"แม่สิ้นแรงแทบสิ้นใจจะมีมือลูกคนไหนมาปิดตาแม่ก่อนสิ้นลม..”






วันแม่เวียนมาอีกครั้ง เรากลับไปอ่านเรื่องเก่าๆ อ่านแล้วก็อยาก
จะนำมาให้อ่านเพื่อเป็นการเตือนใจลูกๆอีกครั้ง

อ่านเรื่องนี้แล้วน้ำตาจะไหล อยากให้เรื่องนี้เป็นการเตือนสติลูกๆ
ที่หลงลืมแม่ ได้กลับไปเหลียวแลท่านบ้าง ว่าท่านอยู่อย่างไร
ทุกข์ หรือสุข เจ็บไข้ได้ป่วยหรือเปล่า

แม่เลี้ยงลูกมาตั้งหลายคน แต่แม่คนเดียว ไม่มีลูกคนไหน
เลี้ยง หรือเพียงแต่ถามไถ่ท่านยามแก่ชรา
ไม่มีเรี่ยวแรงทำมาหากิน จนต้องไปอาศัยวัดอยู่



เรื่องราวของแม่เฒ่าวัย 91 ปี ที่รอคอยลูกจากบ้านพักคนชรา

..แม่เฒ่ามีลูกชายสองคนและหญิงหนึ่งคน 60 ปีที่ผ่านมาครอบครัวแม่เฒ่าจัดอยู่ใน ระดับผู้มีอันจะกินของจังหวัด สามีของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ก่อร่างสร้างตัวจากกรรมกรกิน ค่าแรงรายวันโดย แม่เฒ่ารับจ้าง ทอผ้าอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง อดออมสะสมจนฐานะดีขึ้น สามารถ สร้างหลักฐานจนมีที่ดินบ้านช่องสมฐานะ แต่สามีก็ยังทำงานหนักไม่ยอมพักหวังจะฟูมฟักลูก 3 คนให้ อยู่อบอุ่น กินอิ่มโดยไม่ต้อง ลำบากช่วงนั้นแม่เฒ่าเลิกทอผ้าแล้วอยู่บ้านเลี้ยงลูก 3 คนที่อยู่ในวัยซนไล่ เรียงตามลำดับ


เช้าวันหนึ่งเมื่อลูกชายคนโตอายุได้ 6 ขวบ สามีของแม่เฒ่าก็หลับไปไม่ ตื่นมาร่ำลา หมอที่ โรงพยาบาลบอกว่าสามีตับแข็งตายทั้งๆ ที่ไม่เคยแตะเหล้าซักหยด

แม่เฒ่าเปลี่ยนสภาพบ้านพักเปิด เป็นร้านค้าโชห่วยขายของสารพัดชนิดอดทนอดออมเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ให้ร่ำเรียนจนจบปริญญา ครอบครัว อบอุ่นพี่น้องรักใคร่กันดี ไม่มีเค้าลางว่าจะแตกหักดั่งหนึ่งคนละสายเลือด ลูกชายคนโตแต่งงานไป กับลูกสาวเจ้าของร้านขายทองในตลาด ในชีวิตของแม่เฒ่าไม่เคยมีความสุขครั้งไหน เหมือนวันที่ลูกชายแต่งงานสมบัติที่มีแม่เฒ่าจัดแบ่งเป็นสามส่วนให้ลูกชายคนโตเปิดร้านขายทองตามที่สะใภ้ต้องการ


...ปีต่อมา ลูกคนที่สองแต่งสาวเข้าบ้านอีกคนแม่เฒ่ายกบ้านและที่ดินที่เปิดร้านขายของสอง คูหาสามชั้นให้เป็นสมบัติ ของลูกด้วยความยินดีโดยที่แม่เฒ่าขอสิทธิ์แค่อยู่อาศัย สองปีถัดมาลูกสาวคน สุดท้องแต่งกับข้าราชการระดับหัวหน้ากองในจังหวัด แม่เฒ่ายกที่ดินและเงินสดก้อนสุดท้ายของแม่เฒ่า รับขวัญลูกเขยด้วยความปรีดา


สะใภ้คนที่สองเริ่มจุดประกายแห่งการแตกหัก ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านไม่เคยแม้แต่เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าว แม่เฒ่ากลายเป็นทาสในเรือนซักผ้าทำกับข้าวจัด สำรับคับค้อน ตั้งโต๊ะคอยท่าสองผัวเมียกินก่อนจนอิ่ม แม่เฒ่าจึงมีโอกาสได้กินของเหลือ ก่อนจะเก็บกวาดถ้วยชามไปล้าง กวาดเช็ดบ้านช่องเรียบร้อยแล้ว จึงได้พักผ่อนด้วยการเดินออกไปคุยกับเพื่อนบ้านในวัยไล่เลี่ยกัน


