จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2560
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
14 กรกฏาคม 2560
 
All Blogs
 
เส้นทางชีวิต ... กว่าจะเป็นพันตำรวจเอก ตอนที่ ๑๓๑



ผมต้องยื่นใบลงป่วยโดยมีใบรับรองของหมอ บ้านของเจ้าคุณลุงนั้นมีฝรั่งมาเช่าอยู่ที่ตึกใหญ่ หน้าบ้าน เป็นหมอผู้อำนวยการโรงพยาบาลมิชชั่น ที่อยู่ตรงหัวมุมยมราช ตัดกับ หลานหลวงอีกด้านหนึ่งอยู่บนถนนพิษณุโลกเดี๋ยวนี้ นั่นแหละครับ แกชื่อ หมอ เวดแดลล์

หมอเวดแดลล์ก็มาดูอาการของพวกผม ที่นอนอยู่ที่บ้านหลังใน คนอื่นเขาไม่มีปัญหาอะไร หมอมาดูผมดูแผลที่เย็บไว้ที่ปลายคาง บอกว่าใช้ได้ แก้กางเกงผมออกมาดูแผลที่เย็บไว้ที่ตรงถึงส่วนสำคัญนั้น แล้วบอกว่า เย็บไม่ดี แผลไม่สวย ต้องไปเย็บใหม่ แกก็จัดการเอาผมขึ้นรถ พามาที่โรงพยาบาลมิชชั่น เอาขึ้นเตียงผ่าตัด จัดการเลาะแผลเย็บเก่าออกหมด แล้วเริ่มเย็บใหม่

ก็ไอ้ที่ตรงนั้น มันเป็นจุดประสาทที่ไวที่สุด ผมต้องทนเจ็บให้แกเลาะออก และเย็บใหม่อยู่บนเตียงผ่าตัด เลาะทีก็สะดุ้งที หมอจะฉีดยากันเจ็บให้ ยากันเจ็บ ฉีดเข้าไปก็เจ็บทีหนึ่งแล้วพอหมอเย็บเข้าไป ไอ้ยากันเจ็บมันก็ไม่ยักกันเจ็บได้ มันก็ยังต้องนอนสะดุ้งทุกครั้งที่เย็บลงไป ผมก็เลยบอกหมอว่า ไม่ต้องฉีดยากันเจ็บแล้ว รีบๆเย็บเข้าไปเหอะหมอ

กว่าหมอจะเย็บครบแปดเข็มผมก็แทบขาดใจ ไอ้แผลเจ้ากรรมมันก็เฉพาะจะมาแตกเอาตรงส่วนสำคัญนั้นมันคงเป็นเพราะไอ้กระเป๋าที่ผมหนีบอยู่ที่หว่างขานั่นเอง มันคงกระแทกส่วนสำคัญแตก ดีที่มันไม่เฉี่ยวเอาเจ้าโลกของผมขาดไปด้วย

ผมนอนพักอยู่ที่บ้านพญาไทจนถึงวันที่จะต้องเลาะไหมที่เย็บไว้ออก หมอก็มาเอาตัวไปที่โรงพยาบาลอีกหมอจัดการเลาะไหมออก พอเลาะออกแผลมันไม่ติด มันกลับแบะออก เห็นเนื้ออ่อนๆ ที่ตรงนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าหมอมือชั้นนั้นจะผิดพลาดเรื่องอย่างนี้

ตอนที่เลาะออกแล้วเย็บใหม่นั้น มันไม่ใช่แผลสดเสียแล้ว เนื้อมันก็ไม่ติดกันตอนเลาะไหมออก แผลก็แบะเป็นทางยาว ก็ไม่รู้ว่า ไอ้แผลตรงนั้นทำไมมันจะต้องสวย ใครจะมาเห็นของผม  และหมอต้องมาเลาะของผมออก แล้วเย็บใหม่ทำไมก็ไม่รู้ แต่ไม่รู้จะขัดขืนแกอย่างไร ก็ต้องปล่อยให้แกเล่นของแกสนุกเท่านั้น

