วัดประจำรัชกาล ๑๐
รัชกาลแห่งราชวงศ์จักรี
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑
พระมหากษัตริย์จะทรงสร้าง
หรือบูรณปฏิสังขรณ์วัดขึ้น
เพื่อเป็นวัดประจำรัชกาล
วัดประจำรัชกาลที่ ๑ คือ
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
วัดประจำรัชกาลที่ ๒ คือ
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
วัดประจำรัชกาลที่ ๓ คือ
วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
วัดประจำรัชกาลที่ ๔ คือ
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
(เป็นพระอารามที่
พระมหากษัตริย์ทรงสร้างที่เล็กที่สุด)
วัดประจำรัชกาลที่ ๕ คือ
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
นับตั้งแต่รัชกาลที่ ๖ เป็นต้นมา
พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า
วัดนั้นมีเยอะแล้ว
และทรงเห็นความสำคัญ
ของการศึกษามากกว่า
จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง "วชิราวุธวิทยาลัย"
ขึ้นแทนวัดประจำรัชกาล
ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังทรงรับเอา
วัดบวรนิเวศวิหาร ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์
ในการบูรณปฏิสังขรณ์
หลังจากนั้น จึงได้ยึดถือเอาวัดบวรนิเวศ
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๖
ส่วนรัชกาลที่ ๗ พระองค์ก็ได้ทรงรับเอา
วัดราชบพิธ ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาล
ของสมเด็จพระบรมชนกนาถ รัชกาลที่ ๕
ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์
ในการบูรณปฏิสังขรณ์
จึงได้ถือเอาว่าวัดราชบพิธ
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๗
ด้วยอีกรัชกาลหนึ่ง
ในสมัยรัชกาลที่ ๘
เมื่อครั้งเสด็จนิวัติพระนคร
ได้เสด็จไปเยี่ยมชมวัดสุทัศน
ซึ่งพระองค์ทรงพอพระราชหฤทัย
ในบรรยากาศของวัด
และทรงมีพระราชปรารถนา
ที่จะผนวชสักพรรษาหนึ่ง
ในเวลาต่อมาจึงได้ถือเอาวัดสุทัศน
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๘
จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ ๙
ได้ทรงมีโครงการในการพัฒนาชุมชน
บริเวณบึงพระราม ๙
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดและโรงเรียนขึ้น
ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดที่สร้างอย่างเรียบง่าย
ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
คือ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษกแห่งนี้
ส่วนวัดประจำรัชกาลที่ ๑๐ นั้น
คือ วัดวชิรธรรมสาธิต
ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดเกล้าฯ
ให้รัชกาลที่ ๑๐ ตั้งแต่
ครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศ
เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
สยามมกุฎราชกุมาร
ทรงรับเอาวัดนี้ไว้ในพระราชูปถัมภ์
และพระราชทานนามว่าวัดวชิรธรรมสาธิต
ในส่วนของวัดประจำรัชกาล
ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่ง คือ
ให้ยึดถือเอาวัดที่ประดิษฐาน
พระบรมราชสรีรางคารเป็นวัดประจำรัชกาล
ซึ่งส่วนใหญ่ วัดประจำรัชกาลที่ ๑-๕
ที่ผมกล่าวไปก็มักจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
รวมไปถึงรัชกาลที่ ๗ ที่มีการอัญเชิญ
ไปประดิษฐานในวัดราชบพิธ
และของรัชกาลที่ ๘
ที่อัญเชิญไปประดิษฐาน
ในวัดสุทัศนเทพวราราม
ซึ่งหากยึดตามทฤษฎีนั้น
ก็อาจนับวัดเบญจมบพิตร
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๕ อีกวัดหนึ่งได้ด้วย
เพราะพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์
ประดิษฐานที่นั่น แต่จริง ๆ แล้ว
วัดเบญจมบพิตรเป็นวัดที่รัชกาลที่ ๕
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อผาติกรรมแทนวัด
ที่ถูกกินพื้นที่ไปในคราวสร้างพระราชวังดุสิต
และชื่อวัดก็มีที่มาจากเจ้านาย ๕ พระองค์
ที่ร่วมกันสร้างวัดขึ้น
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ แล้ว
พระบรมราชสรีรางคารของรัชกาลที่ ๖ เอง
ก็มีการอัญเชิญไปประดิษฐาน
ที่ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์
ซึ่งหากยึดตามทฤษฎีสถานที่ประดิษฐาน
พระบรมราชสรีรางคาร
ก็สามารถยึดเอาวัดพระปฐมเจดีย์
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๖ ได้อีก
ในส่วนของวัดประจำรัชกาลที่ ๙
ยังมีอีกวัดที่คนมักกล่าวว่า
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๙ คือ
วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี
แต่นั้นเป็นวัดที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง
เพื่อถวายเป็นอนุสรณ์แด่
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก
หากนับวัดที่สร้างตามพระราชดำริ
ของพระองค์จริง ๆ
ก็ควรจะเป็นวัดพระราม ๙
กาญจนาภิเษก มากกว่า
ขอขอบคุณเจ้าของเครดิตต่ะ
ขอบคุณที่มา fb. ราชบัลลังค์จักรีวงค์
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