"ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านฉลุยเข้ารอบศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นที่แน่นอน หลัง เวย์น รูนีย์ โชว์ฟอร์มเก่งมีส่วนช่วยทีมทำถึง 4 ประตูในเกมบุกไปเอาชนะ "ห้างขายยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน 5-0 ขณะที่ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ที่เหลือ 10 คนตั้งแต่ครึ่งแรก ยังคงเหนือชั้นเอาชนะ กาลาตาซาราย ไป 4-1 ส่วน "เจ้าม้าลาย" ยูเวนตุส และทัพ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ลูกฮึดเอาชนะคู่แข่งได้อย่างงดงาม...
การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 28 พ.ย. เวลา 02.45 (ตามเวลาในไทย) มีโปรแกรมลงสนามในนัดที่ 5 ของกลุ่ม เอ,บี,ซี,ดี คู่ที่น่าสนใจในกลุ่ม เอ "ห้างขายยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน อันดับ 2 ของกลุ่ม ทีมดังจากลีกบุนเดสลีกา เยอรมัน เปิดสนาม ไบอารีนา รับการมาเยือนของ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อันดับ 1 ของกลุ่ม
เกมนี้ ซามี ฮูเปีย เทรน์เนอร์เจ้าถิ่น ต้องการชัยชนะเพื่อการันตีการเข้ารอบขาดคีย์แมนในเกมรุกอย่าง ซิดนีย์ แซม แต่ก็มีข่าวดีเมื่อได้ สเตฟาน ไรนาร์ตซ์ กลับมาลงสนาม ขณะที่ แมนฯยู ของ เดวิด มอยส์ ไม่มี โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดาวยิงคนสำคัญอยู่ในทีมเนื่องจากอาการบาดเจ็บทำให้ ชินคิ คากาวะ ได้ลงเล่นเกมรุกร่วมกับ เวย์น รูนีย์
เริ่มเกมครึ่งแรกทั้งสองต่างพยายามดันเกมรุกเข้าใส่แต่ก็มาพลาดกันเองในจังหวะสุดท้าย จนเมื่อมาถึง น.19 เจ้าถิ่นก็มีลุ้น กอนซาโล คาสโตร เปิดลูกเตะมุมฝั่งขวาเข้าไปที่เสาแรกให้ สเตฟาน ไรนาร์ทซ์ โขกแต่ข้ามคาน
จนเมื่ีอมาถึง น.22 ก็เป็น แมนฯยูไนเต็ด ที่คว้าประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะสวนกลับ ชินจิ คากาวะ แย่งบอลจาก ไรนาร์ทซ์ ได้ตรงกลางสนามก่อนจะลากขึ้นมาจ่ายต่อให้ ไรอัน กิกส์ ผ่านออกซ้ายให้ เวย์น รูนีย์ เลี้ยงขึ้นไปถึงเขตโทษ โยนไปเสาสองให้ อันโตนิโอ วาเลนเซีย โฉบเข้ามาทิ่มบอลเบียดเสาเข้าประตูไป
หลังจากนั้นเพียง 7 นาที แมนฯยู ก็ได้ประตูที่สอง เมื่อ เอเมียร์ สปาฮิช แนวรับเจ้าถิ่นโขกสกัดลูกฟรีคิกของ เวย์น รูนีย์ แต่ดันผิดเหลี่ยมกลายเป็นเปลี่ยนทางบอลทำเข้าประตูตัวเอง ช่วยให้ แมนฯยูไนเต็ด นำห่างเป็น 2-0 และนั้นก็เป็นประตูสุดท้ายที่เกิดขึ้นในครึ่งแรก
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง น.61 "ห้างขายยา" หวิดได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะที่เปิดลูกเตะมุมให้ สเตฟาน ไรนาร์ตช์ โหม่งจังหวะแรกไปชนเสาแต่บอลยังไม่ตาย ได้ซำ้ดาบสองแต่ยังชนเสาออกหลังไป
แต่หลังจากนั้นเพียง 4 นาที แมนฯยู ก็ได้ขยับสกอร์นำห่างเป็น 3-0 ไรอัน กิกส์ เปิดบอลจากเตะมุมฝั่งขวาไปที่หน้าประตู เวย์น รูนีย์ ยิงจ่อๆไปติดมือ แบร์นด์ เลโน แต่บอลกระฉอกมาเข้าทาง จอนนี อีแวนส์ ยิงซ้ำเข้าไป
