การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่แรก "เจ้าภาพ" บราซิล พบ ชิลี ที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโล ฮอริซอนเต้ ประเทศบราซิล เมื่อคืนวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา

 เกมนี้เป็นการโคจรมาพบกันของสองทีมดังจากทวีปอเมริกาใต้ แม้ขุนพล"เซเลเซา"เจ้าภาพจะชื่อชั้นดีกว่า แต่ก็ประมาทชิลี ภายใต้การคุมทีมของ ฮอร์เก้ ซัมปาโอลี่ ไม่ได้เช่นกัน 

 เกมนัดนี้ บราซิลมีเปลี่ยนผู้เล่นเพียงรายเดียว ส่ง เฟอร์นันดินโญ่ ลงแทนเปาลินโญ่ ขณะที่ชิลี เปลี่ยน อาร์ตูโร่ วิดัล กองกลางตัวเก่ง ลงแทน เฟลิเป้ กูเตียร์เรซ รายเดียวเช่นกัน

 สำหรับรายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงมีดังนี้

 บราซิล : ฮูลิโอ เซซาร์,มาร์เซโล่,ดิอาโก้ ซิลวา,ดาวิด ลุยซ์,ดานี่ อัลเวส,หลุยส์ กุสตาโว่,เฟอร์นันดินโญ่,ออสการ์,ฮัล์ก,เนย์มาร์,เฟร็ด 

 ชิลี : เคลาดิโอ บราโว่, ยูเจนิโอ มีน่า, กอนซาโล่ ฮาร่า, เมริซิโอ อิสร่า, ฟรานซิสโก ซิลวา, อาร์ตูโร่ วิดัล, ชาร์ลส์ อรานกูอิซ, แกรี่ เมเดล, มาร์เซโล่ ดิอาซ, เอดูอาร์โ วาร์กาส, อเล็กซิส ซานเชซ 

 มีโฮเวิร์ด เว็บบ์ ผู้ตัดสินชาวอังกฤษลงทำหน้าที่

 เริ่มเกม ชิลีเขี่ยบอลเปิดเกมรุกเข้าใส่ก่อน ผ่านไปอึดใจ ชิลีได้ฟรีคิกโดยเข้าหาก่อน นาทีถัดมา เฟอร์นันดินโญ่ เข้าบอลแรงจากด้านหลังเสียบผู้เล่นชิลีจนตัวลอย แต่ผู้ตัดสินยังใจดี แค่ตักเตือนเท่านั้น 

 นาทีที่ 3 บราซิลได้เตะมุมบอลโยนเข้ามาหน้าประตู ถูกสกัดออกไปเข้าทาง มาร์เซโล่ตวัดหวดตูมเดียว ทว่าบอลพุ่งออกข้างเสาไปเป็นการทักทายของบราซิลครั้งแรก ขณะเดียวกัน เนย์มาร์เริ่มมีอาการเจ็บขาจนต้องออกมาให้ทีมงานฉีดสเปรย์ข้างสนาม ก่อนจะกลับไปเล่นต่อ 

 เกมรุกยังเป็นของบราซิล แต่แนวรับของชิลียังต้านไว้ได้ 

 ผ่านไป 10 นาที บราซิลเริ่มเจาะบอลเข้ากลางบ้าง แต่ก็ยังโดนแนวรับของชิลีสกัดพ้นอันตรายออกมาได้ 

 จังหวะสำคัญ ฮัล์กได้บอลทำชิ่งกับเพื่อนเข้าในเขตโทษก่อนถูกสกัดขาหลังล้มลง แต่เว็บบ์ ผู้ตัดสินก็ยังปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป 

 นาที 13 เนย์มาร์ลากบอลทะลุเข้าเขตโทษอีกครั้ง แม้จะมีผู้เล่นชิลีไล่ประกบสองคน แต่ยังล็อกบอลหลบก่อนจ่ายให้เพื่อนที่เติมขึ้นมา ทว่าบอลกลับเสียจังหวะวืดออกไปอย่างน่าเสียดาย

  นาที 17 ยูเจนิโอ มีน่า ของชิลี ทำแฮนด์บอลจึงรับใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกม บราซิลได้ฟรีคิกโยนบอลเข้ามาถูกบราโว่ปัดออกหลังกลายเป็นลูกเตะมุมอีกครั้ง บอลโยนโด่งข้ามาหน้าประตู ติอาโก้ ซิลวา กองหลังกัปตันทีมโหม่งไปเสาสอง บอลถูกกอนซาโล่ ฮาร่า กองหลังชิลีซึ่งแหย่ขาเบียดกับดาวิด ลุยซ์ บอลแฉลบเข้าประตูกลายเป็นสกอร์ให้ ขุนพลเซเลเซาขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 18 

 เกมยังคงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิลีแม้จะเสียประตูก็ยังโหมรุกเข้าใส่ 

 นาที 28 เนย์มาร์ จับบอลก่อนโดน อาร์ตูโร่ วิดัล เข้าเบียดบังทางบอลจนกระเด็นตัวลอยลงไปกองต้องหยุดเกม ให้สต๊าฟเข้ามาปฐมพยาบาลเลยทีเดียว

 จังหวะสวนกลับเร็ว นาที 32 กองเชียร์เจ้าภาพถึงกับเงียบกริบ เมื่อบราซิลได้ลูกทุ่มในแดนตัวเอง แต่มาร์เซโล่ ทุ่มให้ฮัล์กก่อนคืนกลับหลัง แต่ถูก เอดูอาร์โด้ วาร์กาส ของชิลีฉกบอลก่อนจ่ายให้ อเล็กซิส ซานเชซ ยิงเลียดหนีมือเซซาร์เสียบเสาสองกลายเป็นประตูตีเสมอให้ชิลี เป็น 1-1 

 เกมยังคงผ่านไปอย่างดุเดือด จังหวะถัดมา ออสก้าร์ เปิดบอลมาหน้าประตูให้ เนย์มาร์เทกตัวโหม่ง แต่บอลถูกกองหลังชิลีออกเป็นลูกเตะมุม แต่บราซิลก็ยังไม่สามารถเจาะประตูขึ้นนำได้ แถมยังโดนสวนกลับเร็วมีโอกาสสูสีพอๆกัน 

 นาที 38 บราซิลน่าจะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากเนย์มาร์ได้บอลเข้ากรอบเขตโทษ แต่ถูกผู้เล่นชิลีเบียดประกบติด ก่อนจะพลิกจ่ายให้ เฟร็ด เพื่อนที่เติมขึ้นมา ทว่าบอลกลับเหินโด่งขึ้นอัฒจันทร์ไปอย่างเหลือเชื่อ คล้อยหลังอีดใจ ฟรานซิสโก้ ซิลวาของชิลีทำฟาว์ลจึงโดนใบเหลืองไปอีกคน เกมผ่านมาถึงนาที 42 ดานี่ อัลเวส ยิงไกลระยะ 30 หลา บอลพุ่งสุดสวยจะเสียบใต้คาน แต่บราโว่โดดปัดบอลออกเส้นหลังไปอย่างหวุดหวิด 

 ช่วงท้ายเกมยังเป็นเจ้าภาพบราซิลบอมเข้าใส่เป็นระลอก มีโอกาสเกือบจะได้ประตูหลายครั้งหลายหน แต่ก็ยังไม่สามารถจบสกอร์จังหวะสุดท้ายได้ ซ้ำยังโดนส่วนกลับเร็ว จาก ชาร์ลส์ อรานกูอิซ บุกเข้าไปยิงมุมแคบในเขตโทษแต่เซซาร์นั้นล้มตัวสกัดไว้หวุดหวิด และถูกเขี่ยออกหลังกลายเป็นลูกเตะมุมของชิลีบ้าง จบครึ่งแรกสกอร์ยังคงเสมอกัน 1-1 

 เริ่มครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว แต่เกมยังผลัดกันบุกแบบแลกหมัดเข้าใส่กันอย่างดุเดือด เป็นชิลีที่ได้ฟรีคิกบ้างทางกราบขวา บอลโยนข้ามกำแพงเข้มาถึงมือเซซาร์ โดดชกบอลออกมากลางสนาม เฟอร์นันดินโญ่ ของบราซิลลองสับไกระยะ 25 หลาบอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปเพียงนิดเดียว 

 นาที 55 แฟนบอลแซมบ้าได้เฮเก้อกันอีกครั้ง จากจังหวะที่ ฮัล์ก ได้บอลโยนใช้หัวไหล่พักบอลในกรอบก่อนตวัดแปบอลเข้าไปเสียบเสาสอง ทว่า เว็บ ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกฟาว์ลแฮนด์บอลไม่ให้ประตูเฉย แถมยังแจกใบเหลืองอีกด้วย ทำเอาฮัล์กถึงกับหัวเสียโวยวายใส่กรรมการชุดใหญ่ ถัดมานาที 57 ชิลีตัดสินใจปรับเกมส่ง เฟลิเป้ กูเตียร์เรซ ลงแทน เอดูอาร์โด้ วาร์กาส เพื่อหวังเสริมเกมแดนกลางให้แน่นขึ้น

