"ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขยับเข้าใกล้การเป็นแชมป์ไปอีกก้าวหลังโชว์ฟอร์มดุเปิดรังเอาชนะ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ไปอย่างสุดมันส์ 2-1 ขณะที่ "กิเลนผยอง" เมืองทอง ยูไนเต็ด โชว์ลูกฮึดรัวเอาชนะ "ช้างศึกยุทธหัตถี" สุพรรณบุรี เอฟซี ไป 3-1...

การแข่งขันฟุตบอล โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ก.ย. เกมบิ๊กแมตช์ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูง เปิดรัง ไอ โมบาย สเตเดียม รับการมาเยือนของ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ทีมอันดับที่ 3 ของตาราง

เกมนัดนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ยังคงครองสถิติไร้พ่ายได้ คาร์เมโล กอนซาเลซ ดาวยิงตัวเก่งกลับมาลงสนามขณะที่ฝั่ง ชลบุรี เอฟซี มี ดีเอโก คุนญ่า ที่สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาล่าตาข่ายร่วมกับ เลอันโดร อัสซัมเซา คู่หัวหอกชาวบราซิล

เริ่มเกมครึ่งแรกทั้งสองทีมก็แลกหมัดใส่กัน และก็เป็น ชลบุรี ที่มีโอกาสครองบอลมากกว่าจนได้ ลุ้นในนาทีที่ 15 เลอันโดร อัสซัมเซา ได้บอลในเขตโทษก่อนจะหักหลบ ประทุม ชูทอง ซัดด้วยซ้ายแต่เข้าตรงตัว ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายด่านเจ้าถิ่น

ขยับมานาทีที่ 38 โอกาสเป็นของ ชลบุรี อีกครั้ง ดีเอโก คุนญ่า รับบอลยาวจากแดนหลังก่อนจะควบแซงแนวรับเจ้าถิ่น เข้ายิงในมุมแคบน่าเสียดายที่ไม่เข้าเป้าบอลพุ่งผ่านหน้าประตูไปอย่างน่าเสียดาย หลังจากนั้นก็เป็น บุรีรัมย์ ที่พยายามจะเจาะหาทางบุกกลับแต่ก็ทำไม่สำเร็จจนต้องขยับแก้เกมส่ง สุรัตน์ สุขะ ลงแทน ชาริล ชัปปุยส์ ตั้งแต่นาทีที่ 45 ทว่าก็ยังทำอะไรไม่ได้ ส่งผลให้จบครึ่งแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงเสมอ ชลบุรี เอฟซี ที่ 0-0

กลับมาต่อในครึ่งหลัง "ปราสาทสายฟ้า" ขยับแก้เกมอีกส่ง ไค ฮิราโนะ ลงแทน จักรพันธ์ แก้วพรม และก็เกือบได้เรื่องเมื่อในนาทีที่ 56 ฮิราโนะ พาบอลลุยมาทางขวาจนสุดเส้นหลังก่อนจะผ่านเข้ากลางให้น่าเสียที่ เกียตริประวุฒิ สายแวว แนวรับทีมเยือนยังไวสกัดทิ้งไปได้

อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงนาทีที่ 64 ก็เป็นแฟนบอล"เซาะกราว" ที่ได้เฮ เมื่อ ชลทิตย์ จันทคาม ทำพลาดถูก ธีราทร บุญมาทัน ฉกบอลไป ก่อนจะหลุดเข้าไปแปสวน สินทวีชัย เข้าตาข่ายไปอย่างงดงามพา บุรีรัมย์ ออกนำ ชลบรี ไปก่อน 1-0

หลังจากนั้นเพียง 4 นาที เจ้าถิ่นก็มาได้ประตูที่สองและก็เป็น ชิลทิตย์ เจ้าเก่าที่ส่งบอลคืนหลังพลาดถูก คาร์เมโล กอนซาเลซ โฉบมาขโมยบอลก่อนจะตัดสินใจยิงเข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้ บุรีรัมย์ นำห่างเป็น 2-0 แล้ว