สะใภ้สองเข้มงวดแม้แต่ของสดทุกชนิดที่ซื้อมาทำกับข้าว ต้องถามราคาแล้วยกไปชั่งน้ำหนัก ราคา สินค้ากับเงินทอนที่เหลือต้องตรงกับเงินที่ให้ไปตลาด แต่แม่เฒ่าก็ไม่เคยเก็บมาเป็นอารมณ์






...แล้ววันหนึ่งสะใภ้สองก็จัดระเบียบการกินใหม่ หล่อนไปสั่งผูกปิ่นโตเพื่อนกินกันแค่สองผัวเมีย แล้วสั่งให้ผัวจ่ายเงินให้แม่เฒ่าแค่วันล่ะยี่สิบบาทไปหากินเอาเองด้วยเหตุผลโง่ๆ คือต้องการประหยัด แต่ลึก ๆ ในใจไม่ต้องการให้แม่ผัวเม้นส่วนเกิน แม่เฒ่าคิดเอาเองว่าลูกๆ คงไม่อยากให้แม่เหนื่อย จึงน้อมรับประกาศิตลูกสะใภ้ด้วยดุษฏี

สองสามวันต่อมาแม่เฒ่าก็ลืมสิ้นเพราะความรักลูก หลายครั้งที่แม่เฒ่าคิดถึงลูกชายคนโตที่เปิดร้านขายทองในตลาด แม่เฒ่าจะเจียดเงินที่เก็บออมไว้ ซื้อผลไม้ที่ลูกชอบติดมือไปด้วย

แต่ทุกครั้งที่แม่เฒ่าเดินเข้าไปในบ้านสะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียดๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องแอร์ปิดประตูนอนดูโทรทัศน์ สั่งคนใช้ให้คอยสอดส่องเดินตามแม่เฒ่า เธอ กลัวแม่ผัวขโมยของในบ้าน จะคุยกับลูกชายไอ้นั่นก็ออกอาการไม่ว่างถามคำตอบคำ เหมือนหนามตำโดน โคนลิ้นจนอ้าปากลำบากลำบน อึดอัดแม่เกรงใจเมีย แกล้งถอดสร้อยคอทองคำเส้นโตที่ห้อยแขวนพระ เครื่องราคาแพงในกรอบทองฝังเพชรพวงใหญ่ขึ้นมาส่องทีละองค์ด้วยความเลื่อมใส และไม่แม้แต่จะชายตา มองแม่เฒ่าที่นั่งซึมอยู่ข้างตู้ทองอย่างเดียวดาย

เก้ๆ กังๆ อยู่พักใหญ่ก็เดินออกจากบ้านลูกชายคนโต อย่างเหงาๆ โดยมีคนใช้ของลูกหิ้วถุงผลไม้ตามมายัดคืนใส่มือ ระหว่างทางก็แวะ ทักทายคนรู้จักเพื่อ รักษามารยาท แต่ในใจของแม่เฒ่ามันวังเวงจนจำไม่ได้ว่าพูดคุยกับใครไปบ้าง

ระหว่างทาง ลูก สาวคนเล็กที่แม่เฒ่าทั้งรักทั้งหวงนั่นแทบไม่ต้องพูดถึงเธอยื่นคำขาดกับแม่เฒ่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเยี่ยมว่าถ้า ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเพราะบ้านเธอมีแขกที่เป็นลูกน้องของผัวและพ่อค้าวานิชเข้าพบผัวของเธอเพื่อขอ อำนวยความสะดวกในทางธุรกิจบ่อยๆ และผัวของหล่อนก็ค่อนข้างเจ้ายศเจ้าอย่าง ถ้าแม่เฒ่ารักลูกก็ควร จะต้องรักษาเกียรติรักษาหน้าตาของผัวลูกด้วย แม่เฒ่าไม่เข้าใจว่าการรักษาหน้าตาของลูกเขยนั้นต้อง ทำอย่างไรแม่เฒ่ายังเคยปลื้มกับคำชมของเพื่อนบ้าน