 นาที 57 ใบเหลืองเกิดขึ้นอีกครั้งจาก หลุยส์ กุสตาโว่ ของบราซิล เสียบสกัด ฮาร่าของชิลี จนร่วง จากนั้นจังหวะโต้กลับเร็วชิลีสามารถเรียกลูกฟาว์ลได้บ่อยครั้งขึ้น ขณะที่บราซิลกลับช็อตไปดื้อๆ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือใหญ่แซมบ้า ต้องปรับแผนส่งโจ เข้ามาแทน เฟร็ด ในแดนหน้า 

 ถัดมาอึดใจแฟนบอลบราซิลใจหายวาบ จากจังหวะ เข้ายิงเต็มเหนี่ยวของ อรานกูอิซ ในเขตโทษแต่เซซาร์ยังโชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกหลังไปได้อย่างเหลือเชื่อ บราซิลเริ่มเสียบอลกันเองง่ายขึ้น รูปเกมกลับเป็นรองเห็นได้ชัด นาที 65 ฮัล์ก พาบอลเข้าเขตโทษแต่โดน อรานกูอิซ เบียดขวางล้มลง แต่เว็บปฏิเสธไม่ให้ลูกฟาว์ล ซ้ำกลับเป็นชิลีเติมเกมรุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง 

 นาที 72 บราซิลต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นอีกครั้ง ดึงเฟอร์นันดินโญ่ ออก แล้วส่ง รามิเรส ลงมาแทน ถัดมาอึดใจบราซิลก็น่าจะได้บอลที่สุด จากจังหวะ ที่ฮัล์กลากบอลเข้ามาทางซ้ายก่อนโยนมาเสาสองให้ โจ แต่วืดบอล เพราะโดนผู้เล่นชีลิสกัดบอลออกไปก่อน แถมบราซิลยังไม่ได้ลูกเตะมุมอีกด้วย 

 การครองบอลยังเป็นชิลีที่ดูเหนือกว่า ขณะที่เนย์มาร์ดาวดังบราซิลนั้นแทบจะหมดบทบาทไม่ได้บอลเลย นาที 80 บราซิลน่าจะได้ประตูอีกครั้ง จากจังหวะต่อบอลกัน อัลเวสโยนบอลเข้าจุดโทษให้เนย์มาร์ ขึ้นโหม่งเผาขนแต่บอลตรงตัว บราโว่ คว้าบอลติดมือไว้ได้หวุดหวิดอีกครั้ง โอกาสถัดมา บราซิลเริ่มได้จังหวะสับไกในกรอบอีกสามสี่ครั้ง แต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือบราโว่ไปได้

 ช่วงท้ายเกมกลับเป็นบราซิลที่เริ่มฮึดกลับมาบุกเข้าใส่อีกอย่างต่อเนื่อง  ช่วงนาที 85 ชิลีเคาะบอลตามช่องสวนกลับบ้าง ก่อนจะเปลี่ยนเมาริซิโอ ปินิญ่า ลงแทน วิดัล ในนาที 87 ซ้ำยังเป็นจังหวะของชิลีที่เคาะบอลทำชิ่ง 

 จนถึงนาทีสุดท้ายของเกม อเล็กซิส ซานเชซ ลากบอลลุยแหลกเข้ากรอบบราซิล แต่บอลก็ยังชุลมุนไม่สามารถจบสกอร์ได้ ช่วงทดเวลาเจ็บ 3 นาที ชิลียังได้ลูกเตะมุม และลูกทุ่มเข้าใส่ต่อเนื่องก่อนจะกลายเป็นล้ำหน้า ครบ 90 นาทีเต็มยังเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีกครึ่งชั่วโมง 

 ช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที ชิลีเป็นฝ่ายเขี่ยบอลก่อน มี อเล็กซิซ ซานเชซ คู่กับ ปินิญ่า สองหัวหอกทำเกมบุก ฮัล์กฉกบอลจากลางสนาม ลากบอลทะแยงข้ามฟากจากทางกราบขวาเข้าไปถึงริมกราบซ้ายก่อนโดนผลักล้มได้ลูกฟาว์ล ให้บราซิลได้ฟรีคิกโดยเนย์มาร์ รับหน้าที่ปั่นแต่บอลก็ติดกำแพงโด่งออกหลัง 

