ที่เมืองชลฯ นี้เอง ที่ผมได้เพื่อนใหม่ถูกอกถูกใจกันมากแต่ก่อนที่จะรู้จักรักใคร่กัน ก็เกือบจะได้ตะบันหน้ากัน ผมมาอยู่เมืองชลฯ สักสามเดือนเห็นจะได้ผมก็ได้พบเขา
เขาชื่อ ทวิช อุทัยชลานนท์ เป็นลูกโทนของเศรษฐีเมืองชลฯเจ้าของตลาดทั้งตลาด ไม่ต้องทำมาหากินอะไรก็มีกินไปตลอดชาติ ฉะนั้น วันทั้งวันเขาก็จะไปสิงสู่กับหมู่เพื่อนฝูง กินเหล้าตั้งแต่เช้ายันเย็น เขาจึงมีเพื่อนมาก ทั้งในเมือง และนอกเมือง
ผมได้ยินชื่อเสียงของเขาตั้งแต่มาอยู่ใหม่ๆ ผมขึ้นชื่อเขาไว้ในระบบนักเลงที่ผมจะต้องปราบ
เรื่องนักเลงนี่ผมถนัดมาแล้วตั้งแต่วัยรุ่น ถ้าคุณๆจำได้ที่ผมเขียนไว้ตอนต้นๆ เริ่มเรื่อง ผมดังแค่ไหนในย่านบางลำภู ตั้งแต่อายุเริ่มสิบห้า-สิบหก
อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้ที่คุณหลวงอดุลย์ฯ ท่านหมายมั่นส่งผมมาอยู่เมืองนักเลง หลังจากเกิดเรื่องที่วัง ล้อการถูกปลดเล่นคราวนั้น ท่านอาจจะลองดูผมว่าจะไปได้แค่ไหน
อย่างนี้ผมชอบ ผมมีเพื่อนมากเหมือนกันในเมือง เพียงมาอยู่ได้สามเดือน
คนเมืองชลฯ คบง่ายไม่มีพิษมีภัย และเขาเป็นนักเลงจริง ชนิดลอบทำร้ายไม่มี ไม่ชอบใจกัน ก็เอากันซึ่งๆ หน้า ท้าตีท้าต่อยกันไปเลย ให้เข็ดเขี้ยวกันไปข้างหนึ่ง จะได้หมดเรื่องหมดราว และเขาก็ไม่พยาบาทกัน แพ้เป็นแพ้ ยอมรับความแพ้อย่างลูกผู้ชาย นี่คือลักษณะของคนเมืองชลฯ
คนที่นั่นเมื่อผมไปอยู่ใหม่ๆ สมัยปี ๒๔๘๔ ผู้ชายที่เดินถนนต้องมีไม้ตะพดอย่างน้อย ถ้าไม่มี เขาถือว่าไอ้คนนี้เก่ง ฝีมือคงจะดี แล้วเขาก็ลองฝีมือเอา ถ้าไม่เก่งจริง ก็เสร็จไป ผู้หญิงเท่านั้นที่เดินมือเปล่าได้
ผมมีไม้ตะพดของผมสักสิบอันเห็นจะได้เวลาออกตรวจท้องที่ก็ต้องถือไปด้วย
เคยไปเที่ยวงานวัดก็ไม่เชิงเที่ยว ไปดูความเรียบร้อยมากกว่า พบคนเมาเดินคับถนน แล้วเที่ยวเปะปนชนผู้คนเขาเรื่อยไป ผมก็เข้าไปพูดกับเขาดีๆ ว่า
พี่ชายเมาก็กลับบ้านไปนอนเสีย
พอเรียก พี่ชายเท่านั้น เขาก็ตั้งตัวเป็นพี่ ยืนโงนเงน ตะคอกออกมาทันทีว่า
เฮ้ย เรื่องของกูอย่ามายุ่ง
จะไปหรือเปล่าเล่า ผมก็ถามเขาดีๆ
กูไม่ไปมึงจะทำไม แล้วเขาก็โยกตัวมองผมอยู่
ทำยังงี้ซิ ผมบอกเขาไป พร้อมกับหวดตะพดในมือเข้าที่ข้างสะเอว ซ้ายขวา ซ้ายขวา ไม่ได้นับ เสียงหนักแน่นดี
เขาลงไปนอนคลุกฝุ่นแล้วยกมือไหว้ประหลกๆ หายเมา
ไปแล้วครับไปแล้ว
แล้วเขาก็เดินตัวตรงออกจากงานไป
คุณหลวงนรินทร์ฯ รู้เรื่องนี้ ก็ชอบใจ เรียกผมขึ้นไปพบบนกองกำกับการ
ทีแรกผมนึกว่าจะโดนเล่นงาน อย่างที่เคยโดนนายเล่นงานมาแล้ว เมื่อยังอยู่นครบาล
ผู้กำกับการของผมกลับชอบใจ ท่านพูดว่า
คุณรู้จักเมืองชลฯ เร็วดี อย่างนี้อยู่ได้นาน ถ้าหนักแรง ก็บอกผม
นายอย่างนี้ ผมชอบ แล้วผมก็ออกอาละวาดในดงนักเลงทั่วเมือง
ชื่อหมวด พุฒ ดังไปถึงศรีราชา แล้ว นักเลงศรีราชา ก็อยากลองของ
เอาไว้ตอนนั้น ผมจะเล่าให้ฟัง