Group Blog
All Blog
### ตำนานวันสารทจีน ###


















สารทจีนปีนี้ตรงกับวันที่ 28 สิงหาคม 2558

ตามปฏิทินทางจันทรคติของจีน เดือน 7 ถือเป็นเดือนสำคัญ

 ที่ลูกหลานจะแสดง ความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยพิธีเซ่นไหว้

และยังถือเป็นเดือนที่ ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลาย

มารับกุศลผลบุญได้ ชาวจีนจึงมีการเซ่นไหว้

ด้วยของไหว้ สารทจีน ชาวจีนจึงเรียกวันนี้ว่า

 GuiJie หรือ Wangren Jie จึงแปลว่า

เทศกาลเซ่นไหว้ผู้ซึ่งล่วงลับไปแล้ว

ตำนานวันสารทจีน

....................

ตำนานแรก.....

 วันสารทจีนเป็นวันที่เซ็งฮีไต๋ตี๋ (ยมบาล)

จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์

 และส่งวิญญาณร้ายลงนรก

ชาวจีนทั้งหลาย รู้สึกสงสารวิญญาณร้าย

จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ เพื่อให้วิญญาณร้าย

ออกมารับกุศลผลบุญนี้ จึงต้องมีการเปิดประตูนรกนั่นเอง

ตำนานหลัง........

 มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมีนามว่า “มู่เหลียน”

เป็นคนเคร่งครัด ในพุทธศาสนามาก

ต่างจากมารดาที่เป็นคนใจบาปหยาบช้า

 ไม่เคยเชื่อเรื่องนรก- สวรรค์มีจริง

 ปีหนึ่งในช่วงเทศกาลกินเจ

นางเกิดความหมั่นไส้ คนที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลกินเจ

 นางจึงให้มู่เหลียนไปเชิญผู้ถือศีลกินเจเหล่านั้น

 มากินอาหารที่บ้านโดยนางจะทำอาหารเลี้ยงหนึ่งมื้อ

ผู้ถือศีลกินเจ ต่างพลอยยินดี ที่มารดาของมู่เหลียน เกิดศรัทธา

ในบุญกุศลครั้งนี้ แต่หาทราบไม่ว่าในน้ำแกงเจนั้น

 มีน้ำมันหมูเจือปนอยู่ด้วย ถือว่าเป็นกรรมหนัก

เมื่อตายไปจึงตกนรกอเวจี มหานรกขุมที่ 8 เป็นนรกขุมลึกที่สุด

 ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส

เมื่อมู่เหลียนคิดถึงมารดา ได้ถอดกายทิพย์ลงไป ในนรกภูมิ

จึงได้รู้ว่ามารดา กำลังอดอยาก จึงป้อนอาหารแก่มารดา

 แต่ได้ถูกบรรดาภูตผี ที่อดอยากรุมแย่งไปกินหมด

และเม็ดข้าวสุกที่ป้อนนั้น กลับเป็นไฟเผาไหม้ริมฝีปาก

ของมารดาจนพอง

แต่ด้วยความกตัญญู และสงสารมารดา

ที่ได้รับความทุกข์ทรมาน อย่างสาหัส

มู่เหลียน ได้เข้าไปขอพญาเหงี่ยมล่ออ๊อง (ท้าวมัจจุราช)

รับโทษแทนมารดา

ก่อนที่มู่เหลียนจะถูกลงโทษ ด้วยการนำร่างลงไปต้ม

 ในกระทะทองแดง พระพุทธเจ้าได้เสด็จ ลงมาโปรดไว้ได้ทัน

 โดยกล่าวว่ากรรมใดใครก่อ ก็ย่อมจะเป็นกรรมของผู้นั้น

 และพระพุทธเจ้า ได้มอบคัมภีร์อิ๋ว หลันเผิน ให้มู่เหลียนท่อง

 เพื่อเรียกเซียนทุกทิศทุกทางมาช่วย ผู้มีพระคุณ

ให้หลุดพ้นจากการอดอยาก และทุกข์ทรมานต่างๆ ได้

โดยที่มู่เหลียนจะต้องสวดคัมภีร์อิ๋ว หลันเผิน

และถวายอาหารทุกปี ในเดือนที่ประตูนรกเปิด

 จึงจะสามารถช่วยมารดาให้พ้นโทษได้

ชาวจีนจึงได้ถือเป็นประเพณี ปฏิบัติสืบต่อมา

 ด้วยการเซ่นไหว้ โดยจะนำอาหารทั้งคาวหวาน

 และกระดาษเงินกระดาษทอง ไปวางไว้ที่หน้าบ้าน

หรือตามทางแยกที่ไม่ไกลนัก

มีนัยว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของบรรดาวิญญาณเร่ร่อน

 ที่กำลังจะผ่านมาใกล้ที่พัก ของตน

กิจกรรมวันสารทจีน

.............