น.77 ทีมเยือนบวกประตูเพิ่มเป็น 4-0 โดย รูนีย์ มีส่วนกับประตูนี้อีกครั้งหลังได้บอลในเขตโทษด้านขวาก่อนจะบรรจงหยอดผ่านมือ เลโน ไปทางเสาสองให้ คริส สมอลลิง วิ่งเข้ามาแปจ่อๆไม่เหลือซาก
ท้ายเกม น.88 "ปิศาจแดง" จัดการย้ำชัยชนะจากลูกชิพอันเหนือชั้นของ หลุยส์ นานี ตัวสำรอง จบการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ด้วยสกอร์ขาดลอย 5-0 ลงเล่น 5 นัดมี 11 คะแนน รั้งตำแหน่งผู้นำกลุ่มผ่านเข้ารอบเป็นที่แน่นอนแล้ว ขณะที่ ไบเออร์ฯต้องไปลุ้นในนัดสุดท้าย
ด้านเกมที่น่าสนใจในกลุ่ม บี "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ลีก ลาลีกา สเปน อันดับ 1 ของกลุ่ม เปิดสนาม ซานติอาโก เบร์นาเบว รับการมาเยือนของ กาลาตาซาราย ทีมฟอร์มแรงจากตุรกี อันดับ 2 ของกลุ่ม
เริ่มครึ่งแรก น.26 มาดริด ก็ต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน หลัง เซร์คิโอ รามอส ไปทำฟาล์ว อูมัต บูลุท ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม แต่ถึงกระนั้น น.37 มาดริด เป็นฝ่ายคว้าประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากการสังหารฟรีคิกของ แกเร็ธ เบล
ทว่่าเพียง 1 นาทีต่อมา กาลาตาซาราย ก็ตีเสมอได้สำเร็จ โดยเป็น ดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่พลิกจ่ายทะลุช่องให้ อูมัต บูลุท หลุดเข้าไปยิงผ่านมือ อีเกร์ กาซียาส ช่วยให้ ครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันไปก่อน 1-1
กลับมาต่อในครึ่งหลัง น .51 ก็เป็นแฟนเจ้าถิ่นที่ได้เฮ อังเกล ดิ มาเรีย บรรจงวางบอลจากฝั่งซ้ายไปที่หน้าประตูให้ อัลบาโร อาร์เบลลัว แปด้วยซ้ายโล่งๆไม่พลาด พา มาดริด ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 จากนนั้น น.63 "ราชันชุดขาว"คว้าประตูนำห่างเป็น 3-1 โดยคราวนี้เป็น อาร์เบลัว ที่จ่ายให้ ดิมาเรีย ยิงจ่อๆไม่พลาด และใน น.81 เจ้าถิ่นก็มาได้ประตูส่งท้ายจาก อิสโก แข้งสำรอง ทำให้จบการแข่งขัน เรอัล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ กาลาตาซาราย ไป 4-1
เกมอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน "เจ้าม้าลาย" ยูเวนตุส ทีมจาก กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ที่ต้องการ 3 แต้มเพื่อลุ้นเข้ารอบ เปิดสนาม ยูเวนตุส สเตเดียม พบกับ เอฟซี โคเปนเฮเกน ทีมจากเดนมาร์ก อันดับ 3 ของกลุ่ม
ผลปรากฏว่า ในครึ่งแรก ยูเว่ ก็คว้าประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากการสังหารลูกจุดโทษใน น. 29 ของอาร์ตูโร วิดัล ที่ซัดตุงตาข่าย แต่ในครึ่งหลัง น. ยูเว่ ก็เจองานยากเมื่อทีมเยือนตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จจากจังหวะชุลมุนหน้าประตูและก็เป็น โอลอฟ เมลเบิร์ก ที่กดจ่อๆไม่พลาด
อย่างไรก็ตาม ใน น.61 "เจ้าม้าลาย"ก็ได้จุดโทษอีกครั้งและก็เป็น วิดัล คนเดิมที่สังหารพาทีมขึ้นนำ 2-1 ก่อนจะโขกประตูชัยปิดเกมทำแฮตทริกในอีก 2 นาทีต่อมา ทำให้จบการแข่งขัน ยูเวนตุส เปิดรังเอาชนะ เอฟซี โคเปนเฮเกน ไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 6 คะแนน แซงขึ้นมาอยู่ที่ 2 และต้องไปลุ้นในนัดสุดท้าย โดยมี มาดริด นำเป็นจ่าฝูงผ่านเข้ารอบเป็นที่แน่นอนแล้ว
