สตาฟฟ์เสือเหลือง มาเลเซีย อึ้งฟอร์มทีมชาติไทย หลังเห็นกับตาโชว์ฟอร์มสุดเจ๋ง คว้าชัยศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 รอบแรก 3 นัดรวด ชี้ได้ "วินฟรีด เชเฟอร์" ทำให้ระบบทีมดีขึ้น ยก 4 แข้งไทยสุดอันตราย...
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 4 ธ.ค. ว่า "ออง คิม สวี" โค้ชทีมฟุตบอลชุดเยาวชนของมาเลเซีย ยกฟอร์มทีมชาติไทย ชุดทำศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 โชว์ฟอร์มสุดยอด หลังเอาชนะเกมในรอบแรกได้ 3 นัดรวด
โดยหนังสือพิมพ์ สเตรทไทม์ ของมาเลเซีย เปิดเผยว่า สมาคมฟุตบอลมาเลเซียได้ส่ง "ออง คิม สวี" โค้ชทีมฟุตบอลชุดเยาวชนของมาเลเซีย เดินทางมาดูฟอร์ม 4 ทีมในกลุ่มเอ ซึ่งแข่งที่ประเทศไทย และได้เห็นฟอร์มการเล่นของทีมไทยทั้ง 3 นัด ซึ่งเล่นกันได้อย่างลงตัวทั้งทีม
"ทีมไทยเป็นหนึ่งในทีมเต็งสำหรับการคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ พวกเขาปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นใหม่ภายใต้การคุมทีมของวินฟรีด เชเฟอร์ โค้ชชาวเยอรมัน" ออง คิม สวี กล่าว
โค้ชทีมฟุตบอลชุดเยาวชนของมาเลเซีย ยังกล่าวถึงคู่แข่งในรอบรองชนะเลิศของพวกเขาด้วยว่า นักเตะไทยมีทักษะลูกหนังสูงหลายคน แม้กระทั่งนักเตะตัวสำรองก็สามารถทดแทนตัวจริงได้อย่างสบายๆ
"ระบบการเล่นของไทยชุดนี้มักเน้นโยนบอลยาวแล้วใช้นักเตะที่มีฝีเท้าเร็ววิ่งเข้าหาบอลเพื่อเปิดเกมรุก นอกจากนี้ลูกตั้งเตะอย่างฟรีคิกหรือเตะมุม รวมทั้งการทุ่มเร็ว ก็ล้วนอันตรายทั้งนั้น" โค้ชทีมฟุตบอลชุดเยาวชนของเสือเหลือง กล่าว
นอกจากนี้ ออง คิม สวี ยังบอกด้วยว่า ทีมไทยมีนักเตะอันตรายหลายคน อาทิ ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน, ดัสกร ทองเหลา และภานุพงษ์ วงศ์ษา
"ธีราทรเป็นนักเตะถนัดเท้าซ้ายที่ชอบพาบอลขึ้นมาเติมเกมรุกได้ดี ส่วนดัสกรเป็นหนึ่งในกองกลางดีที่สุดของรายการนี้เลยก็ว่าได้ เขามีมุมมองที่ดี สร้างสรรค์โอกาสให้ทีม และจ่ายบอลได้ดีอีกด้วย และที่สำคัญที่สุด กองหลังของมาเลเซียต้องระวังธีรศิลป์ให้ดี เพราะเขาคือสุดยอดดาวยิงคนหนึ่งเลยทีเดียว มีการครองบอลดี หาตำแหน่งทำประตูก็ดี และยังส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเขาทำไปแล้ว 3 ประตู ส่วนภานุพงษ์เป็นกัปตันทีม คุมแนวรับได้เหนียวแน่น และเข้าสกัดบอลได้ดี บางครั้งก็ขึ้นสูงมาทำประตูอีกด้วย" ออง คิม สวี บรรยายถึงสรรพคุณแข้งไทย
สำหรับเกมรอบรองชนะเลิศ ระหว่างทีมไทยกับทีมมาเลเซีย จะแข่งนัดแรกวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม เวลา 19.00 น. ที่สนามบูกิต จาลิล เนชันแนล สเตเดี้ยม กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ส่วนนัดที่ 2 แข่งวันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม เวลา 19.00 น. ที่สนามศุภชลาศัย กรุงเทพฯ.