|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
ผมร่วง ถ้าไม่ประสบกับตัวเองก็คงจะไม่รู้หรอกว่า อาการผมร่วงก่อนให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวลเพียงใด เพราะเชื่อกันว่าผมร่วงมาก ๆ จะทำให้เป็นโรคหัวล้าน ที่จริงแล้ว เรื่องผมร่วงกับหัวล้านนั้น ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกันเท่าใด คนเป็นโรคผมร่วงส่วนใหญ่ไม่ทำให้หัวล้าน และบางคนที่คิดว่าตนเองกำลังเป็นโรค ผมร่วงอยู่ก็ไม่ได้เป็นโรคผมร่วงจริง เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ หมอชาวบ้าน ได้สนทนากับรองศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ ศิวยาธร อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องของเส้นผม
ลักษณะของผมร่วง 1. ผมร่วงเป็นหย่อม 2. ผมร่วงทั้งศีรษะ
⇒ผมร่วงเป็นหย่อม ลักษณะนี้มักจะไม่ค่อยร่วงทั้งศีรษะ แต่จะคล้าย ๆ ผมแหว่ง อาจจะมีหย่อมหนึ่งหรือหลายหย่อม กลุ่มนี้สามารถสังเกตเห็นได้เร็ว เพราะว่าจะมีบริเวณใดบริเวณหนึ่งบนศีรษะหายไป เกิดเป็นช่องว่าง มีสาเหตุมาจากหลาย ๆ กรณีดังนี้
1. กลุ่มที่เกิดจากเชื้อราของหนังศีรษะ ส่วนมากมักพบในเด็กซึ่งอาจจะติดมาจากที่โรงเรียนหรือคนอื่นได้ รวมทั้งกรณีการใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น แปรง ฟรี เป็นต้น เพราะฉะนั้น คนที่มีเชื้อราบนหนังศีรษะก็สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้ ในผู้ใหญ่มักไม่ค่อยพบว่าเป็นเชื้อรา อาจจะเป็นเพราะหนังศีรษะมีความต้านทานต่อเชื้อรามากกว่า กลุ่มนี้จะสังเกตอาการได้ง่าย เด็กจะเริ่มผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และหนังศีรษะเป็นขุย ถ้าพบแพทย์มักจะขูดหนังศีรษะ หรือดึงเอาเส้นผมไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ก็จะพบเชื้อรา หรืออาจจะเรียกง่าย ๆ ว่า เป็นขี้กลากบนหนังศีรษะ ถ้าได้รับการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อราอย่างถูกต้องก็หายได้ ขี้กลากที่ศีรษะ การใช้ยาทาอย่างเดียวคงไม่หาย ไม่เหมือนขี้กลากตามตัวซึ่งรักษาง่ายกว่า ซื้อยาทาเองได้ ส่วนขี้กลากที่ศีรษะส่วนมาก จะต้องรับยา เพราะเชื้อเข้าไปในเส้นผม การทายาอย่างเดียวตัวยาไม่สามารถซึมเข้าไปได้ ส่วนมากจะต้องกินยาด้วย
การป้องกัน เชื้อรากลุ่มนี้จะมีอยู่ตามธรรมชาติ การป้องกันอาจทำได้โดยการรักษาความสะอาด ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน อย่างเด็กที่อยู่รวมกันมาก ๆ โดยขาดสุขลักษณะที่ดี จะมีการติดต่อกันได้ง่าย ส่วนมากมักพบในชุมชนที่มีฐานะยากจน เช่น ชุมชนแออัด กลุ่มชาวเขา บางทีไม่ได้สระผม เกิดการหมักหมม เป็นสาเหตุให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้ แต่ถ้าหากว่ามีการดูแลสุขลักษณะได้ดี ส่วนมากก็มักจะไม่มีการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น
2. กลุ่มที่มีลักษณะเป็นรูปเหรียญกลมหรือรูปไข่ ผมร่วงเป็นหย่อมขนาดประมาณเท่ากับเหรียญบาทอาจเป็นหย่อมเดียวหรือหลายหย่อม บางคนเป็นมากถึงกับทำให้ผมบางไปทั้งศีรษะ ลักษณะนี้มักเกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน กลุ่มนี้เรียกกันว่า ALOPECIA AREATA คำว่า ALOPECIA หมายถึง ผมร่วง AREATA หมายถึง ลักษณะเป็นวง (อาจจะเป็นรูปเหรียญหรือรูปไข่) ส่วนมากคนที่เห็นเป็นคนแรกคือช่างตัดผม เพราะคนไข้ไม่มีอาการผิดปกติอย่างอื่น และรอยนี้ซ่อนอยู่ใต้เส้นผมจึงไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่