เกมในกลุ่ม ซี คู่ที่น่าสนใจ "เปแอสเช" ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมดังในลีก เอิง ฝรั่งเศส ผู้นำกลุ่ม เปิดสนาม พาร์ค เดส์ แพรงซ์ รับการมาเยือนของ โอลิมเปียกอส ทีมจากกรีซ อันดับ 2 ของกลุ่ม
ผลปรากฏว่า "เปแอสเช" เป็นฝ่ายเอาชนะไป 2-1 โดยทีมได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ 7 นาทีแรกจาก ชลาตัน อิบราฮิโมวิช ก่อนจะมาพลาดถูกตีเสมอเอาในช่วงท้ายเกม น.80 จากผลงานของ คอสแตนตินอส มิโทรกลู อย่างไรก็ตามก่อนหมดเวลา น.90 ทีมดังเมืองน้ำหอมก็มาได้ประตูชัยจาก เอดิสัน คาวานี ทำให้จบการแข่งขัน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เอาชนะ โอลิมเปียกอส ไป 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 13 คะแนนรั้งนำกลุ่มต่อไป
ขณะที่เกมไฮไลท์ของกลุ่ม ดี ณ สนามเอติิฮัด สเตเดียม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 2 ของกลุ่ม ลงเล่นในบ้านพบกับ วิคตอเรีย พิลเซน ทีมจากเช็ก ทีมอันดับ 4 ที่ยังไม่มีแต้มติดมือ
ผลปรากฏว่า ทัพ"เรือใบสีฟ้า" ไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวังเอาชนะไปอย่างงดงาม 4-2 โดยครึ่งแรก น.33 ก็เป็น แมนฯซิตี้ ที่คว้าประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากการยิงลูกจุดโทษ ในน.33 ของ เซร์คิโอ อเกวโร ก่อนจะมาพลาดถูกตีเสมอใน น.43 จาก โธมัส โฮราวา ทำให้ครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันไปก่อน 1-1
ในครึ่งหลังเกมยัังคงสูสีเมื่อ แมนฯซิตี ได้่ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากลูกแปของ ซามีร์ นาสรี ใน น.61 ก่อนจะถูก ตีเสมออีกใน น.69 จาก ฟราติเซ็ค ราจ์โตรัล แต่หลังจากนั้นก็เป็นทีมดังของอัังกฤษที่เล่นได้เหนือกว่าจนมาได้สองประตูเพิ่มใน น.77 จาก อัลบาโร เนเกรโด และ ใน.89 จาก เอดิน เชโก ส่งผลให้จบเกม แมนฯซิตี้ เอาชนะ วิคตอเรีย พิลเซน ไป 4-2 รั้งอันดับ 2 ของกลุ่มด้วยผลงาน 5 นัดมี 12 คะแนน ผ่านเข้ารอบตาม บาเยิร์น มิวนิค เป็นที่แน่นอนแล้วเช่นกัน.
ผล ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 5
กลุ่ม เอ
ชัคเตอร์ โดเน็ตส์ค (ยูเครน) ชนะ เรอัล โซเซียดาด (สเปน) 4-0
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (เยอรมัน) แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 0-5
กลุ่ม บี
เรอัล มาดริด (สเปน) ชนะ กาลาตาซาราย (ตุรกี) 4-1
ยูเวนตุส (อิตาลี) ชนะ เอฟซี โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก) 3-1
กลุ่ม ซี
อันเดอร์เลชท์ (เบลเยียม) แพ้ เบนฟิก้า (โปรตุเกส)ช2-3
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) ชนะ โอลิมเปียกอส (กรีซ) 2-1
กลุ่ม ดี
ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย) แพ้ บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 1-3
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) ชนะ วิคตอเรีย พิลเซ่น (เช็ก) 4-2