ผมมาได้ข่าวของผาณิตอีกครั้ง เมื่อผมย้ายมาอยู่ที่สถานีตำรวจชนะสงคราม ขณะนั้นประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะสงครามกับพันธมิตรเครื่องบินพันธมิตรมาทิ้งระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน เหตุการณ์ตอนกรุงเทพฯ โดนระเบิดผมจะเขียนให้อ่านกันตอนต่อไป
คืนวันหนึ่งเดือนหงายค้างฟ้า ซึ่งเป็นคืนที่พันธมิตรชอบ เดือนค้างฟ้าทีไร ชาวกรุงเทพฯ ก็ต้องคอยต้อนรับเครื่องบินทิ้งระเบิดของฝ่ายพันธมิตร
คืนนั้นเครื่องบินมาทิ้งระเบิดสถานีรถไฟบางกอกน้อยเสียยับเยิน
ผมก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด แล้วจะเล่าให้ฟัง เมื่อถึงตอนนั้น
เมื่อทิ้งระเบิดบางกอกน้อยเรียบร้อยแล้ว ก็ยกขบวนไปเล่นงานสถานีมักกะสัน ราบไปอีกเหมือนกัน
เมื่อเครื่องบินพันธมิตรเสร็จภารกิจกลับไปหมดแล้ว ผมก็เข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย
คืนนั้นผมฝันเห็นผาณิตกับพี่สาวคนหนึ่งของเขา มาหาผมในความฝัน ร่างกายของคนทั้งสองมีแต่เลือดโทรมกาย
ในความฝัน ผมเห็นผาณิตเดินเข้ามาใกล้ๆ ผม ใบหน้ามีรอยเหวอะหวะเลือดเต็มใบหน้าและตามร่างกาย
ผาณิตเปิดปากพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วๆ ว่า ลาก่อน เท่านั้นร่างของเขาก็เลือนหายไป
ผมตกใจตื่นจากฝันร้ายนั้น ใจคอไม่ดี แต่ก็คิดว่า มันเป็นแต่เพียงความฝัน ไม่ได้ครุ่นคิดอะไรไปมากกว่านั้น มันอาจเป็นเพราะ ผมมีใจพะวงถึงเกินไปก็ได้
เย็นวันนั้นผมต้องเข้าเวรตอนหกโมงเย็นถึงสองยาม
ประมาณสักสามทุ่มเห็นจะได้ ร้อยตำรวจเอก เลื่อน กฤษณามระ ผู้กำกับเขตของผม มาตรวจงานที่สถานีชนะสงครามมาเวรผมพอดี ผมต้อนรับ ส่งงานให้ตรวจตามความต้องการเรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับฯ เลื่อน ก็พูดขึ้นว่า
เมื่อคืนนี้ ทางมักกะสันโดนระเบิดย่ำแย่เรียบไปหมด บ้านคุณเสนาะ อยู่ที่นั่นก็โดน
คุณเสนาะที่ว่านี้ ก็คือชื่อของนายตำรวจที่เป็นสามีของผาณิต
คุณเสนาะไม่อยู่ ยังไม่กลับจากต่างจังหวัด มีอยู่กันแต่ผู้หญิง เมียคุณเสนาะกับพี่สาวลงไปหลบในหลุมหลบภัย ลูกระเบิดลงบนหลุมพอดี ตายเรียบ ไม่มีใครเหลืออยู่เลยทั้งหลุม
ตัวผมเย็นวาบแต่ยังแข็งใจถามออกไปว่า
เมียคุณเสนาะ ชื่ออะไรครับ
ผาณิต ผู้กำกับฯ เลื่อน เอ่ยชื่อออกมา น่าสงสาร
ผมนั่งนิ่งหูอื้อ นั่งเซ่ออยู่ จนไม่รู้ตัวว่า ผู้กำกับฯ ออกไปจากสถานีเมื่อไรน้ำตามันพาลจะไหล แต่ผมได้กำหนดกับตัวเองไว้แล้วตั้งแต่ยังเด็กๆ ว่า ผมจะไม่ยอมร้องไห้อีกต่อไป
ผมสะกดน้ำตาไว้ได้ด้วยกำลังใจที่ตัวเองได้กำหนดไว้ให้ตัวเองตั้งแต่คราวนั้น แต่ไอ้ก้อนกลมๆที่มันมาจุกที่คอหอย ผมห้ามมันไม่ได้
ผาณิตมาลาผมจริงๆ เมื่อคืนนี้ ในความฝัน
ผมลุกขึ้นจากโต๊ะนายร้อยเวรเดินขึ้นห้องนอน ซึ่งอยู่ชั้นบนของโรงพัก ผมนอนทั้งเครื่องแบบ ลืมตามองเพดานห้อง นิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น... นาน
เราจะละจากเรื่องนี้กลับไปเมืองชลฯ อีก ต่อจากที่เขียนค้างไว้