กลุ่มนี้หนังศีรษะจะดูปกติ เลี่ยนไม่มีการอักเสบอะไรทั้งสิ้น ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มที่เกิดจากเชื้อรา เพราะเชื้อราทำให้ผมหักบ้าง หนังศีรษะเป็นขุยเพราะเชื้อราไปทำลายผิวหนัง แต่กลุ่มนี้เป็นลักษณะที่ผมหลุดมาเองจากรากผม พบได้ค่อนข้างบ่อย ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องผมก็จะกลับขึ้นได้เป็นปกติ บางทีหายเองได้ แต่ทางที่ดีควรไปหาหมอเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องจะดีกว่า
3. กลุ่มที่เกิดจากการถอนผม ส่วนมากมักจะพบในเด็กเช่นเดียวกับที่เกิดจากเชื้อรา แต่กลุ่มนี้การร่วงของเส้นผมจะมีรูปร่างที่ไม่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับว่าคนไข้ถนัดมือไหน (ซ้าย หรือ ขวา) อาจจะชอบดึงด้านหน้า ด้านข้าง หรืออาจจะดึงผมเป็นวงกว้าง วงแคบ ทำให้มีรูปร่างของการร่วงที่แปลกประหลาด บางทีมีลักษณะเหมือนแผนที่ ซึ่งในแต่ละคนจะมีลักษณะการร่วงที่ไม่เหมือนกัน หนังศีรษะมักจะนูนขึ้นมาเป็นตุ่ม ๆ คล้ายเวลามีอาการขนลุก หรือเหมือนหนังไก่ที่ถูกถอนขนออกไปแล้ว เป็นลักษณะการดึงผมแต่รูขุมขนยังอยู่ และจะมีผมเส้นสั้น ๆ เหลืออยู่ จะไม่เลี่ยนไปหมด เพราะเป็นผมเส้นที่สั้นเกินไป เด็กยังถอนไม่ได้ อาการผมร่วงลักษณะนี้มักเกิดขึ้นในเด็กที่ขาดความอบอุ่น และได้รับการเลี้ยงดูที่ค่อนข้างเข้มงวด เช่น ทำผิดก็ถูกผู้ปกครองว่าหรือตีอย่างไม่มีเหตุผล เพราะฉะนั้นการดึงผม จึงเป็นลักษณะการหาทางออก เป็นการระบายอารมณ์ของเด็กอย่างหนึ่ง เพราะเด็กเกิดความรู้สึกเก็บกด ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำร้ายตัวเองด้วยการดึงผม และมักจะแอบทำ
พ่อแม่จะไม่รู้เลยว่าเด็กถอนผม และคิดว่าเกิดจากสาเหตุอื่น ถ้าถามเด็กอาจจะไม่ยอมรับ ส่วนใหญ่มักพบในเด็กอายุประมาณ 5-8 ขวบ เพราะเด็กวัยนี้ยังไม่มีทางออกอย่างอื่น ต่างกับเด็กวัยรุ่นซึ่งมีทางออกอย่างอื่น เช่น หนีออกจากบ้าน คบเพื่อน ติดยาเสพติด เป็นต้น กลุ่มนี้ถ้ารู้สาเหตุก็แก้ไขไม่ยาก โดยมากหมอจะเชิญพ่อแม่มาคุย ชี้แจงการปฏิบัติกับลูกที่ถูกต้อง โดยการให้ความรัก ความอบอุ่นกับเด็กมากขึ้น ถ้าแก้ไขพฤติกรรมได้ผมก็จะขึ้นใหม่ตามปกติ กรณีเช่นนี้ยังไม่นับเป็นโรคจิต ถ้าแก้ปัญหาได้เองก็ไม่จำเป็นต้องไปหาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา
⇒ผมร่วงทั้งศีรษะ กลุ่มนี้จะตรวจดูค่อนข้างยาก หมอมองไม่เห็นเพราะผมบนศีรษะยังดูเต็มอยู่ แต่คนไข้รู้เพราะว่าปริมาณ ผมที่ร่วงต่อวันเพิ่มขึ้น และกระจายทั้งศีรษะ ลักษณะนี้ต้องอาศัยการนับจำนวนเส้นผมที่ร่วง เพราะถ้าร่วงเกินวันละ 100 เส้น ถือว่าขณะนั้น มีอาการผมร่วง แต่ถ้าต่ำกว่า 100 เส้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงทั้งศีรษะ มีอยู่หลายอย่าง เพราะฉะนั้นต้องมีการซักประวัติ การตรวจร่างกาย หรือการทดสอบที่ค่อนข้างละเอียด สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมร่วงทั่วไปมีดังนี้