 จากนั้น โช ตัวสำรองแซมบ้าหลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับบราโว่ นายทวารชิลี แต่ตวัดเท้าสูงหวังยันเข้าเต็มตัวบราโว่ถึงร่วงลงไปกอง โชจึงได้ใบเหลืองอีกคน 

 ชิลีมีโอกาสสวนกลับเร็วจากลูกฟรีคิกบ้าง ดิอาซ หวดเต็มเหนี่ยวระยะไกลบอลพุ่งออกเลยเสาสองไปอีก 

 บราซิลมีโอกาสใกล้เคียงจะได้ประตูอีกถึงสองสามครั้ง แต่ทั้ง โช และ ออสการ์ พลาดจังหวะสุดท้ายไปเสียหมด

 นาที 102 ดาวิด ลุยซ์ ครองบอลถูกเสียบล้ม ผู้ตัดสินแจกใบเหลือง ปินิญ่าของชิลีไปอีกคน จังหวะถัดมา ฮัล์กลากบอลเข้ายิงไกลเต็มแรงหน้าเขตโทษ แต่บราโว่ก็ยังเซฟชกบอลพ้นอันตรายออกมาได้อีกครั้ง ชีลีสวนกลับบ้าง ท้ายครึ่งแรกช่วงทดเวลาพิเศษ ชิลีได้ฟรีคิกบ้าง ซานเชซ รับหน้าที่ยิงแต่บอลทะลุกำแพงออกเส้นหลังไป ต้องลุ้นกันต่อในช่วง 15 นาทีที่เหลือ 

 บราซิลเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง วิลเลี่ยน แทน ออสการ์ พร้อมเป็นฝ่ายเขี่ยบอลบ้าง พร้อมบุกเข้าใส่ได้ลูกเตะมุม แต่โชก็โหม่งโล่งๆ ส่งบอลข้ามหลังออกไป เกมต้องหยุดชั่วคราวเมื่อ แกรี่ เมเดล ของชิลีมีอาการเจ็บต้องเปลี่ยนตัวออกส่ง โฮเซ่ โรฮาส ลงมาแทน ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้อยู่ดี 

 นาทีสุดท้าย ชิลีสวนกลับเร็ว ปานิญ่า ตัวสำรองหวดชนคานสนั่น บอลกระดอนออกมา เนย์มาร์ได้บอลสวนกลับกระชากเข้ามาถึงเส้นหลังชิลีบ้างได้ลูกเตะมุมโยเข้าใส่ รามิเรส สับไกยิงเรียดบอลเฉียดเสาออกไปอีก ครบ 120 นาทีสกอร์ยังคงเดิม 1-1 ต้องชี้ขาดถึงฏีกาด้วยการดวลจุดโทษ

 หลังเสี่ยงทาย บราซิลได้ยิงเป็นคนแรก ดาวิด ลุยซ์ รับหน้าที่กดไม่พลาดขึ้นนำ 1-0 ปินิญ่า ยิงบ้างแต่บอลกลับตัวตรงเซซาร์เซฟบอลไว้ได้  

 คนต่อมา วิลเลียน ยิงบอลเรียดออกเข้าเสาไปเหลือเชื่อ ทั้งที่บราโว ล้มตัวผิดทางแล้ว 

 จากนั้นอเล็กซิส ซานเชซ ยิงให้ชิลีบ้างแต่เซซาร์ล้มตัวปัดบอลถูกทาง ทำให้ชิลีชวดตีเสมอ 

 ก่อนที่มาร์เซโล่ จะออกมายิง หวดเต็มเหนี่ยวตุงตาข่ายให้บราซิลนำเป็น 2-0 ถึงคราวชิลี อรานกูอิซ ตัดใจยิงแสกหน้าไล่มา 1-2 บราซิลส่งฮัล์กลงมาสังหาร เต็มเหนี่ยวแต่บอลติดขาบราโว่กระดอนออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ มาร์เซโล่ ดิอาซ รับช่วงซัดเต็มเหนี่ยวเป็นประตูบ้างทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 2-2 

 คนสุดท้ายของบราซิล ส่งเนย์มาร์ลงมาชี้ขาด เจ้าตัวสับขาหลอกก่อนจะหวดเข้าประตูให้ทีมนำอีกครั้ง 2-1 ชิลีส่ง กอนซาโล่ ฮาร่า ยิงชนเสาบอลกระดอนออก กลายเป็นประตูให้บราซิล เฉือนเอาชนะ ชิลี ไปอย่างฉิวเฉียด 3-2 รวมสกอร์ บราซิลชนะ 4-3 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นทีมแรก