การเผากระดาษเงินกระดาษทอง ให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปนั้น

 ก่อนเผากระดาษ ต้องนำหินปูนมาขีด

เป็นวงกลมซ้อนกัน 3-4 วงตรงลานบ้าน

ที่จะใช้เผากระดาษ แล้วนำกระดาษเงินกระดาษทอง

 วางไว้ให้อยู่ในวงกลม วงในสุดที่ขีดไว้

ด้วยความเชื่อว่าวงกลมที่วงไว้โดยรอบ

จะกันมิให้ผีไร้ญาติมาแย่งชิง เอากระดาษเงินกระดาษทองไปได้

 หลังจากนั้น จึงเผากระดาษเงินกระดาษทองที่เตรียมไว้

ขณะที่เผาก็กล่าวเชิญบรรพบุรุษที่ล่วงลับไป

ให้มารับเงินทองที่เผาไปให้

หลังจากเผากระดาษ ในเส้นวงกลมหมดแล้ว

 ยังต้องนำกระดาษเงินกระดาษทอง อีกชุดหนึ่ง

มาวางไว้นอกเส้นวงกลม แล้วเผาเพื่อแผ่ส่วนบุญให้แก่ผีไร้ญาติ

คนจีนในบางถิ่นจะไปทำพิธีเซ่นไหว้ ที่สุสานของบรรพบุรุษ

ในตอนบ่าย หรือทำพิธีเซ่นไหว้ที่บ้าน

แต่สิ่งที่ขาดมิได้ก็คือ ทุกครัวเรือน ต้องจัดอาหารอย่างดีโต๊ะหนึ่ง

เซ่นไหว้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นการเลี้ยงส่ง

 ก่อนที่วิญญาณผู้ล่วงลับ ทั้งหลายจะกลับไปยังภพของตน

อาหารที่จัดเซ่นไหว้วันสารทจีน นอกจากหมูเห็ดเป็ดไก่แล้ว

มักมีอีก 4 อย่าง คือ ซาลาเปา เกี๊ยวแบบเกี๊ยวจีน

หมานโถว หมั่นโถว และ แอปเปิ้ล

 ในสมัยก่อน เมื่อยังเป็นสังคมเกษตรกรรม

จะมีการนำกิ่งธัญพืช 5 อย่าง

เช่น ข้าว ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ถั่ว มาผูกรวมเป็นพู่

 แล้วปักไว้เหนือประตูหน้าบ้าน เป็นสัญลักษณ์แทนม้า

 เพื่อว่าเมื่อเสร็จพิธีเซ่นไหว้ และการเลี้ยงส่งแล้ว

 บรรพบุรุษก็จะได้ขี่ม้า กลับไป

เป็นการอำนวยความสะดวก ในการเดินทาง

การไหว้ในเทศกาลสารทจีน ต่างจากการไหว้ในเทศกาลอื่น

ที่แบ่งการไหว้ออกเป็น 3 ชุด

1. ชุดสำหรับไหว้เจ้าที่ จะไหว้ในตอนเช้า

มีอาหารคาวหวาน ขนมที่ไหว้ ขนมถ้วยฟู กุยช่าย

ส่วนขนมไหว้พิเศษ ที่ต้องมีซึ่งเป็นประเพณี ของสารทจีน

 คือขนมเทียน ขนมเข่ง ซึ่งต้องแต้มจุดสีแดงไว้ตรงกลาง

เนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อ ว่าสีแดงเป็นสีแห่งความเป็นศิริมงคล

นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงินกระดาษทอง

2. ชุดสำหรับไหว้บรรพบุรุษ

คล้ายของไหว้เจ้าที่ พร้อมด้วยอาหารที่บรรพบุรุษชอบ

 ตามธรรมเนียม ต้องมีน้ำแกงหรือขนมน้ำใสๆ วางข้างชามข้าวสวย

 และน้ำชาจัดชุดตามจำนวน ของบรรพบุรุษ

ขาดไม่ได้ก็ คือขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้

และกระดาษเงินกระดาษทอง

3. ชุดสำหรับไหว้วิญญาณเร่ร่อน หรือวิญญาณไม่มีญาติ

 วิญญาณเร่ร่อน หรือวิญญาณไม่มีญาติ เรียกว่า ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋

แปลว่า ไหว้พี่น้องที่ดี เป็นการสะท้อนความสุภาพ

และให้เกียรติของคนจีน เรียกผีไม่มีญาติว่า พี่น้องที่ดีของเรา

 โดยการไหว้จะไหว้นอกบ้าน

ของไหว้จะมีทั้ง ของคาวหวานและผลไม้ ตามต้องการ

ที่พิเศษคือมีข้าวหอม แบบจีนโบราณ คอปึ่ง

เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา

และกระดาษเงินกระดาษทองจัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้

ในสมัยโบราณชาวจีนใช้ขนมไหว้ 5 อย่าง เรียกว่า โหงวเปี้ย

หรือเรียกชื่อเป็นชุดว่า ปัง เปี้ย หมี่ มั่ว กี ได้แก่

1. ปัง คือขนมทึงปัง เป็นขนมที่ทำมาจากน้ำตาล

 2. เปี้ย คือขนมหนึงเปี้ย คล้ายขนมไข่

3. หมี่ คือขนมหมี่เท้า ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า ข้างในไส้เต้าซา

 4. มั่ว คือขนมทึกกี่ เป็นขนมข้าวพองสีแดง ตรงกลางมีไส้เป็นแผ่นบาง

 5. กี คือขนมทึงกี ทำเป็นชิ้นใหญ่ยาว เวลาจะกินต้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆ

ชาวไทยเชื้อสายจีน นิยมใช้ขนมเทียน ขนมเข่งในการไหว้

 โดยหลักของที่ไหว้ก็จะมีของคาว 3 หรือ 5 อย่าง

เช่น ไก่ หมู เป็ด ไข่ หมึก ปลา เป็นต้น

 ของหวาน 3 หรือ 5 อย่าง เช่น ขนมเทียน ขนมมัดไต้ ขนมถ้วยฟู

หรือขนมสาลี่ปุยฝ้าย ขนมเปี๊ยะ ส้ม หรือผลไม้ตามใจชอบ














ขอบคุณที่มาจาก fb. Siriwanna Jilla
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ




Create Date : 28 สิงหาคม 2558
Last Update : 28 สิงหาคม 2558 11:26:15 น.
Counter : 1253 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