1. โรคซิฟิลิส โรคนี้แบ่งเป็นหลายระยะ ระยะแรกจะเป็นแผลที่อวัยวะเพศ ระยะที่ 2 อาจจะมีลักษณะเป็นผื่นออกดอกในช่วงที่เชื้อกระจายไปทั้งตัว บางคนไม่มีผื่น แต่แสดงออก โดยการมีผมร่วง หรือบางคนอาจจะมีผมร่วงร่วมกับมีผื่นของซิฟิลิสเกิดขึ้นก็ได้ ดังนั้นคนที่ยังหนุ่มสาว ค่อนข้างแข็งแรง ถ้าหมอตรวจไม่พบอะไร แต่มีอาการผมร่วงมาก มักจะได้รับการตรวจเลือด หลายคนอาจมองข้ามสาเหตุนี้ไป เพราะคิดว่าผมร่วงกับกามโรคไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน และซิฟิลิสถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็จะหายได้
2. เกิดจากความเครียดทางจิตใจหรือร่างกายอย่างรุนแรง เช่น มีไข้สูง ประสบอุบัติเหตุรุนแรง หรือมีการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างแรง เส้นผมจะเปลี่ยนไปอยู่ในช่วงที่จะหลุดได้ หรืออยู่ในระยะพัก(วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ระยะพักคือระยะที่เส้นผมหยุดการเจริญเติบโต พร้อมที่จะหลุดออกไป เพื่อให้รูขุมขนเดิมกลับสร้างเส้นผมขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง) และหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นไปแล้ว ประมาณ 2-3 เดือน ก็จะมีผมร่วง ค่อนข้างมาก เข้าลักษณะที่ว่า จับไข้หัวโกร๋น เช่น ไทฟอยด์ มาลาเรีย พวกนี้จะมีไข้สูงมาก มีโอกาสเกิดผมร่วงตามหลังอย่างนี้ได้ หลังจากนั้นรูขุมขนก็จะกลับเจริญขึ้นมาใหม่เป็นปกติ กลุ่มนี้จะหายได้เอง
3. ระยะหลังคลอด ผู้หญิงที่อยู่ในสภาพที่ท้องมา 8-9 เดือน ช่วงที่คลอดและระยะหลังคลอดนี้ เป็นช่วงหนึ่งซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ค่อนข้างจะเฉียบพลัน ก็จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรากผม คือหลังคลอดจะมีผมร่วง และมักจะเป็นระยะ 2-3 เดือนหลังจากคลอด ดังที่มีคำโบราณกล่าวว่า เมื่อเด็กเริ่มจำหน้าแม่ได้ ผมของแม่ก็จะร่วง แต่ความจริงจะสรุปเช่นนั้นก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะเป็นเพียงแต่เด็ก อายุ 2-3 เดือนเริ่มมีการตอบสนอง เช่น ยิ้ม หรือร้องอ้อแอ้ เท่านั้น อาการผมร่วงที่เกิดขึ้นแต่ละคน ก็มากน้อยต่างกันด้วย ลักษณะอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องมาหาหมอ การที่มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับร่างกายค่อนข้างรุนแรงและกะทันหัน จะมีผมร่วงในลักษณะนี้ ควรรอดูไปสักพัก หลังจากนั้นผมจะค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพปกติลง
4. โรคทางกาย มีหลายชนิด เช่น เอสแอลอี(ลูปัส) โรคของต่อมธัยรอยด์การกินยาบางชนิด ซึ่งอาการผมร่วงเกิดจากผลข้างเคียงของยา เช่น ยารักษามะเร็ง เพราะมีผลไปทำลายเซลล์และการสร้างผม ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องมาหาหมอโดยตรงเพื่อค้นหาสาเหตุ เพราะถ้ารู้สาเหตุก็สามารถรักษาให้หายได้
⇒ยาสระผมกับปัญหาผมร่วง
