัชทายาทโดยเด็ดขาด

พระนางศุภยาลัตก็ได้เสกสมรสกับเจ้าฟ้าธีบอ (ซึ่งจริงๆก็คือพี่น้องแต่คนละแม่กัน)
เมื่อพระเจ้าธีบอได้เป็นกษัตริย์ ก็เกรงพระราชหฤทัยพระมเหสีที่สุด พระองค์ไม่กล้าแม้จะมีสนม และไม่กล้าขัดหรือค้านนโยบายต่างๆที่ออกมาจากความคิดของพระนางศุภยาลัตและพวกพ้องซึ่งแทบทั้งสิ้นคือการขูดรีดประชาชน

แล้วเอาเงินไปซื้อสินค้าต่างประเทศ เพชรพลอยราคาแพง ของเล่นสนุกทั้งหลาย พระเจ้าธีบอเองก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ดื่มน้ำจันทน์ ปล่อยการบริหารบ้านเมืองให้อยู่ในมือมเหสีและขุนนางที่ช่วยกันเถลิงอำนาจให้พระองค์ การคล้อยตามเมียและบริวารจนไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนใจกิจการบ้านเมือง มีผลทำให้ราชวงศ์สุดท้ายของพม่าถึงแก่ล่มสลายลงไปในที่สุด



เมื่อพระเจ้ามินดงทรงพระประชวรหนัก พระนางอเลนันดอจึงเรียก
พวกเสนาบดีประชุมในที่รโหฐานและประกาศตั้งเจ้าฟ้าสีป่อเป็นรัชทายาท
และจับกุมบรรดาเจ้าฟ้าและขุนนางในฝ่ายอื่นๆที่ไม่ใช่พวกของตัวเองขังคุกไปมากมาย
ต่อมาเมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตแล้ว ก็ให้เจ้าฟ้าสีป่อขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกรุงพม่า พอขึ้นครองราชย์ได้
พระมเหสีและมารดา กลุ่มขุนนางและบรรดาพี่น้องก็ถูกสังหารรวมประมาณ 500 กว่าคน

เจ้าชายองค์ใดถูกปลงพระชนม์
เจ้าจอมมารดา พระญาติและบรรดาลูกๆ รวมทั้งเจ้าน้ององค์หญิงเจ้าชายองค์นั้น ซึ่งมีทั้งผู้เฒ่าชราและแม้แต่เด็กจนถึงทารกไร้เดียงสาก็ถูกสังหารอย่างโหดร้ายจนสิ้นด้วยสารพัดวิธี

ส่วนเหล่า ขุนนางที่เคยรับใช้หรือญาติทางฝ่ายจอมมารดาก็จับสังหารเหมือนกัน สารพัดวิธีที่โหดร้ายพิสดาร เพื่อถอนรากถอนโคนจนหมดสิ้น

การสังหารหมู่ดังกล่าวใช้เวลาอยู่สามวันจึงสังหารได้หมดเพราะต้องฆ่าที่วังแต่เวลากลางคืน เพื่อไม่ให้พวกชาวเมืองรู้

ที่เลือดเย็นกว่านั้นคือ
พระนางศุภยาลัตทรงให้จัดงานปอยตลอดสามวันนั้น ให้ชาวเมืองเที่ยวงานให้สนุก พระเจ้าธีบอก็จัดให้ดื่มน้ำจัณฑ์จนเมามายเพื่อไม่ให้สนใจการสังหารครั้งนั้น

เมื่อสังหารแล้วก็จับโยนใส่หลุมใหญ่ข้างวังรวมกัน แล้วเอาดินกลบ แต่พอพ้นสามวัน ศพเหล่านั้นเริ่มขึ้นอืดจนเนินหลุมที่ฝังพูนขึ้น ก็เอาช้างหลวงมาเหยียบย่ำให้ดินที่นูนขึ้นมานั้นแบนราบลง
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถปิดบังหลุมใหญ่นั้นได้ เพราะจำนวนศพมีมากจนดันเนินดินให้นูนขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สุดท้ายก็ต้องให้ขุดศพใส่เกวียนไปฝังบ้าง ทิ้งน้ำบ้าง[2]
จนเป็นเรื่องที่มีการเล่าขานมากที่สุดคือการสำเร็จโทษเหล่าพระบรมวงศ์สานุวงศ์น้อยใหญ่ เป็นเวลา 3 คืน จะเห็นว่าการขึ้นสู่อำนาจของพระเจ้าธีบอ เต็มไปด้วยการจัดการจากกลุ่มคนที่กระหายเลือด กระหายอำนาจและโลภโมโทสันทั้งสิ้น