...เขาว่าแม่เฒ่าวาสนาดีลูกเขยเป็นเจ้าคนนายคนแม่เฒ่าก็ได้แต่แอบปลื้มทั้งๆ ที่ ไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็น เจ้าคนนายคนจึงเหมือนกำแพงชนชั้นปิดกั้นระหว่างความเป็นแม่ลูกจนหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมารายรอบร้านค้าของลูกชายคนที่ สองกระทบธุรกิจของสองผัวเมียจนทรวดเซ ของขายไม่ได้มากเหมือนเก่าที่เอาอะไรมาวางก็ขายหมด


ปัญหาและวิกฤติการเงินในบ้านส่งสัญญาณถึงขาลง สองผัวเมียเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และแทบทุก ครั้งลูกสะใภ้ก็จะฉวยโอกาสด่ากระทบแม่ผัวเป็นของแถมโดยไม่มีเหตุผล โดยที่ลูกชายก็ไม่ออกอาการปกป้องแม่เฒ่าแต่อย่างใด






.. 12 มิถุนายน 2530 ประมาณ 3 ทุ่มของคืนโลกาวินาศ
ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยพยับเมฆ สลับกับเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเป็นระยะๆ ครู่ใหญ่ๆ ต่อมาสายฝนจึงโปรยปรายชุ่มฉ่ำน้ำนองไปทั่วเมือง ลูกชายลูกสะใภ้ออกไปกินข้าวนอกบ้านยังไม่กลับ ปล่อยแม่เฒ่าเฝ้าร้านค้าคนเดียว

..แม่เฒ่าจำได้ว่าวัยรุ่นสองคนขี่รถเครื่องฝ่าสายฝนมาจอดหน้าร้านขอซื้อเบียร์หนึ่งขวด แม่เฒ่ารับเงิน แล้วเดินเข้าไปเก็บในลิ้นชักโดยไม่ระแวงว่า สองวัยรุ่นแอบยกลังใส่บุหรี่ที่ลูกชายสั่งมายังไม่แกะ กล่องช่วยกันแบกขึ้นรถขี่หายไปกับความมืด

ก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อยสองผัวเมียจึงขับรถกลับเข้าถึงบ้านช่วย กันเก็บของเข้าร้าน วางของทุกชิ้นเข้าที่ๆ เคยวาง เมื่อไม่เห็นลังบุหรี่จึงหันไปตะโกนถามแม่เฒ่าที่ กำลังจุดธูปไหว้รูปสามีบนหิ้ง เพียงคำตอบที่แม่เฒ่าตอบว่า "ไม่เห็น" ก่อนปักธูปลงกระถาง เสียงสบถด้วยคำหยาบของลูกชายก็ดังสวนสนั่นบ้าน ครู่เดียวทั้งลูกสะใภ้กับลูกชาย ก็สลับปากจิกหัวด่าแม่กึกก้องประสานเสียงกับสายลมนอกบ้าน

ก่อนที่ทั้ง คู่จะขับรถไปโรงพักแจ้งจับแม่ลักทรัพย์ ตำรวจพาแม่เฒ่าไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวร แม่เฒ่าให้การไม่รู้ ด้วยซื่อบริสุทธิ์โดยไม่ตัดพ้อต่อว่าลูกชายแม้แต่คำเดียว กว่าชั่วโมงในห้องแอร์เย็นเฉียบ แต่ในอกในใจของร้อยเวรหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟนรกแผดเผา ที่ต้องวิงวอนสองผัวเมียให้เห็นบาปบุญคุณโทษ แต่สองผัวเมียกลับโยนภาระตอกย้ำ "ให้ตำรวจอบรมแม่เฒ่า" ก่อนที่จะสะบัดก้นกลับไปบ้านโดยไม่ใส่ใจแม่เฒ่าที่เปียกฝนนั่งสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ สายฝนยงสาดซัดกระหน่ำหนักเหมือนฟ้าแตก ตำรวจยศนายดาบขับรถร้อยเวรมาส่งแม่เฒ่า ที่บ้านบ้านซึ่ง ประตูเหล็กถูกปิดสนิท

..แม่เฒ่าลงจากรถเดินฝ่าฝนถึงหน้าบ้านแล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสุดขีดกับภาพเบื้องหน้าที่พื้นหน้าบ้าน เสื้อผ้าเก่า
ๆ ยัดแน่นอยู่ในถุงถูกโยนออกมากองเรี่ยราดเหมือนขยะ บนกองเสื้อผ้าของแม่เฒ่า กระถางธูปและรูปถ่ายของสามีแตกกระจายเกลื่อนกราด หยาดฝนสาดซัดรูปถ่ายขาวดำ ของสามีจนเปียกปอนขาดวิ่น แม่เฒ่าก้มลงหยิบรูปของสามีมากอดแนบอก น้ำตาแห่งความ รันทดทะลักล้นปนน้ำฝน ปวดร้าวเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจ แม่เฒ่ากอดรูปนั้นไว้เหมือนจะปกป้อง จากสายฝนสุดชีวิต





