ตกเย็นคุณหลวงนรินทร์ฯ ก็ให้ตำรวจไปตามตัวผม ให้ไปพบที่บ้าน ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไปพบตามคำสั่ง หลับเสียตื่นหนี่งค่อยหายโมโหไปหน่อย
ผู้กำกับฯนั่งยิ้มเผล่อยู่บนเตียงไม้ ที่นั่งเล่นหน้าบ้าน ตอนที่ผมเดินขึ้นบันไดบ้านไป
ลาพักตั้งเจ็ดวันเชียวเรอะ ท่านทักขึ้นก่อน พักให้ตามสบาย ผมอนุมัติไปแล้ว โกรธผมหรือยังไง
ผมไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่นั่งเฉยๆ
วันนี้ กินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อ ท่านพูดยิ้มปลอบใจ ผมเตรียมเหล้ายาปลาปิ้งไว้ให้แล้ว
คุณหลวงนรินทร์ฯเป็นคนไม่กินเหล้า และไม่แตะต้องเครื่องดองของเมา แม้แต่บุหรี่ก็ไม่สูบ ท่านเป็นคนถือศีล แต่ทำไมถึงชอบยิงคนก็ไม่ทราบ
พวกตำรวจพูดกันว่า ท่านกินว่านและหนังเหนียวเคยถูกผู้ร้ายยิงมาแล้ว จนตัวกระเด็นตกเรือน ตอนที่บุกขึ้นไปจับ แต่ตามร่างกายไม่มีบาดเจ็บ แล้วท่านก็บุกขึ้นไปจับตัวมันมาจนได้และแน่นอน ไอ้เสือนั่นก็ไม่มีทางได้หายใจอีกต่อไป
ความจริงมันก็คงจะรู้ๆ อยู่ว่า ถึงมันไม่สู้ ยอมให้จับเป็น มันก็ต้องตายเหมือนกัน มันก็สู้เผื่อบางทีอาจรอด มาเจอเอาคนหนังเหนียวเข้า ก็เลยซวยไป
ผมเลยต้องนั่งกินเหล้าคนเดียวโดยมีผู้กำกับฯ ของผมนั่งกินข้าวร่วมวง โดยไม่แตะต้องเหล้า แต่ผมก็ต้องยอมทนกินไปยังงั้น บอกตรงๆ ว่า อาหารและเหล้าวันนั้น ไม่มีรสเลย
ผมรีบลาท่านมาแล้วไปต่อที่บ้าน ทวิช เพื่อนคู่ใจของผม
ทวิชรู้เรื่องของผมเหมือนกัน ทำไมเขารู้ ผมก็ไม่ทราบ เขาต่อว่าผมว่าทำไมไม่ชวนเขาไปด้วย
เรื่องพรรค์นี้ มันไม่เฮงบ่อยๆ นักหรอก เขาต่อว่า ถ้าไอ้กระสุนนัดนั้นไม่เจาะหัวกบาลมัน คุณจะทำยังไง
ผมจะทำยังไง ผมว่า กระสุนมันหมด จะมีอะไรให้ทำอีกละ
กินเหล้ากันเถอะวะ เขาตัดบท อย่าคุยกันเลย เรื่องนี้ รำคาญ
ผมไม่ได้บอกเขาว่าผมลางานเจ็ดวัน ผมอยากพักผ่อนจิตใจอยู่เฉยๆ ด้วย
อะไรก็ได้
ติดตามอ่านจ้า..