พอแผลมันไม่ติดแบะออกมาน่าเกลียดอย่างนั้น หมอก็ให้ผมไปนอนถ่างขาให้แกฉายแสงอุลตราไวโอเล็ต ให้แผลสมานและฆ่าเชื้อโรคที่อาจจะมาติดอีกด้วย ผมต้องไปนอนถ่างขาให้แสงอุลตราไวโอเล็ต เลียแผลที่ตรงนั้นทุกวัน วันละห้านาที ร่วมครึ่งเดือน แสงอุลตราฯลามเลียมาถึงหน้าท้องของผมจนไหม้เกรียมไปด้วย แล้วหมอก็ต้องติดตามมาทำแผลให้ผมทุกเช้าก่อนที่แกจะไปโรงพยาบาล มีถุงประคองบาดแผลไว้ แล้วผูกบั้นเอว และไม่ให้เดินมาก กะย่องกะแย่งอยู่อย่างนั้น

ทีนี้วันหนึ่ง หมอเกิดมีเหตุฉุกเฉินที่จะต้องไปโรงพยาบาล ก็ให้เมียหมอมาชะแผลแทน

เมียหมอเป็นคนอเมริกันเหมือนกัน แต่ยังสาว และข้อสำคัญ สวยเสียด้วย

แกมาถึงก็มาขอดูแผล ไม่เคยรักษากันมาก่อน ผมก็ต้องเปิดให้แกดู พอดึงถุงประคองแผลออก ก็เห็นส่วนสำคัญของผมล่อนจ้อน เมียหมอทำหน้าชอบกล แต่แกเป็นหมอคงจะต้องได้เคยเห็นของพรรค์นี้มามากแล้ว หมอสามีคงไม่ได้บอกแกมาก่อนว่าแผลที่จะชะนั้น อยู่ตรงไหน แกเห็นเข้าทีแรกจึงได้ทำหน้าพิกล แต่แกก็ต้องชะแผลให้

ตอนที่แกลงมือชะแผลนี่ซิครับ แผลมันอยู่ตอนส่วนล่างของถุง ผมนั้นนอนถ่างขา ไม่ยอมมองแกอยู่แล้ว ไมใช่พราะอายหรอก แต่เห็นใจเมียหมอที่ต้องมาทำแผลไอ้ตรงที่นั่น ให้ผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

หมอก็หมอเถอะอดขวยใจไม่ได้หรอก

พอผมถอดกางเกงออกล่อนจ้อน ถ่างขาให้แกเห็นแผล แกก็หันไปหยิบผ้าผืนเล็กๆ มาผืนหนึ่ง มาคลุมส่วนบนของตรงนั้นไว้ แล้วใช้มือหยิบไอ้นั่นของผมไปพาดไว้ข้างๆ เขี่ยให้ขึ้นไปอยู่ข้างบน เอาผ้าผืนนั้นปิดไว้ ไม่ให้เห็น

ผมต้องหลับตาไม่ยอมมองหน้าแก

หมอสาวๆ สวยๆอย่างนั้น แล้วเอานิ้วมาคีบไอ้นั่นของผมไปพาด ถ้ามันเกิดแผลงฤทธิ์ขึ้นมา จะทำยังไง ตอนที่คีบมันขึ้นมานั่นน่ะ แล้วผมก็เป็นมนุษย์ผู้ชาย ธรรมดา ถึงจะอยู่ระหว่างเจ็บป่วย ก็ไม่ใช่เป็นการเจ็บป่วยที่เป็นปรปักษ์กับความรู้สึก แล้วเวลาชะแผลจะต้องเช็ดที่รอยแผลตรงนั้นอีกเล่า มือหมอผู้ชายก็ยังไม่เป็นไร นี่มือหมอผู้หญิงทั้งสาว ทั้งสวย คุณๆ เดาความรู้สึกของผมเอาเองก็แล้วกัน ว่าต้องใช้ความอดกลั้นแค่ไหน

