'เจ็บมาเยอะ' เปิดใจ 'ดัสกร' แก่-หมดไฟ-เล่นหมาไม่แ_ก!!!

ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ชื่อของ "ดัสกร ทองเหลา" ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งอัจฉริยะของวงการลูกหนังเมืองไทย และมาวันนี้ ในวัย 29 ย่าง 30 ปี ยอดมิดฟิลด์ทีมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติไทยที่มีประสบการณ์โชกโชนมากที่ สุด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า วงการฟุตบอลไทยยุคนี้ได้สร้างนักเตะสายเลือดใหม่ขึ้นมาอย่างมากมาย จนหลายคนตั้งคำถามว่า คลื่นลูกเก่าอย่าง ดัสกร จะโดนคลื่นลูกใหม่ที่สด และแรงกว่า ซัดสาดไปหรือไม่ วันนี้ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" มีโอกาสได้พูดคุยเปิดใจกับสตาร์นักเตะชาวไทยถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

กับหลายคำถาม หลายประเด็นตรงๆ ซึ่งบางที แฟนบอลต้องลองหันมาฟังเสียงนักเตะกันบ้าง!!!

แก่...หมดไฟ?

รับใช้ทีมชาติ และ สโมสรเอสซีจี เมืองทองฯ อย่างเต็มที่เมื่อลงสนามทุกนัด

เส้น ทางลูกหนังของ ดัสกร เข้าทีมชาติไทยครั้งแรกด้วยวัยเพียง 17 ปี ท่ามกลางนักเตะรุ่นพี่ระดับพระกาฬในตำนานหลายคน อย่าง ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ธชตวัน (ตะวัน) ศรีปาน และเทิดศักด์ ใจมั่น เป็นต้น

เขา เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า "สมัยก่อน พี่ๆ แต่ละคนระดับเทพ เก่งๆ ทั้งนั้น และแต่ละคนก็ให้คำแนะนำ สอนเรามาตลอด เราโชคดีที่ขึ้นมาในช่วงนั้น มันก็ทำให้เรียนรู้ว่า เราต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด ถ้าเราอยากเป็นเหมือนเขา และมันก็มาถึงวันนี้ เราเป็นเหมือนพี่ๆ สมัยก่อน และก็มีน้องๆ ที่ขึ้นมาแทนเรา"

สมัย ดัสกร เป็นดาวรุ่งเล่นให้กับสโมสรราชประชา เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา

ตลอด ระยะเวลากว่า 13 ปี ดัสกร คว้าเกียรติประวัติให้ตัวเองได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป​์ ซีเกมส์ 3 สมัย และยังเป็น 1 ในขุนพล "ช้างศึก" คว้าอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ในปี พ.ศ.2545 อีกด้วย ซึ่งก็ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า เขาอาจอิ่มตัวกับการเล่นฟุตบอลแล้ว

ร่วมเล่นทีมเดียวกับรุ่นพี่ๆอย่าง ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และ ธชตวัน ศรีปาน ฯลฯ

"ถาม ว่า มันหมดไฟไหม มันก็แล้วแต่คนมอง สมมติสมัยเรายังเด็กๆ เราอาจจะวิ่ง เล่นดี ไม่มีอาการบาดเจ็บ แต่พอโตขึ้น เริ่มอายุมาก ก็มีอาการบาดเจ็บรบกวน พละกำลังมันก็เริ่มถดถอยลง มันก็แปรตามอายุที่มากขึ้น ทำให้เราต้องประคองตัวเองให้เล่นฟุตบอลได้นานที่สุด"

ดัสกร ทอง "ม้วน"

ได้ทั้งแรงเชียร์พร้อมกับแรงด่าเมื่อผลงานทีมชาติไทยไม่ได้ดังใจแฟนบอล

แม้ ว่าจะประสบความสำเร็จมามากมายทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร แต่ก็ไม่วายโดนแฟนบอลบางกลุ่ม วิจารณ์กันมันส์ นอกสนาม โดยเฉพาะสไตล์การเล่นที่ม้วนไปม้วนมา จนเป็นที่มาของการแซวกันจนสนุกปากว่า "ดัสกร ทองม้วน"

"ไอ้ม้วนๆ มันเป็นมานานแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคนเรามันมองกันยังไง ถ้าต่างชาติม้วน ทำไมไม่พูดบ้าง มันก็เป็นสไตล์ของเราอยู่แล้ว และเราก็ไม่ได้คิดว่าสไตล์ของเราจะต้องเปลี่ยน เพราะคำพูดของใครบางคนแค่นี้"

