เคล็ดลับ ทำให้เท้าสวย
เคล็ดลับ ทำให้เท้าสวย 000 ใช้ฟองน้ำนุ่ม ๆ ชุบน้ำสบู่อุ่น ขัดถูเบา ๆ ตรงส้นเท้า ตาตุ่ม และหัวเข่า จะทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวนุ่มนวลขึ้น 000 ส้นเท้าแตก ใช้หินขัดบริเวณส้นที่แตกทุกวัน ตอนอาบน้ำ เช็ดให้แห้ง ก่อนจะทาครีมหรือโลชั่นตาม 000 วิธีป้องกันส้นเท้าแตก อีกอย่างคือ ไม่ควรเดินบนพื้นปูน ด้วยเท้าเปล่า 000 เท้าที่สะอาด สุขภาพดี ให้แช่เท้าในน้ำอุ่น โดยเติมผลิตภัณฑ์ที่ให้ความหอม และผ่อนคลาย ลงไปด้วย แช่เท้าในน้ำราว 5 นาที แล้วใช้สครับที่มีเกล็ดเล็ก ๆ ขัดถูเท้าให้ทั่ว เพื่อขจัดรอยด่างดำและผิวแห้งด้าน รวมทั้งส้นเท้าแตก เสร็จแล้วใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ แลคติค เอซิด ทาให้ทั่ว 000 หาสเปรย์ฉีดเท้าที่มีส่วนผสมของเมนทอล หรือเปปเปอร์มิ้นท์ และยูคาลิปตัส จะช่วยให้เลือดที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงเท้า ทำงานได้ดีขึ้น เป็นการคืนความสบายให้กับเท้า อีกวิธีหนึ่ง 000 ในหน้าหนาว หลังจากใช้ครีมทาเท้า ทาให้ทั่วแล้ว ลองหาถุงเท้านิ่ม ๆ มาใส่เข้านอนด้วย ความอบอุ่นจากถุงเท้า จะทำให้ผิวเท้านุ่มนวลขึ้น 000 เพื่อสุขภาพเท้าที่ดียิ่งขึ้น หลังจากเดินมาทั้งวัน ให้แช่เท้าลงในน้ำอุ่นที่ผสมน้ำมันกลิ่นหอมลงไปด้วย แล้วนวดที่เท้าอีก 1 นาที จึงค่อยล้างเท้าด้วยน้ำเย็น จะช่วยทำให้เท้าผ่อนคลาย รู้สึกสบายขึ้น 000 หลังการอาบน้ำทุกครั้ง ควรนวดเท้าพร้อมกับการทาโลชั่นบำรุงผิวไปด้วย เพื่อถนอมความชุ่มชื้นให้เท้า 000 หมั่นเอาเท้าแช่ในน้ำอุ่นผสมสบู่ วันละประมาณ 15-20 นาที นอกจากจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายที่เท้าแล้ว ยังทำให้เท้าขาวสะอาด หายตึงเครียด และเป็นการทำให้สุขภาพเท้าแข็งแรงอีกด้วย 000 หากปวดเมื่อยเท้ามาก ให้ลองแช่เท้าในน้ำอุ่น ที่ผสมน้ำมะนาวและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ จะทำให้เท้าสบายและสะอาดขึ้น 000 หลังอาบน้ำ ให้ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม ชุบน้ำอุ่น ๆ มาพันเท้าไว้ แล้ววางพาดเท้าไว้ในท่าสบาย ๆ ประมาณ 10 นาที จะทำให้รู้สึกสบายหายเมื่อย 000 ก่อนสวมรองเท้าทุกครั้ง โดยเฉพาะรองเท้าหนังและผ้าใบ ควรใช้แป้งฝุ่นโรยให้ทั่ว จะช่วยป้องกันกลิ่นจากเหงื่อที่เท้าได้ดี เพราะ แป้งฝุ่นจะช่วยกันความอับชื้น แล้วยังช่วยซับเหงื่อ อันเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นที่เท้า 000 หลังการอาบน้ำทุกครั้ง ควรนวดเท้าไปพร้อม ๆ กับการทาโลชั่นบำรุงผิว วิธีนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่เท้า รู้สึกผ่อนคลายขึ้น หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน 000 โรคตาปลา เกิดจากการสวมรองเท้าที่คับเกินไป เนื่องจาก รองเท้าจะไปเสียดสีกับหนังบริเวณนั้น ส่วนใหญ่มักจะเกิดตรงข้อต่อของหัวเแม่เท้า อย่าเสียดายรองเท้าที่ที่คับ ถึงแม้จะใส่ได้เพียงไม่กี่ครั้ง 000 ถ้าเป็นตาปลาหรือหนังด้าน ไม่ควรใช้ยารักษาโรคเท้า ที่มีตัวยาเป็นกรดซาลิซายลิคแอซิด ควรอ่านฉลากให้รอบคอบก่อนซื้อ ถึงแม้ว่า ตัวยาดังกล่าว จะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นนุ่มขึ้นมา แต่ก็อาจจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้น เป็นรอยไหม้ได้ 000 โรคหนังด้าน เกิดจากส่วนหัวของรองเท้า หรือปลายเท้าถูกกดมากเกินไป โดยเฉพาะการใส่รองเท้าส้นสูง จะเกิดโรคนี้ได้ง่าย ควรใส่รองเท้าที่มีขนาดพอดีกับเท้า 000 ถ้าเกิดตาปลาที่เท้า แก้ไขได้โดยการแช่เท้าในน้ำเกลืออุ่น ๆ ประมาณ 10 นาที แล้วใช้หินขัดบริเวณที่เป็นตาปลา และหนังด้านเบา ๆ หมั่นทำเป็นประจำ เมื่อทำได้ประมาณ 2 สัปดาห์ จะรู้สึกว่า บริเวณตาปลาและหนังด้าน จะนุ่มขึ้น 000 หมั่นตรวจสอบรองเท้าที่สวมใส่ ไม่ให้หลวม หรือคับมากเกินไป เพราะจะเป็นสาเหตุของการเกิด โรคตาปลาและหนังด้านได้ 000 อย่าใช้มีดโกน หรือ กรรไกร ตัดหนังหนา ๆ บริเวณที่เป็นตาปลาหรือหนังด้านออก เพราะจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง แผลเล็ก ๆ อาจจะเป็นตัวนำไปสู่ การเป็นมะเร็งได้ในภายหลัง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีกลไกการไหลเวียนโลหิตไม่ดี ยิ่งควรเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น 000 ความสะอาดของเท้า ที่ไม่เพียงพอ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคตาปลาและหนังด้านได้ เพราะฉะนั้น ควรหมั่นรักษาความสะอาดของเท้า อยู่เสมอ เวลาอาบน้ำทุกครั้ง ควรใช้สบู่ฟอกให้สะอาดทั่วเท้า หรือใช้แปรงขนนุ่มขัดทำความสะอาดเท้า 000 การแช่เท้าในน้ำนานเกินไป จะทำให้เท้าแห้งขาดความชุ่มชื้น เพราะน้ำจะเป็นตัวขจัดไขมัน ตามธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงเท้าออกไป
Free TextEditor
Create Date : 01 มีนาคม 2553 |
Last Update : 1 มีนาคม 2553 12:06:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 406 Pageviews. |
|
|