เล่ากันว่าคืนนั้นสุนัขเห่าหอนทั้งคืน จนชาวเมืองผวาไม่เป็นอันหลับอันนอน
พระนางจัดให้เอาวงดนตรีปี่พาทย์ การแสดงต่าง ๆ มาบรรเลงในวังตลอดเวลาที่ทำการสำเร็จโทษพวกเจ้านาย เพื่อให้เสียงดนตรีปี่กลองกลบเสียงกรีดร้องขอชีวิต หากดังไม่พอ เสียงฮาจะช่วยได้มาก
(และการรำระบำสวมหน้ากากที่มีดนตรีเร่งเร้าเสียงดังก็เป็นหนี่งในการแสดงครั้งนั้นด้วย)
พระนางตรัสให้คนร้องร้องดังขึ้น เล่นตลกให้ดังขึ้น และพระสรวลดังๆ แต่บางครั้งมีเสียงหวีดมาแต่ไกล พระเจ้าสีป่อจึงหันไปทางต้นเสียง พระนางศุภยาลัตก็หันมาถลึงพระเนตรกับปี่พาทย์

ส่วนนางพนักงานก็รินน้ำจัณฑ์ใส่ถ้วยทองถวายถึงพระหัตถ์พระเจ้าสีป่อ[3] แต่ขณะเดียวกันในประวัติศาสตร์พม่านั้นเชื่อว่าพระนางอเลนันดอ
และเกงหวุ่นเมงจีอยู่เบื้องหลังการสั่งฆ่าโอรสธิดา[4]







พระนางศุภยาลัต (พม่า :???) ประสูติ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2402 สิ้นพระชนม์ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 พระราชินีองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์อลองพญา ประสูติแด่พระเจ้ามินดง กับพระนางชินพยูมาชิน (Hsinbyumashin ; นางพญาช้างขาว หรือที่รู้จักกันในนามพระนางอเลนันดอ) ด้วยความทะเยอทะยานของพระนางศุภยาลัต พระองค์จึงได้เป็นพระราชินีในพระเจ้าธีบอกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งพม่า


การสูญสิ้นอำนาจพระนางศุภยาลัต
ทำให้แตงดาวุ่นกี้ไม่พอใจที่อังกฤษให้ค่าสัมปทานป่าไม้น้อย และฝรั่งเศสทำท่าจะเข้ามาเสนอให้มากกว่า ประกอบกับมีการกล่าวหาว่าอังกฤษลอบตัดไม้เกินกว่าที่ได้รับสัมปทาน
พม่าเลยสั่งปรับอย่างหนักถึง 1 ล้านรูปี อังกฤษก็ไม่พอใจยื่นประท้วง แต่พม่าไม่ยอม ตอนนั้นพระนางศุภยาลัตคิดว่าตัวเองมีฝรั่งเศสหนุนหลัง
แต่ต่อมาเกิดเรื่องเข้าจริงๆ ฝรั่งเศสก็วางตัวเป็นกลาง




วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2428 อังกฤษก็เริ่มส่งข้อเรียกร้องขั้นเด็ดขาด
และพม่ายอมไม่ได้ เช่น ให้อังกฤษเป็นคนควบคุมนโยบายการค้าการเดินเรือของพม่าทั้งหมดฯลฯ มิฉะนั้นจะรบกับพม่า
ซึ่งขณะนั้นอังกฤษได้ยึดพม่าได้ทางใต้ได้แล้วจากสนธิสัญญายันดาโบ