นอกจากนี้ ดาวเตะทีม "กิเลนผยอง" ยังเปิดเผยว่า เขามักจะจดจำเทคนิคขั้นเทพของนักเตะระดับโลกมาพัฒนาใช้กับตนเอง ซึ่งเขาเชื่อว่า คนไทยสามารถทำได้แต่อาจจะยาก เลยทำให้แฟนบอลบางส่วน แทนที่จะชมเห็นความตั้งใจดีกลับกลายเป็นเสียงก่นด่าแทน

ชวดเข้ารอบฟุตบอลโลก รอบ 10 ทีมสุดท้าย

"ส่วน ตัวเวลาดูบอล จะดูว่าลูกไหนสามารถนำมาพลิกแพลงที่จะเล่นได้ จะทำให้เหมือนเขา คนไทย สามารถทำได้ แต่บางทีอาจยากสำหรับคนไทย และทำให้คนดูมองว่า ทำไมเล่นยากจัง แต่อยากให้เข้าใจ คือเราเป็นนักบอล ทุกคนก็อยากมีจุดขายของตัวเอง เหมือนคนปกติทำงาน ก็อยากจะเสนองานเจ๋งๆ ให้เจ้านาย นักบอลก็ต้องการมีผลงานของตัวเองเหมือนกัน คนทำผลงานดีก็ได้รับโบนัสเพิ่ม นักบอลโชว์ผลงานดี ก็มีเงินเดือนที่อัพขึ้น มันก็เป็นปกติอยู่แล้ว"

"คนดู" เก่งกว่า "คนเล่น" !!!

มี บ่อยครั้งที่ ดัสกร ต้องถูกแฟนบอลไม่พอใจ เพราะอาจจะเล่นไม่ได้ดั่งใจพวกเขา ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า "บางคนอาจมองว่า เราไม่ค่อยวิ่ง ซึ่งจริงๆ แล้ว ตำแหน่งที่ตนเองเล่น หน้าต่ำ หรือมิดฟิลด์ตัวรุก ไม่ต้องวิ่งในสนามเยอะก็ได้ อย่างพวก (ดิมิตาร์) เบอร์บาตอฟ หรือ (พอล) สโคลส์ ก็ไม่ค่อยวิ่งอยู่แล้ว แต่เขาจะใช้ความสามารถพิเศษ เรื่องทักษะของเขาต่างๆ จ่ายบอล ส่งบอล ซึ่งเราชอบแบบนั้น"

"แฟนบอล เราดูบอลเก่งทุกคน จริงๆ ทุกคนสามารถที่จะเก่งกว่าคนเล่นได้ ถ้าเป็นคนดู แน่นอน ในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง ไม่มีใครตัดสินใจได้ดีเหมือนกับคนนั่งดูข้างสนาม บางคนด่าว่า ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ทำไมไม่ส่ง ทำไมเล่นยาก ทำไมช้าจัง ซึ่งในสนามมันมีเวลาคิดแค่แป๊บเดียว มันไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้ อยากให้คนดูลงไปเล่น และให้เรามานั่งดูบอลบ้าง ดูสิ คนที่พูดอยู่ทุกวันนี้ มันจะพูดยังไง"

ไม่แคร์เสียปลอกแขนกัปตันทีม

รับใช้ทีมชาติไทยมายาวนานมากกว่า 1 ทศวรรษ

อาจ เรียกว่าสูงสุดคืนสู่สามัญก็ได้ เมื่อ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมนี ตัดสินใจยกปลอกแขนกัปตันทีม ซึ่งเคยเป็นของ ดัสกร ให้กับ ภานุพงศ์ วงศ์ษา ทำหน้าที่ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ ดัสกร ยืนยันว่า ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในหัวของเขาเลย

"มันไม่เกี่ยวกับ ทีมชาติเลย และเราก็ไม่ได้เป็นกัปตันทีมมาตลอด เคยเป็นกัปตันทีมช่วงหนึ่ง ของปีเตอร์ รีด แค่นั้นเอง ปลอกแขน มันไม่ได้การันตีเลยว่า คุณจะได้ลงตลอด เล่นดีตลอด มันอยู่กับผลงาน สมมติว่า คุณชอบคนนี้ คุณก็เอาคนนี้เป็น คนนี้สามารถที่จะดูแลลูกทีมได้ ไม่มีอาการเจ็บรบกวน โชว์ผลงานดีตลอดทั้งปี มันก็สมควรได้รับตำแหน่ง"

เป็นหนึ่งในผู้เล่นตัวเก๋าที่สุดในทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน

ต่อ เนื่องจาก ซูซูกิคัพ ทีมชาติไทย ก็ต้องมาลุยฟาดแข้งต่อในศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 42 เมื่อเดือน ม.ค. และล่าสุด เตรียมทำศึก เอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก กับ คูเวต ในวันที่ 6 ก.พ.นี้ ซึ่ง ดัสกร ก็ยังคงเป็นกำลังหลักของทีมแบบไม่ได้พัก เหมือนกับนักเตะบางคน แต่เจ้าตัวก็เต็มใจเสมอ เมื่อชาติต้องการ

"จริงๆ ทัวร์นาเมนต์ทีมชาติเขาวางตายตัวกันอยู่แล้ว และเราก็ไม่สามารถที่จะเลื่อนได้ มันเป็นโปรแกรมที่เราจะต้องสู้ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะเล่นตลอดทั้ง 3 ทัวร์นาเมนต์ เพราะเราไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเหนื่อย แล้วทำไมคนอื่นได้พัก บางทีมันก็มีอาการล้าทุกคน แต่ถ้าเรามีโอกาสได้ทำหน้าที่ เราได้เรียกเข้ามาติดทีมชาติ ทุกคนอยากติดทีมชาติหมด คนที่พักเขาอยากเล่นทีมชาติก็ได้ สำหรับเราไม่ซีเรียสอยู่แล้ว เราได้รับใช้ชาติก็เต็มที่ทุกแมตช์ ใครจะมองว่าอะไรก็ช่างไม่สน"

สำเร็จแล้ว แต่ไม่อยากหยุดแค่นี้

คว้าแชมป์สปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของประเทศในสีเสื้อ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

เป็น ที่ทราบกันดีว่า ช่วงชีวิตนักเตะนั้นถือว่าสั้นนัก ซึ่งสำหรับ "เจ้าโก้" ก็ยอมรับว่า อาจจะรับใช้ทีมชาติไทยต่อไปอีกไม่นาน ขณะที่การเล่นให้สโมสร เอสซีจี เมืองทองฯ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะเล่นไปเรื่อยๆ ตราบใดที่สุขภาพร่างกายยังไหว

"ส่วนตัวถือว่าประสบความสำเร็จมาก ทั้งทีมชาติกับ สโมสร แต่ชีวิตนี้ยังต้องก้าวต่อไป เราคงยังไม่หยุดแค่นั้น ถึงเราจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน เราก็ต้องคว้ามันเข้ามาอีกเรื่อยๆ ใครจะมองว่าเราแก่แล้ว ก็ไม่เป็นไร"

โชว์ฟอร์มโดดเด่นในชุดมังกรไฟ บีอีซี เทโรศาสน (สมัยอดีต)

"แต่ สำหรับทีมชาติ คิดว่าคงเล่นอีกไม่กี่ปี มันคงจะถึงเวลา ต้องให้น้องๆ เขาเล่นแล้ว ส่วนสโมสร ก็จะเล่นไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาสเล่น และร่างกายของเรายังโอเค อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ได้คิดว่าทีมไหนเป็นทีมสุดท้าย แต่ว่าเราตอนนี้ เราอยู่ตรงนี้ เราก็คิดว่าทีมนี้เป็นทีมสุดท้ายก่อน"

เชื่อ 'มุ้ย' มีแต่ได้

ได้ รับรางวัล ฟุตบอลทองคำนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ในงานแจกรางวัล "บัลลงดอร์เมืองไทย" หรือ "ฟุตบอลสยามโกลเดนบอล" ครั้งปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2554

กับข่าวคราวที่นักเตะรุ่นน้องในทีมชาติและสโมสร อย่าง "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ได้โอกาสไปทดสอบฝีเท้ากับทีม แอตเลติโก มาดริด ในลาลีกาสเปน "เจ้าโก้" ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเดินทางไปร่วมฝึกซ้อมกับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น ในเยอรมนี มาแล้วเช่นกัน มองว่า "การได้ไปต่างแดน มันมีแต่ประโยชน์ มันไม่ได้มีเสียเลย ส่วนตัวคงไม่มีอะไรต้องแนะนำ เพราะมุ้ยเขาเป็นคนที่มุ่งมั่นตั้งใจอยู่แล้ว มันขึ้นอยู่กับตัวน้องว่า เขาจะสร้างโอกาสให้ตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน"

เดินทางกลับถึงเมืองไทย หลังเซ็นสัญญาเป็นนักเตะทีมสำรองกับสโมสรไกเซอรŒ์สเลาเทิร์Œน ของประเทศเยอรมนี

