"เปาหนอม" ถนอม บริคุต ยืนยันไม่กลัวตาย และพร้อมทำหน้าที่ผู้ตัดสินต่อไป หลังจากเกิดเหตุถูกลอบยิงเมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ชี้ไม่มีใครได้ประโยชน์ หากตนเองเสียชีวิต นอกจากได้ความสะใจเท่านั้น พร้อมวอนแฟนบอล ควรเชียร์ทีมรักใจเป็นกลางมากกว่านี้...

วันที่ 13 ก.ย. "เปาหนอม" ถนอม บริคุต ผู้ตัดสินฟุตบอลชื่อดังของเมืองไทย ซึ่งถูกลอบยิงระหว่างเดินทางมาทดสอบสมรรถภาพร่างกายที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา และขณะนี้ กำลังรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลตำรวจ ล่าสุด "เปาหนอม" ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ รายการ "ตอบโจทย์" ทางสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส ซึ่งออกอากาศเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ต่อข้อสงสัยในหลายประเด็นถึงสาเหตุการโดนลอบทำร้ายในครั้งนี้ ซึ่ง ผู้ตัดสินคนดังสันนิษฐานว่า อาจมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ เรื่องเกี่ยวกับฟุตบอล และเรื่องส่วนตัว หรือแม้กระทั่งเรื่องการยิงผิดตัวก็เป็นได้ สังเกตจากลักษณะการยิงสวนมาที่ตนเอง

ส่วนกรณีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใด  ถึงต้องพกปืนขณะเดินทางมาทดสอบสมรรถภาพร่างกายนั้น "เปาหนอม" เผยว่า เพราะตนเองมีประสบการณ์และลางบอกเหตุว่าจะถูกทำร้าย จากการสังเกตเห็นว่า บริเวณหน้าตึก 300 เตียง ซึ่งปกติจะมารปภ.ประจำอยู่ แต่กลับไม่มี นอกจากนี้ ยังเห็นชายแปลกหน้ามองมาที่ตน ก่อนจะขับรถยนต์ออกไป ทำให้เชื่อว่า น่าจะเป็นคนชี้เป้า ทำให้ต้องพกปืนมาด้วย

ขณะที่ประเด็นเรื่องความขัดแย้งในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและกลุ่มผู้ตัดสิน โดยส่วนตัวแล้ว "เปาหนอม" ยืนยันว่า สามารถเข้าได้กับทุกฝ่าย แต่ตนเองก็มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าต้องการสนับสนุนคนดี ทำให้เลือกอยู่ฝ่ายสมาคมฟุตบอลฯ และรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเด็นไปเป็นการ์ดให้กับ การประชุมใหญ่สมาคมฟุตบอลฯ เมื่อกลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ตนแค่ทำหน้าที่ตามที่ผู้ใหญ่ในสมาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดสั่ง ในการตรวจสอบผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง แต่ก็อาจสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายตรงข้ามสมาคมฯ ก็เป็นได้ หรือแม้กระทั่งเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัว ก็ทำให้เกิดการแตกแยก ซึ่งเราเห็นตัวอย่างมาแล้วในทุกวงการ ไม่ใช่เฉพาะฟุตบอล

ในเรื่องของการล้มบอลในวงการลูกหนังไทย "เปาหนอม" ไม่ยืนยัน หรือปฏิเสธว่ามีจริงหรือไม่ แต่ก็อยากให้ดูฟุตบอลในลีกอื่นๆ ในภูมิภาคนี้อย่าง มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม ต่างก็มีปัญหาเรื่องการพนันมาแล้ว และยิ่งตอนนี้ ไทยลีกกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้เรื่องการพนันลามเข้าสู่เมืองไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งทางแก้ก็ต้องรีบผลักดันเรื่องพ.ร.บ.กีฬา ออกมาให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ตนก็มองว่า การเข้ามาของนักการเมืองในปัจจุบัน ทั้งทำทีมบอล หรือเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ก็ทำให้เกิดปัญหา ในฐานะที่ ไทยลีก ยังไม่มีระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจนเกี่ยวกับการควบคุมดูแลเรื่องนี้