พระนางศุภยาลัตประกาศรบอังกฤษด้วยความหยิ่งยะโสโอหังว่าพม่านั้นเป็นชาติมหาอำนาจในเอเชียอาคเนย์ เคยชนะมาแล้วแม้แต่จีน หลงละเมอเพ้อพกอยู่กับอดีตอันยิ่งใหญ่ของพม่า
โดยไม่เคยสนใจความก้าวหน้าของโลก โดยเฉพาะประเทศอภิมหาอำนาจแห่งยุคนั้นอย่างอังกฤษที่มีอาณานิคมทั่วโลกและเข้มแข็งทางการทหารอย่างยิ่ง

พระเจ้าธีบอตามพระทัยมเหสีจึงสั่งให้เตรียมพลไปรบ อังกฤษก็ให้นายพลแฮร์รี เพนเดอร์กาส นำทหารทั้งฝรั่งและอินเดียเคลื่อนพลเข้ารบ จากย่างกุ้งบุกไปตามลำน้ำอิรวดีถึงมัณฑะเลย์อย่างสบาย ใช้เวลาแค่ 14 วันก็ยึดเมืองหลวงได้

นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า นอกเหนือจากอาวุธที่ดีกว่าอย่างเทียบไม่ติด แต่เหตุผลสำคัญที่สุดคือราษฎรไม่คิดจะต่อสู้เพราะไม่รู้จะสู้ไปเพื่ออะไร
เนื่องจากรัฐบาลของพระเจ้าธีบอโดยพระนางศุภยาลัต กดขี่พวกเขามาตลอด บ้านเมืองจึงขาดความสามัคคีขนาดหนัก
เนื่องจากกษัตริย์และมเหสีไม่เคยทำตนให้เป็นที่รักของประชาชนพม่า
ของพระองค์เอง

พระเจ้าธีบอ และพระนางศุภยาลัตจึงถูกเชิญให้ไปยังเมืองรัตนคีรี ซึ่งเป็นการสิ้นสุดเอกราชของพม่า และการปกครองโดยราชวงศ์อลองพญาที่มีมาอย่างยาวนาน
พระเจ้าธีบอ และพระนางศุภยาลัตถูกเชิญออกนอกประเทศเชิงกักกันที่เมืองมัทราสประเทศอินเดียราว 2-3 เดือน
ภายหลังจึงส่งไปประทับถาวรที่เมืองรัตนคีรีเมืองเล็กๆทางชายฝั่งทะเล ทางใต้เมืองบอมเบย์[5] (มุมไบในปัจจุบัน)

แม้พระนางศุภยลัตถูกเนรเทศอยู่พระนางยังยังทำยศเป็นราชินีอยู่อีก ใครจะมาหาต้องคุกเข่าคลาน ไม่ยอมไปไหนเพราะไม่มีวอ ประสูติพระราชธิดายังต้องมีถาดทองรองรับ
เจ้ายศเจ้าอย่างจนพวกที่ตามไปด้วยจากพม่าทนไม่ไหวหนีกลับพม่าหมด

ในที่สุดก็เกิดทะเลาะกับพระนางอเลนันดอผู้เป็นแม่ จนพระนางอเลนันดอต้องขอกลับพม่า อังกฤษก็ยอมให้กลับคุมตัวไว้ที่ เมืองเมาะลำเลิงจนสิ้นพระชนม์

พระเจ้าธีบอกับพระนางศุภยลัตถูกเนรเทศอยู่ที่ประเทศอินเดียนาน 31 ปี จนพระเจ้าธีบอจึงสิ้นพระชนม์ที่เมืองรัตนคีรีนั่นเอง
พระนางจึงได้รับอนุญาตให้พาลูกสาวกลับพม่าไปอยู่ร่างกุ้ง ส่วนพระศพพระเจ้าธีบอนั้นฝังไว้ที่อินเดีย

คืนสู่พม่า
กว่าจะกลับเป็นประเทศเอกราชอีกครั้งก็หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
เมื่อพระนางได้กลับมาสู่พม่าที่เมืองย่างกุ้ง
ขณะอยู่ที่เมืองย่างกุ้งก็ยังทำยศทำศักดิ์ไม่ยอมคบหาสมาคมกับใคร ใครไปหาต้องหมอบกราบ ทรงเคียดแค้นขุนนางพม่าที่ไปเข้ากับอังกฤษ ตรัสบริภาษอยู่เป็นประจำ มีฝรั่งเขียนเกี่ยวกับพระนางไว้ว่า

