คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของหญ้าหนวดแมว
นานมาแล้วที่โรงพยาบาลแผนปัจจุบันในต่างประเทศ
เช่น ประเทศรัสเซีย และในยุโรปหลายประเทศ
เขารู้จัก นำหญ้าหนวดแมวมาใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
และใช้รักษาคนไข้ที่เป็นโรคไต ควบกับโรคหัวใจได้ด้วย
ฝรั่งเขาจึงตั้งชื่อหญ้าหนวดแมวว่า "ชาสำหรับโรคไต" (kidney's tea)
ความจริงหมอแผนไทยและจีน รู้จักใช้หญ้าหนวดแมว
รักษาโรคไตมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมาเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการ
ในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2528
โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์วีระสิงห์ เมืองมั่น
แห่งภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์รามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
ได้ค้นคว้าวิจัยนำหญ้าหนวดแมว มาใช้รักษาผู้ป่วยโรคนิ่ว
ในระบบปัสสาวะ เช่น นิ่วในไต นิ่วในท่อไต
และนิ่วในระบบปัสสาวะ ฯลฯ ซึ่งเป็นสาเหตุของการปัสสาวะขัด
ฉี่กะปริบกะปรอย
ก่อนอื่นเราคงต้องมารู้เรื่องนิ่วกันสักนิด
โรคนิ่วแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ "นิ่วด่าง" กับ "นิ่วกรด"
อันว่า "นิ่วด่าง" นั้นเกิดจากการกินน้ำที่มีหินปูน ซึ่งมีสภาพเป็นด่าง
ทำให้แคลเซียมจับตัวเป็นเม็ดแข็งในไต และในท่อไต
มักเป็นกันมากกับคนในภาคอีสาน
ซึ่งในแหล่งน้ำมักมีหินปูนละลายอยู่
คนอีสานดื่มน้ำน้อยอีกต่างหาก เพราะขาดแคลนน้ำ
ยิ่งทำให้เป็นโรคไตกันมากขึ้น
ศาสตราจารย์นายแพทย์อารี วัลยะเสวี
นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นด้านโภชนาการ และนายแพทย์แม็กไซไซ
เคยได้ประกาศผลการค้นคว้าว่า นิ่วด่างนั้น
ไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำหินปูนเท่านั้น
แต่การขาดอาหารโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และถั่ว
ก็มีสิทธิเป็นนิ่วที่มีแคลเซียมจับตัวเป็นก้อนได้
นิ่วชนิดนี้จะเรียกว่า "นิ่วคนจน" ก็คงไม่ผิด
เพราะส่วนใหญ่มักเป็นกับคนจน เป็นนิ่วชนิดที่คนทั่วไปรู้จักกันดี
ส่วนนิ่วอีกชนิดหนึ่งคือ "นิ่วกรด" เกิดจากการกินดีอยู่ดีมากเกินไป
จะเรียกว่า "นิ่วคนรวย" ก็ว่าได้
สมุฏฐานของโรคนั้น ตรงข้ามกับนิ่วอย่างแรก
นิ่วกรดเกิดจากกินอาหารเนื้อสัตว์มากเกินไป
ซึ่งจะก่อให้เกิดกรดชนิดหนึ่งเรียกว่า "กรดยูริก"
เมื่อมีกรดชนิดนี้มากเกินไป ก็จะทำให้เกิดโรคเกาต์ และโรคนิ่วได้
นิ่วที่เกิดจากกรดยูริกมีลักษณะร่วนเป็นทราย
ถ่ายเอ็กซเรย์ไม่ค่อยเห็น พวกที่นั่งอั้นฉี่นาน ดื่มน้ำน้อย
นิ่วชนิดนี้จะมีอาการฉี่ขัด ฉี่กะปริบกะปรอย ฉี่ไม่สุดสักที
ปัสสาวะข้น ชาสมุนไพร "หญ้าหนวดแมว"
จะเหมาะกับนิ่วชนิดนี้
ลักษณะเด่นของหญ้าหนวดแมว คือ มีดอกออกที่ยอดต้นคล้ายฉัตร
เป็นชั้นๆ มีเกสรฟูพุ่งออกไปเป็นฝอยคล้ายกับหนวดแมว
อันเป็นที่มาของชื่อ ดอกมีสีขาว หรือสีขาวอมม่วง สวยงามน่าชม
จะปลูกเป็นไม้ปะดับบ้านก็ได้ ขึ้นง่ายไม่เลือกดิน
ขอให้มีน้ำแฉะๆ ก็พอ ชอบแดดร่มรำไร
การเลือกต้นมาใช้ ควรเลือกต้นที่อวบแข็งแรง
ดูได้จากใบหนาสีเขียวเข้มเป็นมันไม่อ่อนละห้อย
วิธีเก็บและการปรุงยานั้น ขอแนะนำตำรับของ
คุณหมอวีระสิงห์ เมืองมั่น คือ
เด็ดเอาแต่ส่วนยอดของลำต้นยาวประมาณ ๑ คืบ
ส่วนนี้คือ ส่วนที่มีใบอ่อนจนถึงใบจวนแก่
จากนั้นนำยอดที่เด็ดได้มาล้างให้สะอาด ดอกไม่ใช้
หั่นก้านอ่อนที่ติดใบเป็นชิ้นยาวขนาด 1-3 ซ.ม. ใบไม่ต้องหั่น
ตากแดดจัด ๒ วันแห้งดีแล้วเก็บในขวดที่ปิดสนิท
การชงดื่มนั้นทำ เหมือนชงชาทั่วไป
(ชาหญ้าหนวดแมว 5 กรัม หรือ 1 หยิบมือกับน้ำ 3 แก้ว)
ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 เวลาก่อนอาหาร
จากการทดลองทางห้องทดลองพบว่า
หญ้าหนวดแมวมี "เกลือโปแตสเซียม"
ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ขับปัสสาวะ
และช่วยขยายหลอดไตให้กว้างขึ้น
จึงสามารถลดอาการปวดของท่อไต
ผู้ป่วยในรายที่เป็นนิ่วขนาดเม็ดมะละกอหรือเม็ดถั่วเขียว
ชาสมุนไพรตัวนี้จะช่วยขับก้อนนิ่วออกมาได้สบายมาก
หลังจากดื่มยาเพียง 3-5 วัน บางคนกินคืนนี้พรุ่งนี้เช้านิ่วก็หลุดแล้ว
ช่วยให้รอดพ้นมีดหมอไปได้
ตามธรรมดาชาสมุนไพรหญ้าหนวดแมว สามารถรักษาโรคนิ่วได้
ทั้งนิ่วจากแคลเซียมและนิ่วจากกรดยูริก
แต่เนื่องจากหญ้าหนวดแมวทำให้ปัสสาวะเป็นด่าง
จึงรักษานิ่วจากกรดยูริก ซึ่งเป็นนิ่วของคนรวยได้ดีกว่า
เพราะนิ่วชนิดนี้สามารถสลายได้ดีในด่าง
ขอบคุณข้อมูลจาก ศาสตราจารย์นายแพทย์วีระสิงห์ เมืองมั่น
ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์รามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
และศาสตราจารย์นายแพทย์อารี วัลยะเสวี
นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นด้านโภชนาการ และนายแพทย์แม็กไซไซ
#RamaChannel