จากนั้นรูปเกมก็ตกเป็นของเจ้าถิ่นขณะที่"ฉลามชล" เริ่มแก้เกมส่ง ชาคริต บัวทอง ลงแทน อนุชา กิจพงษ์ศรี ในนาทีที่ 73 ขณะที่ บุรีรัมย์ เปลี่ยนตัวคนสุดท้ายในอีก 2 นาทีถัดมาส่ง อนาวิน จูจีน ลงแทน สุเชาว์ นุชนุ่ม

มาถึงนาทีที่ 79 ชลบุรี เปลี่ยนตัวอีกครั้งส่ง โฟเต ดิยาคิเต ลงแทน เลอันโดร อัสซัมเซา ก่อนจะเปลี่ยนเอา ชลทิตย์ จันทคาม ออกส่ง พิภพ อ่อนโม้ ลงไปแทนในนาทีที่ 83

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นเน้นความแน่นอนลงมาแพ็คเกมรับขณะที่ทีมเยือนพยายามรุกหนักแต่ก็เจาะแนวรับไม่ขาด หมดเวลาการแข่งขัน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ ชลบุรี เอฟซี 2-1 รักษาสถิติไร้พ่ายรั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไปลงเตะ 28 นัดมี 68 คะแนน

ขณะที่การแข่งขันที่น่าสนใจอีกคู่ ณ สนาม เอสซีจี สเตเดียม "กิเลนผยอง" เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมรองจ่าฝูง เปิดรังรับการมาเยือนของ "ช้างศึกยุทธหัตถี" สุพรรณบุรี เอฟซี ทีมอันดับที่ 5 ของตาราง

เริ่มการแข่งขันเพียง 18 นาที เมืองทองฯ ก็คว้าประตูออกนำไปก่อน 1-0 ปัค นัม โซล เปิดลูกเตะมุมเปิดลูกเตะมุมมาหน้าประตูให้ คิม ยูจิน วอลเลย์บอลแฉลบมาเข้าทาง ชัยณรงค์ ทาทอง พลิกตัวยิงตุงตาข่าย

อย่างไรก็ตามก่อนจบครึ่งแรกนาทีที่ 39 สุพรรณบุรี ก็มีประตูตีเสมอหลังมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ ภานุพงศ์ วงศ์ษา ทำฟาล์ว ดิยุฟ บิรัม ในกรอบเขตโทษและก็เป็น ดราแกน บอสโควิช ที่สังหารพา สุพรรณบุรี เอฟซี ตีเสมอ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปในครึ่งแรก 1-1

กลับมาต่อในครึ่งหลัง เมืองทอง เดินเครื่องบุกหนักจนมาบวกสกอร์ขึ้นนำเป็น 2-1 ในนาทีที่ 67 ธีรศิลป์ แดงดา ดึงบอลหลบแนวรับทีมเยือนก็จะจ่ายเข้ากลางให้ มาริโอ ยูรอฟสกี้ วิ่งเข้ามาซัดด้วยซ้ายเข้าประตู

นาทีที่ 83 เจ้าถิ่นใส่สกอร์เพิ่ม ธีรศิลป์ แดงดา หลุดขึ้นมาทางริมเส้นก่อนจะตบเข้ากลางให้ ศราวุฒฺ มาสุข ตัวสำรองแปตุงตาข่าย จบการแข่งขัน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ สุพรรณบุรี เอฟซี 3-1 เตะ 28 นัดมี 63 คะแนนรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงตามเดิม

ผลการแข่งขันคู่อื่น สงขลา ยูไนเต็ด เสมอ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 2-2 ,  เชียงราย ยูไนเต็ด ชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 2-1 และ อินทรี เพื่อนตำรวจ แพ้ บีอีซี เทโรศาสน  1-2.