สำหรับเรื่องการใช้ยาสระผมชนิดต่าง ๆ นั้น จะไม่มีผลต่อรูขุมขน เพราะฉะนั้นการที่บางคนเปลี่ยนยาสระผมแล้วรู้สึกว่ามีผมร่วงมากขึ้น ก็อาจจะมีหลายสาเหตุ ปกติผมของคนเราจะร่วงประมาณ วันละ 100 เส้น แต่ไม่ใช่ว่าจะร่วงเท่ากันทุกวัน บางวันร่วงมาก บางวันร่วงน้อย ถ้าบังเอิญช่วงที่เปลี่ยนยาสระผมตรงกับช่วงที่ผมร่วงมากหน่อย ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกว่ายาสระผมเป็นสาเหตุทำให้ผมร่วง ถ้าขณะนั้นเป็นโรคทางกาย หรือกินยาบางชนิดดังที่ได้กล่าวมาแล้ว บังเอิญไปตรงกับช่วงที่เปลี่ยนยาสระผมพอดี ก็จะทำให้เข้าใจว่ายาสระผมนั้นทำให้ผมร่วง การใช้ยาบางชนิดที่มีฤทธิ์ค่อนข้างแรง การสระผมบ่อยครั้งเกินไป หรือการเป่าผม การดัดผม ถ้าทำมากเกินไปหรือบ่อยครั้งเกินไป จะทำให้เส้นผมกรอบและหัก แต่ไม่ร่วง เพราะว่ารากผมยังอยู่
ปกติเส้นผมของคนเราจะมีความนิ่มบ้าง ความมันบ้าง ถ้าผมไม่มีความมันเลยจากสาเหตุข้างต้นก็ส่งผลให้เส้นผมขาดความแข็งแรง กรอบหัก และอาจจะแตกปลาย ถ้าผมกรอบและหักมาก จะทำให้เข้าใจผิดว่าผมร่วงได้เหมือนกัน แต่กลุ่มนี้จะสังเกตได้ง่าย เพราะว่าผมที่หักร่วงนั้นไม่มีรากผม ในกรณีเช่นนี้การใช้ครีมนวดผมสามารถช่วยได้ โดยเฉพาะในคนที่มีผมค่อนข้างแห้ง เพราะจะทำให้เส้นผมมีความกรอบ ความกระด้างลดลง โอกาสที่ผมจะหักหรือแตกปลายก็มีน้อยลงด้วย
⇒แนวทางปฏิบัติ เมื่อประสบปัญหาผมร่วง ในเรื่องผมร่วงนี้ ประมาณร้อยละ 50 ของคนไข้ที่มาหาหมอแล้ว บ่นว่าผมร่วงนั้น ไม่ได้เป็นโรคผมร่วงจริง คนไข้ประเภทนี้มักจะเป็นผู้หญิงที่มีผมค่อนข้างยาว ถ้าวันไหนสระผมแล้วบังเอิญเหลือบไปเห็นมีผมขดอยู่กองหนึ่งที่ท่อน้ำทิ้งเป็นก้อนใหญ่ ซึ่งอาจเป็นเพราะผมยาว ก็เริ่มตกใจว่าตนเองเป็นโรคผมร่วง ความจริงผมก็อาจจะร่วงตามปกติอยู่เท่าเดิม แต่ไม่เคยสังเกตมาก่อน พอเริ่มสังเกตเห็นก็รีบวิ่งมาให้หมอตรวจ ส่วนใหญ่พบว่า หนังศีรษะและเส้นผมแข็งแรงเป็นปกติดีทุกประการ ฉะนั้น กลุ่มนี้เป็นอาการผมร่วงไม่จริง
ฉะนั้นก่อนที่จะไปหาหมอต้องพิจารณาก่อนว่า ที่คิดว่าตนเองมีผมร่วงนั้น จริงหรือไม่ เพราะบางครั้งอาจจะไม่ร่วงจริง คือเป็นผมร่วงตามปกติ แต่คนไข้เกิดอุปาทาน หรือเป็นเพราะเหตุบังเอิญบางอย่างตามที่กล่าวไปข้างต้น
วิธีที่จะทดสอบทำได้ง่าย ๆ คือ ให้นับเส้นผมที่รวบรวมได้ในแต่ละวัน คิดเฉลี่ยแล้วถ้าผมที่ร่วงยังต่ำกว่า วันละ 100 เส้น ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ถ้าเกินวันละ 100 เส้นก็คงผิดปกติแน่และควรปรึกษาแพทย์ จะมัวเย็นใจ เพราะมองข้ามความสำคัญไปก็ไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดความสงสัยว่าอาการผมร่วงของคุณนั้นผิดปกติหรือไม่ ควรนับดูจำนวนเส้นผมที่ร่วงในแต่ละวันเสียก่อน เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาไปหาหมอ โดยที่คุณไม่มีอาการผมร่วงที่ผิดปกติแต่อย่างใด
ขอบคุณ หมอชาวบ้าน
Create Date : 03 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 3 พฤษภาคม 2552 7:18:39 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1076 Pageviews. |
|
|
|
โดย: paknam IP: 125.24.240.84 วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:31:35 น. |
|
|
|
โดย: ผมร่วง (audy1978 ) วันที่: 17 มกราคม 2554 เวลา:10:05:16 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ที่เล่ามานี่อยากทราบว่า
1.ผมร่วงน่าจะเกิดจากสาเหตุใดค่ะ แล้วจะมีทางหายหรือเปล่าค่ะ
2.จะมีวิธีการสังเกตอย่างไร ว่าผมที่ร่วงไปแล้วรากผมตายหรือยังค่ะ