เมื่อพระนางแก่ตัวเข้าและรู้สำนึกในชีวิตแล้ว ทรงสงบเสงี่ยม สุภาพ น่าสงสาร ทรงเลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อน และเสียพระทันต์ทั้งหมด[6] พระนางอยู่ในตำหนักที่อังกฤษจัดถวายให้ในเมืองย่างกุ้ง 10 ปี จึงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ขณะพระชนมายุ 65 พรรษา

การจัดการพระศพก็เป็นไปตามยถากรรม ไม่ได้มีพิธีรีตองมากมายไม่ต่างจากคนทั่วไป ไม่เหลือเค้าโครงใดๆให้เห็นว่าครั้งหนึ่งนางเคยเป็นพระราชินีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของพม่า

ปัจจุบันยังมีที่ฝังพระศพอยู่ในย่างกุ้ง[7] โดยรัฐบาลอังกฤษจัดการพระศพ
ให้ตามธรรมเนียม
แต่ไม่อนุญาตให้เชิญพระศพขึ้นไปที่ราชธานีกรุงมัณฑะเลย์ คงอนุญาตเพียงแต่ทำเป็นมณฑปบรรจุพระอัฐิเท่านั้น

ปัจจุบันนี้อยู่ที่ถนนเจดีย์ชเวดากอง (Shwe Dagon Pagoda Rd.) ห่างจากบันไดด้านทิศใต้ของพระเจดีย์ชเวดากองมาประมาณ 200 เมตร สร้างเป็นกู่ทรงมณฑปยอดปราสาทแบบพม่า ก่ออิฐฉาบปูนขาว รูปทรงคล้ายที่ฝังพระศพของพระเจ้ามินดงในกรุงมัณฑะเลย์ ที่ฐานล่างมีแผ่นจารึกแผ่นเล็กของตอปยากะเล (Taw Payar Kalay) หรือออง ซาย (Aung Zay) ซึ่งเป็นพระราชนัดดาองค์สุดท้ายของพระเจ้าสีป่อ ที่เสียชีวิตเมื่อ ค.ศ. 2006 และนำอัฐิมาฝังไว้ในกู่เดียวกับพระนางศุภยาลัต โดยพระนางมีศักดิ์เป็น "พระอัยยิกา"
ของนัดดาองค์นี้[8]




รูปสามคน/รูปพระเจ้าธีบอ พระนางศุภยลัต และพระนางสุปยายี
พระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าธีบอ (ขวา) พระราชินีศุภยาลัต (กลาง) และพระกนิษฐาของพระนางคือพระนางศุภยาคยี (ซ้าย) ที่พระราชวังหลวง เมืองมัณฑะเลย์ เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1885 ไม่ทราบผู้ถ่าย




การจับพระเจ้าสีป่อลงเรือกลไฟ ในภาพได้มีการบรรยายไว้ว่า เป็นบรรยากาศท่าเรือขณะจับกุมตัวกษัตริย์พม่า ซึ่งถ้าเป็นดังนี้จริง สภาพเรือก็ไม่สมพระเกียรติยศอย่างที่บรรยายไว้