พ่อน้องชายของผมที่นอนอยู่ใกล้ๆ แอบชำเลืองมองดูหมอทำแผลแล้วกลั้นหัวเราะอยู่ เขาคอยดูด้วยว่าผมจะอดทนได้แค่ไหน

การชะแผลที่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเวลายาวนานของผม ก็เสร็จลงไปเสียได้ ผมก็ต้องถอนใจเฮือกใหญ่ ตอนที่ดึงกางเกงมานุ่ง

เมียหมอมองตาผมแล้วยิ้ม เหมือนรู้ถึงความรู้สึกในใจของผม

ผมกล่าวคำขอบใจแก หมอสาวตบเข่าผมเบาๆแล้วพูดก่อนที่จะคว้ากระเป๋าเครื่องมือว่า

“หมอผู้ชายคงจะมีความจำเป็นวันนี้วันเดียวเท่านั้น ขอให้หายเร็วๆ ”

แล้วเมียหมอก็ลากลับไป

พอผมถอดกางเกงออกล่อนจ้อน ถ่างขาให้แกเห็นแผล แกก็หันไปหยิบผ้าผืนเล็กๆ มาผืนหนึ่ง มาคลุมส่วนบนของตรงนั้นไว้ แล้วใช้มือหยิบไอ้นั่นของผมไปพาดไว้ข้างๆ เขี่ยให้ขึ้นไปอยู่ข้างบน เอาผ้าผืนนั้นปิดไว้ ไม่ให้เห็น

ผมต้องหลับตาไม่ยอมมองหน้าแก

หมอสาวๆ สวยๆอย่างนั้น แล้วเอานิ้วมาคีบไอ้นั่นของผมไปพาด ถ้ามันเกิดแผลงฤทธิ์ขึ้นมา จะทำยังไง ตอนที่คีบมันขึ้นมานั่นน่ะ แล้วผมก็เป็นมนุษย์ผู้ชาย ธรรมดา ถึงจะอยู่ระหว่างเจ็บป่วย ก็ไม่ใช่เป็นการเจ็บป่วยที่เป็นปรปักษ์กับความรู้สึก แล้วเวลาชะแผลจะต้องเช็ดที่รอยแผลตรงนั้นอีกเล่า มือหมอผู้ชายก็ยังไม่เป็นไร นี่มือหมอผู้หญิงทั้งสาว ทั้งสวย คุณๆ เดาความรู้สึกของผมเอาเองก็แล้วกัน ว่าต้องใช้ความอดกลั้นแค่ไหน

พ่อน้องชายของผมที่นอนอยู่ใกล้ๆ แอบชำเลืองมองดูหมอทำแผลแล้วกลั้นหัวเราะอยู่ เขาคอยดูด้วยว่าผมจะอดทนได้แค่ไหน

การชะแผลที่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเวลายาวนานของผม ก็เสร็จลงไปเสียได้ ผมก็ต้องถอนใจเฮือกใหญ่ ตอนที่ดึงกางเกงมานุ่ง

เมียหมอมองตาผมแล้วยิ้ม เหมือนรู้ถึงความรู้สึกในใจของผม

ผมกล่าวคำขอบใจแก หมอสาวตบเข่าผมเบาๆแล้วพูดก่อนที่จะคว้ากระเป๋าเครื่องมือว่า

“หมอผู้ชายคงจะมีความจำเป็นวันนี้วันเดียวเท่านั้น ขอให้หายเร็วๆ ”

แล้วเมียหมอก็ลากลับไป






Create Date : 14 กรกฎาคม 2560
Last Update : 14 กรกฎาคม 2560 18:45:22 น. 1 comments
Counter : 660 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณก้นกะลา


 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 17 กรกฎาคม 2560 เวลา:18:27:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.