"สงครามยังไม่จบ อย่งเพิ่งนับศพทหาร" เป็นสำนวนที่พูดติดปากกันมายาวนาน ซึ่งสอดคล้องกับศึกลูกหนังเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2012 นัดชิงชนะเลิศนัดแรกที่ขุนพล "ช้างศึก" ทีมชาติไทยยกทัพบุกไปพ่ายถึงแดน "ลอดช่อง" ทีมชาติสิงคโปร์ 1-3 มองดูแล้วสถานการณ์เกมนัดที่สองที่ไทยจะลงเล่นในบ้านแล้ว...เหนื่อยเหลือเกิน
แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าทีมเจ้าบ้านสิงคโปร์เขาวางแท็กติกมาดีในเกมที่เจอกับไทย พร้อมกับได้เสียงเชียร์แฟนบอลเจ้าถิ่นที่งานนี้เข้ามาเชียร์กันเต็มความจุสนาม แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สนามเล็กๆ ที่มีที่นั่งไม่กี่พันคนก็ตาม งานนี้คงได้ใจแฟนบอลลอดช่องเต็มที่หลังเอาชนะไทยได้
โดยเฉพาะผลสกอร์ที่ออกมาจากรังเหย้าจาลัล เบซาร์ แต่ไม่ค่อยดีต่อไทยมากนัก ที่ต้องมายิงในบ้านของตัวเองอย่างน้อย 2-0 ขึ้นไป ซึ่งหากแฟนๆ บอลที่ติดตามเชียร์เกมทีมชาติไทยมาตั้งแต่รอบแรกก็จะรู้ว่า ไทยเราก็ไม่ได้หมูยอมให้มาเชือดกันง่ายๆ แน่ในถิ่นตัวเอง และเชื่อได้ว่าคู่ต่อสู้ที่มาเยือนต้องเจอแรงกดดันจากเสียงเชียร์แฟนบอลชาวไทยที่ดังกระหึ่มไม่แพ้ชาติใดในโลกเช่นกัน
แม้กระทั่งตัวนักเตะเองอย่าง "เจ้าแป๊ะ" พิชิตพงษ์ เฉยฉิว มิดฟิลด์ช้างศึก ยังกล่าวแบบสู้หมดใจเลยว่า "เกมในบ้านผมว่าเราไม่กดดัน นัดนี้เราทุกคนต้องวิ่งสู้ฟัดเต็มที่แน่นอน" ขณะที่ "กัปตันใหม่" ภานุพงศ์ วงศ์ษา ที่เปรยก่อนหน้านี้ว่า "เป็นงานที่หนักแต่ก็ไม่ใช้ปัญหาที่เราจะยิงคืนให้ได้ถึง 2 ประตูก่อน เพราะเกมกับมาเลเซียเราก็ยังทำได้มาแล้ว" ส่วน "เจ้าโก้" ดัสกร ทองเหลา ที่มีอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ เผยว่า "ผมว่าผมพร้อมนะ และผมจะพยายามรักษาตัวให้หายให้ทันเกมนัดชิงชนะเลิศ และก็อยากคว้าแชมป์สักครั้งให้ได้ในทัวร์นาเมนต์นี้"
และนี่คือเสียงนักเตะบางส่วนที่ทุกคนพร้อมจะเล่นเต็มที่เพื่อชาติ แม้ว่าหนทางรอบชิงชนะเลิศนั้นคงจะต้องเหนื่อยหนักว่ารอบแรกที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็ทุ่มเทเต็มที่เช่นกัน
ย้อนกลับมาเรื่องการถ่ายทอดสดเกมดังกล่าวนั้นที่ดูแล้ว การรีเพลย์ภาพย้อนหลังแทบจะไม่มีเลย หลายจังหวะที่ฟาวล์แบบเห็นอย่างชัด เช่นลูกแฮนด์บอลในเขตโทษ เชิ้ตดำชาวยุ่นไม่เปานกหวีดให้มันชัดเจน ซึ่งตรงนี้ไทยเราก็เสียเปรียบได้เช่นกันในสนาม อีกทั้งจังหวะเข้าปะทะเล่นกันหนัก จน "เจ้าดุล" อดุล หละโสะ ถึงกับเจอศอกเข้าไปเต็มหน้า แตกแบบแอนตาซินแจกไม่ทันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามหากจะมองแล้ว ทีมชาติไทยของเราในปี 2007 สถานการณ์ก็คล้ายกับในเกมนัดชิงชนะเลิศ นัดแรก ซึ่งไทยเราก็ออกไปพ่ายให้กับสิงคโปร์ก่อน 1-2 และนัดสองที่สนามศุภชลาศัย ทีมชาติไทยยิงขึ้นนำ 1-0 และสกอร์ดังกล่าวก็ส่งทีมชาติไทยเป็นแชมป์
สำหรับแฟนบอลชาวไทยแล้ว เชื่อได้ว่าทุกคนก็หวังที่จะเห็นฟุตบอลทีมชาติไทยคว้าแชมป์รายการนี้ไม่แพ้กับตัวนักเตะเองที่ลงทำหน้าที่ในสนาม โดยนัดที่สองรอบชิงในวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค.นี้ ที่สนามศุภชลาศัย เวลา 19.00 น. เและตลอดเวลา 90นาที จะมีแฟนบอลแห่กันเข้ามาให้กำลังใจเต็มสนาม และส่งเสียงเชียร์ "ไทยแลนด์ ไทยแลนด์" ดังกระหึ่มลั่นสนามแน่นอน