พระนางศุภยลัต ขณะบวชเป็นชี




กู่มณฑปบรรจุพระอัฐิของพระนางศุภยาลัต และพระนัดดา






เอกสารอ้างอิง

อ้างอิง1.^ Christopher Buyers. "The Konbaung Dynasty Genealogy". royalark.net. //www.royalark.net/Burma/konbau11.htm. เรียกข้อมูลเมื่อ 2009-09-26.
2.^ พม่าเสียเมืองก็เพราะกษัตริย์อ่อนแอและมเหสีหฤโหด
3.^ บุญยงค์ เกศเกศ. อรุณรุ่งฟ้า"ฉาน"เล่าตำนานคน"ไท". กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์หลักพิมพ์, 2548. หน้า 69
4.^ พม่าเสียเมือง ฉบับ"คนพม่า"บันทึก
5.^ บุญยงค์ เกศเทศ. อรุณรุ่งฟ้า"ฉาน"เล่าตำนานคน"ไท". หน้าที่ 55
6.^ มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน จากเว็บพันทิป
7.^ ชวนกันเป็นชาวคติชน : อยากทราบประวัติของพระนางศุภยลัตค่ะ
8.^ (.....ราชสุสาน ณ นครย่างกุ้ง.....)
คึกฤทธิ์ ปราโมช. พม่าเสียเมือง.
สาส์นสมเด็จ เล่ม 9 พ.ศ. 2479 (เมษายน - กันยายน) พิมพ์เผยแพร่ พ.ศ. 2543 (รักษาตัวสะกดเดิม)
ลายพระหัตถ์สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ถึง สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า วินิจฉัยกรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ 1) หน้า 335 - 341 และเล่าเรื่องเมืองพะม่า วินิจฉัยกรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ 27) หน้า 355-359







ช่วงที่พม่าเสียเมือง แก่อังกฤษในพ.ศ. 2428
ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ของไทย
โชคดีของคนไทยที่มีพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก
ยอมเสียแผ่นดินส่วนน้อยเพื่อรักษาประเทศชาติอยู่รอดไม่เสียทั้งประเทศ
ทุกวันนี้ก็ยังมีคนไทยบางกลุ่มที่ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านอยู่




ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามชมและอ่านเรื่องราวด้วยความอดทน
ขอบคุณทุกข้อมูลจากไฟล์:Supayalat.jpg ฯ และ วีกีมีเดียWikipedia?





 

Create Date : 10 มกราคม 2556
15 comments
Last Update : 10 มกราคม 2556 21:43:05 น.
Counter : 9234 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะคุณยายเก๋า

อ่านแล้วเศร้าใจ ในกิเลสของคนนะค่ะคุณยาย ขอบคุณคุณยายที่หาแหล่งข้อมมูลมาให้ได้อ่านค่ะ ตาลเหลืองชอบเรื่องราวเก่า ๆ แบบนี้ค่ะ ของไทยก็ชอบอ่านค่ะ

วันนี้ได้ใช้ ฺBG. สีเรียบ ๆ ของคุณยายแล้ว รูปที่ลงบล็อกก่อน ก็เป็นผลงานนายต้นค่ะ เที่ยงครั้งนี้ ตาลเหลือง ไม่ได้ใช้กล้องตัวเอง เลยค่ะ มีรูปพระพุทธรูป ถ่ายที่เกาะลอยฝีมือเขามาฝากด้วยค่ะ


 

โดย: ตาลเหลือง 10 มกราคม 2556 12:40:57 น.  

 

มารับความรู้ค่า ยายเก๋า
อ่านแล้วเศร้าจังนะค่า


รักษาสุขภาพนะค่า

 

โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา 10 มกราคม 2556 14:30:48 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณยายเก๋า
ไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยค่ะ
อ่านแล้วก็เศร้าจังเลยค่ะ ขอบคุณ
ที่นำข้อมูลดี ๆ แบบนี้มาแบ่งปันค่ะ

บล๊อกไม่ได้แต่งเองเลยค่ะน้อง ๆ ใน
บล๊อกช่วยแต่งให้ กำลังจะหาเวลาหัด
ทำเองบ้างแล้วค่ะ

 

โดย: AppleWi 10 มกราคม 2556 21:46:22 น.  

 

สวัสดียามดึกค่ะคุณยาย
เพิ่งจะได้มาอ่านเรื่องราวดีๆค่ะ

วันนี้เหนื่อยตั้งแต่เช้า งานเข้าค่ะ
แว่บมารอบนึงแล้ว แต่ไม่ได้เม้นท์ รีบค่ะ
กะว่าไว้มาตอนดึก

แปลกใจกับปณ.จัง นานผิดปรกติ โมโหค่ะ
ถ้าคุณยายไม่อยู่ เค้าฝากไว้ที่คนอื่นได้รึป่าวคะ
ขอให้ธุระพรุ่งนี้ผ่านไปด้วยดีนะคะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

โดย: mambymam 10 มกราคม 2556 22:36:24 น.  