สองเท้าออกก้าวช้าๆ เหมือนร่างไร้วิญญาณ เข้าตลาดไปหยุดนิ่งอยู่หน้าร้านขายทอง ของลูกชายคนโตเหมือนเป็นการบอกลา แล้วลัดเลาะฝ่าความมืดและสายฝนไปยืนอยู่หน้าบ้านลูกสาวคน เล็กเก็บภาพแห่งความรักความทรงจำสุดท้ายเป็นครู่ใหญ่ จึงเดินจากไปท่ามกลางเสียงกึกก้องของฟ้า ร้องระงม สลับกับ เสียงฟ้าผ่าแน่นหนักเป็นระยะ ดั่งเจ้ากรรมนายเวรกำลังเร่งรีบกรีดนิ้วกัปนาท บรรเลงเพลงกรรมในอดีตชาติติดตามมาทวงคืนให้แม่เฒ่าต้องชดใช้อย่างบอบช้ำยับเยิน

รถกระบะเก่าๆ คันนั้นวิ่งฝ่าสายฝนมาจอดสงบนิ่งอยู่หน้ากุฏิพระ ของสมภารเจ้าวัด ตอนตีสามเศษๆ คนขับรถพบแม่เฒ่าเดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนนเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ด้วยใจเมตตา เมื่อแม่เฒ่าต้องการมาที่นี่ จึงขับรถมาส่งด้วยความสังเวช แม่เฒ่ามักคุ้นกับ สมภารวัดนี้มานานแล้ว ตั้งแต่เจ้าอาวาสองค์เก่ายังอยู่ นาทีสุดท้ายของการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิตจึงไม่มีที่ไหนอบอุ่นให้พึ่งพิงเหมือน ร่มเงาฉัตรแก้วกงธรรมแห่งรัตนะทั้งสาม

... นับแต่นาทีแรกที่แม่เฒ่ามาถึงที่นี่จนวันนี้ แม่เฒ่าไม่เคยออกไปนอกวัด เหมือนๆ กับที่ทั้งสามคนก็ไม่เคย ออกติดตามถามหาจะรู้หรือไม่ก็แล้วแต่ ว่าแม่ซมซานมาอยู่วัดแต่ ก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่ เงาของลูกทั้ง 3 ประโยคสุดท้ายของแม่เฒ่าที่ฝากมา..

“แม่จำลูกได้ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนโต จะทุกข์จะสุขก็คือลูกของแม่ แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้จากลูกทุกคนเป็นการตอบแทน ลูกเอ๋ย...เมื่อลูกยังเป็นทารกทุกครั้งที่แนบอกดูดดื่มน้ำนมจากเต้า สองมือน้อยๆ ของเจ้าไขว่คว้าอยู่ไหวๆวันนี้แม่สิ้นแรงแทบสิ้นใจจะมีมือของลูกคนไหน เอื้อมมาปิดตาให้แม่ก่อนสิ้นลม.....”


ขอบคุณที่ติดตามชม
ที่มา:fwmail teenee.com





 

Create Date : 12 สิงหาคม 2556
15 comments
Last Update : 12 สิงหาคม 2556 20:26:40 น.
Counter : 4241 Pageviews.

 

สุขสันต์วันแม่ครับ

 

โดย: **mp5** 12 สิงหาคม 2556 9:56:22 น.  

 

สวัสดีวันแม่ค่ะ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 861805 12 สิงหาคม 2556 10:29:08 น.  

 


สุขสันต์วันแม่ค่ะพี่ชมพร

มาอ่านเรื่องราวของแม่ผู้น่าสงสาร เศร้าค่ะ หยุดหลาย

วันไปเที่ยวไหนบ้างคะ หน่อไม้ยังไม่ได้ทำเลยค่ะ

มีดอกมะลิมาฝากค่ะ

 

โดย: พรไม้หอม 12 สิงหาคม 2556 12:53:15 น.  

 

 

โดย: พิรุณร่ำ 12 สิงหาคม 2556 16:57:03 น.  

 

สุขสันต์วันแม่ค่ะป้า




เคยอ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่กลับมาย้อนอ่านอีกครั้งก็ยังสะอึก

นึกได้อย่างเดียวว่า...กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมบุมเมอแรงค่ะ

 

โดย: ร่มไม้เย็น 12 สิงหาคม 2556 18:38:32 น.  

