เมซุต โอซิล เปิดซิงทำประตูในพรีเมียร์ลีก ด้วยการเหมาสองพา "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เปิดบ้านเอาชนะ"นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นอริช ซิตี้ 4-1 ทวงตำแหน่งจ่าฝูง ด้าน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี โชว์ฟอร์มเยี่ยมพลิกเอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 4-1 ขึ้นเป็นรองจ่าฝูง ขณะที่ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้แค่เจ๊า 1-1...
การแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ต.ค. เวลา 21.00 น. มีการแข่งขันทั้งหมด 6 คู่ เกมที่น่าสนใจเป็นการพบกันระหว่าง "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ที่มีลุ้นคืนจ่าฝูง เปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดียว รับการมาเยือนของ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นอริช ซิตี้ ทีมจากโซนท้ายตาราง
ในนัดนี้ อาร์เซนอล ได้ดาวเตะกลับมาลงสนามครบทีมทั้ง บาการี ซานญา และ ซานติ กาซอร์ลา ขณะที่ เมซุต โอซิล ที่มีข่าวว่าบาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติก็สามารถผ่านการทดสอบความฟิตลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนี้
เริ่มเกมมาก็เป็น อาร์เซนอล ที่เดินเครื่องรุกหนัก จนมาได้ประตูออกนำสมใจ ใน น.17 จากจังหวะต่อบอลจี้เข้ากรอบเขตโทษก่อนที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ จะดีดบอลให้ แจ็ค วิลเชียร์ หลุดเข้าไปยิงด้วยขวานิ่มๆไม่พลาด อาร์เซนอล ขึ้นนำ 1-0
หลังจากนั้นก็เป็น"ปืนใหญ่"ที่ใส่เกมรุกต่อจนน่าจะได้ประตูที่สองใน น.36 หลัง คีแรน กิบบส์ เข้าแย่งบอลจากแนวรับของ นอริช เลี้ยงหลุดไปทางเส้นหลังด้านซ้ายก่อนจะตบเข้าไปที่เสาแรกให้ โอลิิวิเยร์ ชิรูด พุ่งเข้ามาชาร์ตจ่อๆ แต่ จอห์น รัดดี ยังไวป้องกันประตูไว้ได้
เข้าสู่ท้ายครึ่งแรกสถานการณ์เปลี่ยนเป็นฝั่งของ นอริช ที่บุกหนักจนเกือบตีเสมอได้สำเร็จจากลูกยิงนอกกรอบเขตโทษของ ลีรอย เฟอร์ แต่ วอจเซียค เชสนี พุ่งปัดทิ้งไปได้ ทำให้ จบครึ่งแรก อาร์เซนอล ขึ้นนำ นอริช ซิตี้ ไปก่อน 1-0
กลับมาเล่นในครึ่งหลัง อาร์เซนอล ก็มาได้ประตูเพิ่มเป็น 2-0 ใน น.57 จากจังหวะสวนกลับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ โยนบอลจาก ให้ เมซุต โอซิล โขกตุงตาข่าย และนั้นก็เป็นประตูแรกของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตามใน น.70 ทีมเยือนก็มาได้ประตูตีไข่แตกหลังแนวรับปืนใหญ่สกัดบอลพลาดลูกเลยไปเข้าทาง จอนนี ฮาวสัน ดึงบอลลงก่อนจะยิงเบียดเสาเข้าประตูไปอย่างงดงาม นอริช ซิตี้ ขยับไล่มาเป็น 2-1
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม น.83 อาร์เซนอล ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 แจ็ค วิลเชียร์ จ่ายเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายให้ อารอน แรมซีย์ ตัวสำรองโชว์ลีลาล็อกหลบแนวรับนอริชสองจังหวะก่อนจะซัดด้วยขวาผ่าน จอห์น รัดดี เข้าประตู
จากนั้น น.87 "ปืนใหญ่" ก็มีประตูส่งท้าย แรมซีย์ เปิดบอลมาให้ เมซุต โอซิล ซัดจ่อๆ ไม่เหลือซาก จบการแข่งขัน อาร์เซนอล เปิดบ้านเอาชนะ นอริช ซิตี้ ไป 4-1 รั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป
11 ตัวจริงทั้งสองทีม
อาร์เซนอล : วอจเซียค เซสนี,บาการี ซานญา,แพร์ แมร์เตซัคเกอร์,โลรองต์ คอสเซียลนี,คีแรน กิบบ์ส,มิเกล อาร์เตตา,แจ๊ค วิลเชียร์,เมซุต โอซิล,ซานติ กาซอร์ลา,มาติอู ฟลามินี,โอลิวิเยร์ ชิรูด์
นอริช ซิตี้ : จอห์น รัดดี ,รัสเซลล์ มาร์ติน, ไมเคิล เทอร์เนอร์, เซบาสเตียง บาสซง, มาร์ติน โอลส์สัน , อเล็กซานเดอร์ เต็ตติ , โรเบิร์ต สน็อดกราสส์, ลีรอย เฟอร์, จอนนี ฮาวสัน, แอนโธนี พิลคิงตัน ,แกรี ฮูปเปอร์
ด้านการแข่งขันที่น่าสนใจอีกคู่ "สิงโตนำ้เงินคราม" เชลซี ทีมอันดับ 5 ของตารางเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ คาร์ดิฟฟ์ ทีมอันดับที่ 14 ของตาราง ผลปราฏกว่า เชลซี สามารถเอาชนะไปได้้อย่างงดงาม 4-1
โดย คาร์ดิฟฟ์ เป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบคว้าประตูออกนำก่อนตั้งแต่ น.10 จากลูกยิงของ จอร์ดอน มัตช์ ทว่า ใน น.33 เชลซี ก็ตีเสมอได้สำเร็จจาก เอดิน ฮาซาร์ ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันไปก่อน 1-1
ในครึ่งหลัง น.67 "สิงห์บลู" ก็มาบวกสกอร์เพิ่มเป็น 2-1 จากลูกยิงของ ซามูเอล เอโต ซึ่งนับเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีก จากนั้น น.77 เชลซี ก็นำห่างเป็น 3-1 จากลูกยิงของ ออสการ์ และ ใน น.82 เชลซี ก็มาได้ประตูปิดท้ายจาก ฮาซาร์ จบการแข่งขัน เชลซี เอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ไป 4-1 แซง ลิเวอร์พูล ขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูง จากผลประตูได้เสียที่ดีกว่า
ขณะที่อีกคู่ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับที่ 12 ของตาราง เปิดรัง โอลด์แทร็ฟเฟิร์ด เสมอ"นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ไป 1-1 โดย แมนฯยู เป็นฝ่ายเออกนำก่อนตั้งแต่ น.26 จาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี แต่หลังจากนั้นเกมรุกของ แมนฯยู ก็แผ่วลงไป จนมาโดน นักบุญ ตีเสมอเอาในช่วงท้าย น .89 จาก เดยัน ลอฟเรน .
ผลของคู่อื่นๆ
เอฟเวอร์ตัน 2-1 ฮัลล์ ซิตี้
สโต๊ก ซิตี่้ 0-0 เวสต์บรอมวิช อัลเบียน
สวอนซี ซิตี้ 4-0 ซันเดอร์แลนด์