เมื่อถามว่า จากเหตุการณ์ร้ายแรงถึงขนาดเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้ ยังพร้อมต้องการทำหน้าที่ ผู้ตัดสินต่อไปหรือไม่ "เปาหนอม" ย้ำชัดว่า การที่ตนเองตัดสินด้วยความกล้า แม่นกฎกติกา อาจทำให้ฝั่งที่เสียประโยชน์ไม่พอใจ แต่ตนก็ไม่กลัวตาย ตราบใดที่เราตัดสินถูกต้องตามกฎ และสมาคมฯ ยังให้โอกาส ส่วนใครจะไม่พอใจก็ไม่สน เพราะเป็นเรื่องปกติ และถ้าตนเองทำหน้าที่บกพร่อง ก็คงโดนสมาคมฯสั่งลงโทษไปแล้ว แต่ตั้งแต่เป็นผู้ตัดสินมา ยังไม่เคยถูกลงโทษเลยสักครั้ง จึงอยากฝากไปถึงแฟนบอลที่อาจยังไม่รู้กติกาจริงๆ ควรเชียร์บอลให้มีใจเป็นกลาง อย่าอคติเข้าข้างทีมตนเองเกินไป จนไม่รู้ว่าอะไรถูกหรือผิด

พร้อมกันนี้ "เปาหนอม" ยังยอมรับเหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้ ไม่ได้สะเทือนแค่ในวงการฟุตบอลของไทย แต่ยังกระทบต่อภูมิภาคนี้ด้วย จนให้ผู้ตัดสินจากญี่ปุ่น ไม่ขอมาทำหน้าที่ในเมืองไทยอีก และอาจรวมถึงเกาหลีใต้ และชาติอื่นๆ ด้วย ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ตัดสินรุ่นน้องหลายคน เกิดความท้อแท้ หวาดกลัว เพราะขนาดตัวเองเป็นผู้ตัดสินพี่ใหญ่ในวงการยังถูกลอบทำร้ายได้ขนาดนี้

ประเด็นเรื่องมาตรฐานการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มของปัญหานี้ "เปาหนอม" แนะนำว่า บางครั้ง ผู้ตัดสินอาจถูกแฟนบอลกดดัน จนส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ และผลการแข่งขันก็ชี้เป็นชี้ตายของทีมต่างๆ ดังนั้น จึงอยากให้มีการพัฒนาศักยภาพของผู้ตัดสินให้ทนต่อสภาวะกดดันอย่างเช่นที่ต่างประเทศมีการฝึกฝน แต่ในไทยอาศัยประสบการณ์อย่างเดียว แต่สำหรับตนเองไม่มีปัญหา ยิ่งกดดัน ยิ่งชอบ นอกจากนี้ ยังอยากให้พัฒนาผู้ตัดสินทั้งระบบซึ่ง การแก้ไขธรรมนูญใหม่ฟีฟ่า ในการดำรงตำแหน่งวาระ 2 เป็น  4 ปี และ ลดสโมสรสมาชิกออกเสียงโหวต จาก 184 เป็น 72 ถือว่าช่วยได้อีกทางหนึ่งด้วย

ทิ้งท้าย ผู้ตัดสินชื่อดังของไทย ระบุว่า เขาไม่คิดว่าใครจะได้ประโยชน์อะไร หากตนเองเสียชีวิตจากเหตุลอบยิงในครั้งนี้ เพราะตนเองก็ไม่มีสมบัติทรัพย์สินอะไรมากมาย ดังนั้น จึงมองไม่ออกว่า ถ้าตนเองตาย ผู้ที่กระทำจะได้ประโยชน์อะไร นอกจากแค่ความสะใจของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น.