 


สุขสันต์วันแม่ค่ะ

มาอ่านความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ค่ะ

newyorknurse

 

โดย: newyorknurse 12 สิงหาคม 2556 20:36:07 น.  

 

สุขสันต์วันแม่ค่ะคุณยายเก๋า

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

 

โดย: pantawan 12 สิงหาคม 2556 23:29:35 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณยาย ในวันพิเศษ สำหรับญาติผู้ใหญ่

 

โดย: dada_aeiou 12 สิงหาคม 2556 23:53:36 น.  

 

ค่ำ นี้ฝนตก รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชมพร Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: dada_aeiou 12 สิงหาคม 2556 23:54:44 น.  

 

สวัสดีค่า คุณยายเก๋า ^^
อ่านเรื่องแล้วเศร้าจังค่ะ
แต่ก็ได้ข้อคิดมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะ

 

โดย: lovereason 13 สิงหาคม 2556 0:54:21 น.  

 

สุขสันต์วันแม่ค่ะยายเก๋า

มาช้าไปหน่อย สาเหตุคอมพ์พัง ตั้งแต่สิ้นเดือนก.ค. แล้วค่ะ
ตอนนีัใช้โน๊ตบุ๊คของลูกชาย แต่ไม่มีแปนพิมพ์ไทย
พิมพ์ลำบากมากๆ เครื่องก็เล็กนิดเดียว
กว่าจะพิมพ์เสร็จ เฮ้อออออออ

ยายเก๋าสบายดีนะคะ

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 13 สิงหาคม 2556 3:34:58 น.  

 

สุขสันต์วันแม่ค่ะ คุณพี่

อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย
คนเป็นแม่ขอให้ลูกมีสุขเท่านั้นก็พอ ลูกจะรักหรือจะชังก็ไม่เป็นไร
แต่ลูกอ่านแล้วให้มีสำนึกต่อบุญคุณแม่บ้าง
วันหนึ่งลูกก็ต้องเป็นพ่อแม่คนเช่นกันค่ะ

 

โดย: ซองขาวเบอร์ 9 14 สิงหาคม 2556 3:04:33 น.  

 

เขียนได้เยี่ยมจริงๆครับ อ่านแล้วน้ำตาจะไหล

 

โดย: ลุง ว IP: 202.28.35.248 15 สิงหาคม 2556 15:45:06 น.  

 

คุณลุง ว เข้าใจผิด ยายเก๋าไม่ได้เขียนเอง
ไปอ่านเรื่ืองจาก:fwmail ใน teenee.com ค่ะ
เห็นว่าโอกาสวันแม่การนำเรื่องนี้มาลง ตะทำให้สะกิด
ต่อมลูกที่เห็นแก่ตัวได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

 

โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) 15 สิงหาคม 2556 22:15:05 น.  

 


Like ให้เป็นคนที่ 6
อ่านแล้วซาบซึ้งตามเลยค่ะคุณป้าเก๋า
ขอบคุณที่นำ FM มาให้อ่าน
ก่อนที่แม่อุ้มจะเสียแม่อุ้มหายใจแรงมาก
อุ้มก็กอดแม่แล้วบอกกับแม่ว่า
"ถ้าแม่เหนื่อย แม่เจ็บ แม่ไม่ต้องทน"
ไม่รู้ว่านั่นคือเป็นครั้งสุดท้าย
แล้วแม่ก็จากไปด้วยอาการสงบ

 

โดย: อุ้มสี 19 สิงหาคม 2556 7:16:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชมพร
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 162 คน [?]




https://www.codetukyang.com/html/testcode.htm





หลังเกษียณเรามีเวลาว่าง
'Internet' แม้จะเป็นเรื่อง
ใหม่ แต่ก็เหมาะกับเรา
"Bloggangเปิดโอกาสให้
เราบันทึกได้อิสระดังใจคุณ"
เมื่อเข้ามาแล้วก็เพลิดเพลิน
มีเพื่อนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
แวะเวียนมาทักทาย บ้างก็
ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป บ้าง
ก็คงอยู่ ทักทายช่วยเหลือกัน
เราอยากให้ผู้สูงวัยที่มีเวลาว่าง
สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกBloggang
กันมากๆจะได้มีเพื่อนๆ เป็นสังคม
Online ที่ไม่จำกัด เพศและวัย




Group Blog
 
 
สิงหาคม 2556
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ชมพร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.