แล้ว ข้ออ้างที่ฟังกันมาจนชินชาว่า "คิดถึงบ้าน" จนเป็นอุปสรรคที่ทำให้นักเตะไทยฝีเท้าดีหลายคน ไม่อยากไปหาประสบการณ์นอกประเทศ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดัสกร กล่าวว่า "ยุคก่อน ทุกคนอาจจะบอกว่า โฮมซิกเป็นปัญหาใหญ่ของนักเตะไทยไปเล่นต่างแดน ตัวเองก็มีบ้าง แต่ก่อนอินเทอร์เน็ตอาจยังไม่เหมือนกับปัจจุบัน ที่สื่อสารกันได้ง่ายมาก เราอาจเห็นหน้ากันได้ตลอดเวลา ฉะนั้นเรื่องโฮมซิกมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย ที่นักบอลเราจะไปต่างประเทศ เชื่อว่าปัจจุบันไม่มีแน่นอน"

เอเชียนคัพยาก แต่จะสู้เต็มที่

ร่วมเฮดีใจกับเพื่อนร่วมทีมหลังเอาชนะโอมานในศึกลูกหนังเอเชียนคัพ 2007 โดยทีมชาติไทยชนะไป 2-0

กับ ศึกเอเชียนคัพที่จะถึงนี้ ดัสกร ยอมรับว่า เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยากกว่า ซูซูกิ คัพ หลายเท่า อย่างไรก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร แฟนบอล คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเตะ

"อย่าไปมองว่า เอเชียนคัพ กับ ซูซูกิคัพ มันอยู่ในระดับเดียวกัน เราจะบอกว่าเราเหนือกว่ามันก็ได้ ในอาเซียน แต่เราจะไปมองอย่างนั้นกับเอเชียนคัพไม่ได้ เอเชียนคัพมันทั่วเอเชีย มันอาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ลำบากสำหรับเรา"

"จริงๆ ก็ไม่ได้หวังว่าจะเข้าไปถึงรอบไหน หวังแค่จะทำยังไงให้คนมีความสุข หวังแค่ว่าการที่เราเล่นในบ้าน ต่อหน้าแฟนบอลทุกๆ คน เราอยากให้แฟนบอลมาเชียร์เราด้วยใจจริงๆ ไม่ได้อยากให้แฟนบอลเข้ามาคอยด่า มาว่าเรา นักบอลมันไม่มีใครอยากพลาด อยากเสีย อยากจะแพ้อยู่แล้ว"

เจ็บมาเยอะ...กว่าจะมาถึงวันนี้

ลิเวอร์พูล ก็เจอมาแล้ว

ทุก วันนี้ ดัสกร ถือได้ว่าเป็น 1 ในนักเตะไทยที่ได้ค่าตัวแพงที่สุด ซึ่งเขายอมรับว่า ทุกวันนี้ชีวิตส่วนตัวแทบจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เพราะทุกอย่างมีความสุขดี ไม่ว่าจะครอบครัว พ่อแม่ อย่างไรก็ตาม "เจ้าโก้" ก็เผยว่า กว่าจะมาถึงวันนี้้ได้ ตนเองต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมาย

"อยาก บอกน้องๆ ว่า กว่าที่เราจะมาถึงวันนี้มันหนักหนาสาหัส นอกจากจะต้องสู้กับตัวเอง ยังต้องสู้กับคนข้างนอก สู้กับเสียงวิจารณ์ สู้กับหลายๆ อย่าง สู้กับใจตัวเองด้วย บางทีคนด่าเยอะๆ ด่าแม้กระทั่งเล่นหมาไม่แดก เมื่อไหร่จะเลิก ไม่คุ้มค่าเหนื่อย มันก็ท้อ"

ดาวรุ่งทีมชาติไทยเมื่อปี 2546

"นัก บอลไม่มีใครอยากให้คนมาด่า เหมือนกัน คนปกติก็ไม่ชอบให้ใครมาด่า คนเราก็มีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน แต่ก็อยากจะบอกน้องๆ ว่า นั่นแหละ มันจะทำให้เรามีภูมิต้านทาน ถ้าเราเจอแต่คำชม มันก็จะทำให้เราเหลิง ถือว่าดีที่เราได้ผ่านตรงนั้นมา และอนาคตฟุตบอลมันเป็นอะไรที่สั้น ถ้าเราคว้าได้ ก็รีบคว้า อย่าไปรอโอกาส เดินหน้าหาโอกาสมันดีกว่า สู้กับมัน สู้กับใจตัวเอง สำคัญที่สุด"

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2556 3:07:00 น.		0 comments
Counter : 2619 Pageviews.
Share Tweet