ความรัก

คนเรากว่าจะพบใครสักคนที่เรารัก อย่างหัวปักหัวปำ ทุ่มเทหัวใจให้ทั้งหมดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย และ เมื่อรักกันแล้ว การที่จะเลิกรากันง่าย ๆ นั้น มันไม่ถูกน้า อย่าให้ความคิดที่ว่า "อ้าว ... ก็เมื่อจีบได้แล้ว มันหายตื่นเต้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องน่าสนใจอีกต่อไป" มาเยี่ยมกรายเชียวนะคะ หันมาหาวิธีถนอมความรักให้ยืนยาวกันดีกว่า

1. ต้องไม่ใช้อารมณ์

เมื่อยามใดก็ตาม หากเกิดภาวะตึงเครียด ระหว่างคุณทั้งสอง หรืออาจเกิดจากบุคคลที่สามก็เถอะ ต้องหัดนับ 1-10 เข้าไว้ ถ้าคุณเป็นคนใจร้อนก็นับ 1-10 ใหม่สัก 10 ครั้ง ดีไหม อะไร ๆ จะได้เย็นลง แม้คุณเคยชอบที่จะโวยวาย อาละวาด เป็นชีวิตจิตใจ เวลาคุณโมโห ต้องลืมเสีย คุณต้องปรับตัวเองแล้ว โตจนป่านนี้แล้วนะคะ ที่เคยอาละวาดขว้างปาข้าวของ หรือฟูมฟายน้ำตาไหลพราก ๆ รวมทั้ง การสะบัดหน้าหนี งอนตุปัดตุป่อง ต้องเลิก เพราะ นั่นเป็นนิสัยของเด็กไม่รู้ความ ค่ะ ควรจะหันหน้าเข้าหากัน ปรึกษากัน พูดคุยกัน ด้วยเหตุด้วยผล และ ความจริง คนรักกันต้องมีเหตุมีผล เข้าใจ และ ต้องให้อภัยกันด้วย อย่าใช้อารมณ์กับความรัก เดี๋ยวพังไม่เป็นท่าเอา...

2. ต้องไม่โกรธกันข้ามวัน ข้ามคืน

หากคุณกับคนรักของคุณ เกิดมีปากเสียงกันขึ้นมา ต่างคนต่างโกรธ หัวฟัดหัวเหวี่ยง หลบกันไปมาคนละมุม ควรจะอยู่คนละมุม ไม่ควรอยู่คนละห้อง เพราะ หลังจากที่กระแทกประตูใส่หน้าอีกฝ่าย เป็นการยากเหลือเกิน เมื่อปิดประตูขังตัวเองแล้ว จะยอมลดทิฐิ ลงมาเปิดประตูออกมาหาอีกฝ่าย จะเปิดก็ต่อเมื่อฝ่ายหนึ่งเรียกจนคอแตก แต่ถ้าอีกคนไม่ยอมเรียกล่ะ ทิฐิเหมือนกันนี่ เรื่องก็คงจบแค่นี้ หรือ จะเปิดอีกทีคราวนี้ เปิดออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง คุยกันไม่รู้เรื่อง ไปดีกว่า เรื่องก็จบอีก เมื่อจบแล้ว จะเริ่มต้นใหม่นะ มันยากนะจ๊ะ

ทางที่ดี ควรอยู่กันคนละมุม หลังจากที่เถียงกันคอเป็นเอ็นแล้ว อยู่ประจันหน้ากันทั้งคู่ พอมีกำลังก็หันหน้าเข้าหากันใหม่ คราวนี้ ปรับความเข้าใจกัน ลดอารมณ์ ทิฐิของแต่ละคนลง คราวนี้ทุกอย่างก็ต้องลงเอยด้วยดี และอย่าโกรธกันนานข้ามวันข้ามคืน เพราะ หากคุณโกรธนานขนาดนั้น ความดื้อรั้นของตัวเอง ก็จะมากยิ่งขึ้น ประกอบกับความน้อยใจ ความโศกเศร้าของคุณ ทำให้อะไร ๆ มันเลวร้ายยิ่งขึ้น รักที่มีก็จะกลายเป็นเกลียดเป็นแค้น คราวนี้เหม็นบูดแน่... เหมือนอาหารที่เก็บไว้ข้ามคืนไง ก็มีแต่เสีย, บูดเน่า เท่านั้น อย่าให้ความรักเป็นเหมือนอาหารเย็น ที่จืดชืด ...

3. เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน

เรื่องของความรัก เป็นเรื่องของความรู้สึก และก็เป็นความรู้สึกละเอียดอ่อนด้วย ง่ายต่อการหักพัง ง่ายต่อการแตกสลาย ดังนั้น ในเรื่องของความรักแล้ว ระหว่างคุณกับเขา จำเป็นต้องมีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน อย่างสมมติ หากคนรักของคุณต้องไปอยู่ต่างจังหวัด หรือ ต่างประเทศสักระยะหนึ่ง เพียงคุณรู้เท่านั้นแหละ คุณก็เกิดคิดมากขึ้นมาล่ะ คราวนี้... "เออ.. แฟนเราเค้าจะไปเจอคนที่ถูกใจอีกหรือเปล่าหนอ ? จะไปปลูกต้นรักกับใครมั่งหนา, จะไปขายขนมจีบหรือเปล่า, เมื่ออยู่ไกล ๆ จะทำอย่างไรดี?" เป็นทุกข์เป็นร้อนไป ก้ไม่มีประโยชน์ เพราะยังไง เมื่อเขาบอกจะไป ก็ต้องไปอยู่แล้ว คุณควรทำให้เขารู้สึกว่า เขาไม่ต้องห่วงใยในตัวคุณจนเกินไป เป็นห่วงคุณจนเป็นทุกข์ คุณต้องเข้มแข็งด้วย และ ต้องแสดงให้พ่อทูนหัวของคุณ รู้ว่า คุณจะรักเขา รอคอยเขา ส่วนจะทำได้แค่ไหน ค่อยว่ากัน เพราะอะไร ๆ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปเสมอ เชื่อมั่นในความรัก ในตัวเขาเถอะน่า หากคุณเนคนน่ารักอย่างนี้ หัวใจเขาก็อยู่กับคุณแล้ว อะไร ๆ ก็ไม่เปลี่ยนไปเร็วนักหรอก อยากจะบอกว่า "ความเชื่อมั่นคือพลัง" เมื่อมีความเชื่อมั่นต่อกันและกันแล้ว ความรักก็ย่อมเหนียวแน่น ยากที่จะบั่นทอน

4. ควรแยกกันอยู่ชั่วคราว

คนเราเกิดมาตามลำพัง โตตามลำพัง และ มาเจอคนรัก พ่อแม่เลี้ยงให้โตเต็มที่แล้ว ก็คือ มาเจอหลังจากรู้เดียงสา แล้วยังไงล่ะ ? เมื่อคุณมาประสบพบคู่รัก อันนี้เป็นเรื่องของกามเทพ อีกนั่นแหละ หากรักกันแล้ว เวลาที่คุณเคยมี เค้าเคยมีโดยลำพัง กับโลกส่วนตัวของคุณ หรือเข้าก็จะน้อยลง เพราะ ต้องใช้เวลานั้นอยู่ด้วยกันมากขึ้น ทานข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ติวหนังสือด้วยกัน ทั้งวันทั้งคืน ต้องอยู่เคียงคู่กัน เป็นเงาของกันและกัน เป็นปาท่องโก๋แกะไม่ออก ใครเห็นคุณก็ต้องเห็นเขา แสดงว่า เวลาส่วนตัวของคุณ หมดไปกับคนรัก ไม่เป็นไรหรอก หากคุณและเขาของคุณพอใจ มีความสุขกับสิ่งเหล่านี้

นานเข้า...นานเข้า... หากต้องแต่งงานกัน เจอกันตลอดเวลา ยิ่งทำงานที่เดียวกันด้วยแล้ว คุณจะไม่เกิดความจำเจมั่งหรือ? จริงมั้ยคะ ต่อให้รักมากแค่ไหนก็เถอะ คงต้องมีบ้าง คราวนี้พอเป็นเดือนเป็นปี มีแต่ต้องอยู่กับคุณนาน ๆ แล้ว คนรักก็ย่อมเหงาเป็นธรรมดา ตอนนี้อย่าน้อยใจล่ะว่า แฟนคุณน่ะ เห็นเพื่อนดีกว่า ไม่จริงหรอก เพื่อนก็คือเพื่อน คนรักก็คือคนรัก คุณค่ามันต่างกัน หากคุณรู้สึกว่า คนรักของคุณหงุดหงิด อารมณ์เสียบ่อย ๆ ชอบขอตัวอยู่คนเดียวเงียบ ๆ หรืออะไร ๆ ที่ผิดสังเกต รวมทั้งการขอเวลา อ้างโน่นอ้างนี่ แสดงว่า เขาต้องการเวลาส่วนตัวแล้วล่ะนะ