 

ปล.ขอบคุณเรื่องราวดีๆด้วยนะคะ

 

โดย: mambymam 10 มกราคม 2556 22:37:02 น.  

 


แหล่มเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะที่นำสาระดีดีมาฝากค่ะ

 

โดย: อุ้มสี 10 มกราคม 2556 23:35:37 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ

ป้าเก๋าเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ได้น่าอ่านครับ
เรียบเรียงและมีภาพประกอบด้วยแบบนี้
อ่านแล้วเห็นภาพตามเลยครับ





 

โดย: กะว่าก๋า 11 มกราคม 2556 6:33:59 น.  

 

ไม่น่าเชื่อว่าภายใต้ระบำหน้ากาก
จะมีประวัติที่ค่อนข้างโหดทีเีดียวนะคะป้าเก๋า
ขอบคุณคุณป้าที่เรียบเรียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
ที่ไม่เคยได้ทราบมาให้อ่านค่ะ

ขอให้คุณป้าทำธุระวันนี้ลุล่วงไปด้วยดีนะคะ

 

โดย: Sweet_pills 11 มกราคม 2556 13:27:03 น.  

 



สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณยายเก๋า
มีความสุขมากๆ นะคะ

อื่มมม...
นี่ก็เป็นผู้หญิงอีกคนที่ทรงอิทธิพล และน่ากลัว
ฟู่เคยได้อ่านประวัติพระนางมาบ้าง แต่คุณยายเก๋ามีข้อมูลละเอียดดีจังค่ะ


 

โดย: PhueJa 11 มกราคม 2556 13:54:15 น.  

 

วิ่งมาชมบ้านนะคะยังอ่านไม่จบเลยค่ะ

น้องอ้อมแอ้ม ชวนทานข่าวเที่ยงวันค่ะ
พี่่ว่างไปติดต่อหลังไมค์นะคะ

 

โดย: newyorknurse 11 มกราคม 2556 17:57:17 น.  

 

เสิร์ฟอาหารคุณป้ายามดึกค่ะ



ขอให้คุณป้านอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ

 

โดย: Sweet_pills 11 มกราคม 2556 20:22:56 น.  

 

สวัีดีตอนกลางคืนค่ะคุณยาย
เพิ่งจะได้มา เอาดาวกระจายสีหวานมาฝากค่ะ



เพิ่งกลับจากบ้านเพื่อน คุยกันยาวเลย
ป่านนี้คุณยายงยังอยู่ที่วัดสระเกศ

หลับฝันดีนะคะคืนนี้
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

โดย: mambymam 11 มกราคม 2556 21:04:48 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณยาย

หลับหรือยังคะ

หนูชอบดูภาพถ่ายของคนสมัยโบราณ ภาพจะต่างกับปัจจุบันมาก
พม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ทำให้คนพม่าพูดภาษาอังกฤษได้ !!!





 

โดย: แม่พีวีซี 11 มกราคม 2556 23:50:58 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับป้าเก๋า








 

โดย: กะว่าก๋า 12 มกราคม 2556 6:21:29 น.  

 

 

โดย: กะว่าก๋า 12 มกราคม 2556 12:55:25 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ชมพร
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 162 คน [?]




https://www.codetukyang.com/html/testcode.htm





หลังเกษียณเรามีเวลาว่าง
'Internet' แม้จะเป็นเรื่อง
ใหม่ แต่ก็เหมาะกับเรา
"Bloggangเปิดโอกาสให้
เราบันทึกได้อิสระดังใจคุณ"
เมื่อเข้ามาแล้วก็เพลิดเพลิน
มีเพื่อนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
แวะเวียนมาทักทาย บ้างก็
ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป บ้าง
ก็คงอยู่ ทักทายช่วยเหลือกัน
เราอยากให้ผู้สูงวัยที่มีเวลาว่าง
สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกBloggang
กันมากๆจะได้มีเพื่อนๆ เป็นสังคม
Online ที่ไม่จำกัด เพศและวัย




Group Blog
 
 
มกราคม 2556
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ชมพร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.