วันเสด็จเตี่ย "วันอาภากร "
๑๙ ธันวาคม วันคล้ายวันประสูติ
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
องค์บิดาของทหารเรือไทย
เป็นเจ้านายที่มีบุคคล ให้ความเคารพ
สักการะ เป็นจำนวนมาก
วัดจากจำนวน พระอนุสาวรีย์
และศาลมากที่สุดพระองค์หนึ่งของไทย
ปัจจุบัน มีมากกว่า ๕๐๐ แห่ง ทั่วประเทศ
พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้า อาภากรเกียรติวงศ์
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ทรงมีพระนามเดิมว่า
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๒๘
ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ ๑
ในเจ้าจอมมารดาโหมด
ประสูติเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๒๓
ในพระบรมมหาราชวัง
เสด็จเตี่ย เป็นเจ้านายพระองค์แรก
ที่สำเร็จการศึกษา วิชาการทหารเรือ
จากประเทศอังกฤษ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงมีพระราชดำริว่า กิจการทหารเรือไทย
เท่าที่เป็นอยู่ ในขณะนั้น
ต้องอาศัยชาวต่างชาติ เป็นผู้บัญชาการเรือ
และป้อม อยู่เป็นอันมาก
จึงไม่สู้จะมีความมั่นคงเท่าใดนัก
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงเห็นความสำคัญ และโปรดเกล้าฯ
พระราชทาน พระราชวังเดิม
ให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ
พระองค์ได้แก้ไขปรับปรุง ระเบียบการ
ในโรงเรียนนายเรือ ให้ทันสมัย
เพื่อให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษา
จากโรงเรียนนายเรือเป็นนายเรือที่มีความรู้
ความสามารถ เทียบได้กับ
นายทหารเรือต่างประเทศ
จากการที่พระองค์ทรงเป็นนักยุทธศาสตร์
ที่เล็งเห็นการณ์ที่ไกล
พระองค์ได้ทูลเกล้าขอพระราชทาน
ที่ดินบริเวณอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้พระราชทานที่ดิน ที่สัตหีบให้แก่กองทัพเรือ
เพื่อจัดตั้งเป็นฐานทัพเรือ เมื่อปี ๒๔๖๕
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ทรงเป็น ผู้บังคับการเรือนำเรือหลวงพระร่วง
จากประเทศอังกฤษ เข้ามายังกรุงเทพมหานคร
นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทย
เดินเรือได้ไกลข้ามทวีป
ทรงจัดตั้งกองการบินทหารเรือ
ทรงเปลี่ยนสีเรือรบ ของทหารเรือจากสีขาว
เป็นสีหมอกให้เหมือนกับ เรือรบต่างประเทศ
เพื่อให้เกิดความกลมกลืน
กับลักษณะของสีน้ำทะเล และภูมิประเทศ
ด้านการดนตรี เพลงพระนิพนธ์
ของ เสด็จในกรมฯ ทุกเพลง
จะมีเนื้อหาปลุกใจให้มีความรักชาติ
กล้าหาญ ยอมสละชีวิตเพื่อชาติ
โดยเพลงปลุกใจของพระองค์
นับว่าเป็นเพลงอมตะของทหารเรือ
ด้านการแพทย์แผนโบราณ
พระองค์ทรงศึกษา ค้นคว้าอย่างจริงจัง
ทรงเขียนตำรายาแผนโบราณ
ลงในสมุดข่อยด้วยฝีพระหัตถ์ ของพระองค์เอง
โดยทรงตั้งชื่อตำรายาเล่มนี้ว่า
"พระคัมภีร์อติสาระวรรคโบราณะกรรม
และปัจจุบันนะกรรม"
นอกจากนั้นยังได้ทรงรักษา
โรคภัยไข้เจ็บแก่คนทั่วไป
โดยมิได้คิดค่ารักษา หรือค่ายาแต่อย่างใด
จนเป็นที่นับถือของบุคคลทั่วไป
และถวายพระนามพระองค์ท่านว่า
"หมอพร"
เสด็จเตี่ย ได้กราบบังคมทูลลา ออกจากราชการ
เพื่อพักผ่อนรักษาพระองค์ เมื่อปี ๒๔๖๖
เนื่องจาก พระองค์ทรงมีสุขภาพไม่สมบูรณ์
และประชวร พระโรคภายในอยู่ด้วย
โดยทรงประทับอยู่ ด้านใต้ปากน้ำ เมืองชุมพร
ขณะที่พระองค์ประทับอยู่นี้
ก็เกิดพระโรคหวัดใหญ่ เนื่องจากถูกฝน
ทรงประชวรอยู่เพียง ๓ วัน ก็สิ้นพระชนม์
ที่ ตำบลหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร
ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖
สิริพระชนมายุ ได้ ๔๔ พรรษา
คำสาปแช่งที่กี่ร้อยปี ยังศักดิ์สิทธิ์
" วันอาภากร" หรือวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์
ของ "พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์"
นึกถึงบันทึกของ "เสด็จเตี่ย" ที่ลือลั่น
ทรงบันทึกเอาไว้ก่อนสิ้นพระชนม์
โดยมีข้อความดังนี้
"กูกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์"
ผู้เป็นโอรสของ พระปิยะมหาราช
ขอประกาศให้พวกรับรู้ไว้ว่า
แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเลือด
เอาเนื้อ เอาชีวิตเข้าแลกไว้...
อีมันผู้ใด คิดบังอาจทำลายแผ่นดิน
ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ฤๅ กระทำการทุจริตก่อให้เกิด
ความเดือดร้อนต่อส่วนรวม
จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว
ก่อนที่กูจะสั่งทหาร ผลาญสิ้นทั้งโคตร
ให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยาม อันเป็นที่รักของกู
ตราบใดที่คำว่า "อาภากร" ยังยืนหยัดอยู่ในโลก
กูจะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู
ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา
แผ่นดินใดให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข
มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น.
ขอบคุณที่มา fb. Anna Jill