ไปเที่ยว ไปกินกันนะคะ ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะชมค่ะ
 
Kachikachi-yama Ropeway Red line No.11 ที่ Kawaguchiko ประเทศญี่ปุ่น อัฟเดทปี 2015

มาเที่ยว Kawaguchiko นั่งรถรีโทบัสแนว Red line
มาลงที่หมายเลข 11 คือ Tenjo-yama park
Kachikachi-yama Ropeway
( คะชิคะชิ kachikachi แปลว่า แคร๊กๆ เหมือนเสียงเอาหินมากระทบกัน)
แนะนำให้มาลงดูทิวทัศนียภาพรอบๆ Kawaguchiko
ที่ได้มุมสวยสุด ค่ะ





ราคาขึ้นล๊อฟเวย์ ขึ้นและลง 720 yen( ถ้าลงเรือที่ทะเลสาปด้วย 2,000 yen )
เด็กเล็กเกิน 100 เซ็นติเมตร เสียค่าเข้า 360 yen
ใช้เวลาขึ้นไปแค่ 3 นาที และลง 3 นาที
ขึ้นไปตรงจุดสูงสุดเป็นลานกว้าง
สามารถถ่ายรูป เห็นฟูจิเป็นมุมสวยด้วย

ทางขึ้นไป Ropeway หลังจากลงจากรถบัส



จะมีเจ้าแรคคูน กับ เจ้ากระต่าย เป็นนิทานของญี่ปุ่นโชว์อยู่
แรคคูน ภาษาญี่ปุ่น ว่า ทะนุกิ
กระต่าย ภาษาญี่ปุ่น ว่า อูสะกิ







ซื้อตั๋วราคา 720 yen



หน้าตาเคเบิ้ลคาร์ มีตัวการ์ตูนกระต่าย แบกหาม





ตอนอยู่ภายในเคเบิ้ลคาร์ คนที่อยู่ติดกระจกด้านหน้าได้เปรียบหน่อย
ได้เห็นวิวถนัดชัดเจน





ขากลับ ลงมา



ใครสนใจ ทำตราเหรียญของ Ropeway ด้วยตนเอง
เสียค่าทำ 200 yen จะได้ 1 เหรียญ ไว้เป็นที่ระลึกค่ะ



ป้าซิ่งจะเล่านิทานเกี่ยวกับ เรื่อง แร๊คคูน กับ กระต่าย ให้ฟังค่ะ
เครดิตนิทานเรื่องนี้ได้มาจาก หนังสือคู่สร้าง คู่สม
ฉบับที่ 909 ปีที่ 36 ศ. 10 ก.ค. 2558

มาถึงเคเบิ้ลคาร์ที่ Tenjo-yama park แห่งนี้
เราจะเห็นว่ามีรูปปั้น แรคคูนและกระต่ายอยู่
เล่าคร่าวๆล่ะกันนะคะ



นานแสนนานมาแล้ว
ณ ยอดเขาอันไกลโพ้น ห่างไกลจากบ้านเรือนและผู้คน
มีชาวนาสองสามีภรรยาผู้ชราตรากตรำทำงานกันในพี้นที่นาของเขา
ทั้งสองไม่มีเพื่อนบ้านเลย เพราะไม่มีใครดั้นด้น
ขึ้นมาปลูกที่พักอาศัยบนภูเขาแห่งนี้

เพื่อนบ้านของเขาทั้งสองมีเพียงเจ้า " ทะนุกิ " หรือแรคคูนตัวร้ายนิสัยเสีย
คอยแต่จะกัดกินทำลายพืชผลของชาวนาเฒ่า
จนเป็นเอือมระอาของสามีภรรยาผู้ชรา เขาบ่นอยู่
ว่าถึงเวลาจัดการมันเสียแล้ว

ชาวนาชราตัดสินใจ แล้วเขาก็วางแร้วดักไว้บริเวณไร่
แต่วันแล้ววันเล่า เจ้าทะนุกิตัวร้ายก็ไม่ติดบ่วงสักที
จนในที่สุดวันหนึ่งโชคเป็นของเขา
เมื่อเจ้าทะนุกิมาติดบ่วงเข้าจนได้

ชาวนากระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความยินดี
เขาจับศัตรูตัวร้ายมัดขาแล้วนำกลับบ้าน ผูกขามันไว้อย่างดี
ห้อยไว้กลางครัว เพื่อรอทำอาหารมื้อต่อไป
แล้วจึงออกไปทำสวนต่อ ชาวนาชราหันมาร้องสั่งเมีย
โดยไม่นึกสังหรณ์ใจเลยว่า นั่นเป็นครั้งสุดท้าย
ที่ได้มองหน้าหญิงชราภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก

" ยายเอ๊ย! กว่าจะจับมันได้เหนื่อยชะมัด
อย่าปล่อยให้มันหลุดไปได้ล่ะ เย็นนี้
ช่วยเอามันทำซุปให้ที อยากจะซดซุปทะนุกิร้อนๆ
ฉลองตอนกลับจากสวนสักหน่อย "
ชายชราร้องสั่งก่อนออกจากบ้านไป

เจ้าทะนุกิตัวร้ายได้ยินทั้งหมด ทั้งๆที่ถูกมัดห้อยหัว
สมองมึนตึ้บ แต่มันก็คิด คิด คิด แล้วก็คิด
เพื่อหาทางรอดให้ได้ ก่อนจะกลายเป็นซุปในคืนนี้

มันคิดแล้วคิดอีก มองฟ้า มองต้นไม้เขียวๆ
มองทุ่งนาที่มันเคยวิ่ง มองใบหน้าอันอิดโรย
เต็มไปด้วยร่องรอยเหี่ยวย่นของภรรยาชาวนา
ที่กำลังยกท่อนสากใหญ่ตำข้าวอยู่อย่างช้าๆแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า

" ยายจ๋า ฉันเห็นยายแล้วน่าสงสารจัง ยายดูเหนื่อยจังเลย
ฉันอยากช่วยผ่อนแรงยายบ้าง ถ้ายายปลดฉันลงมานะ
ยายก็คงจะได้พักแขนที่เมื่อยล้านั่น
แขนอันแข็งแรงของฉันจะช่วยยายตำข้าวต่อเอง "

" ขอบใจเหลือเกินเจ้าทะนุกิ แต่ยายให้เจ้าช่วยไม่ได้หรอก
เพราะต้องผูกเจ้าไว้ ถ้าสามียายกลับมาแล้วเห็นว่ายาย
ปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ เขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ "
ภรรยาชาวนาชราผู้มีจิตใจดี มิได้ระแวงต่อสิ่งใดตอบ

เจ้าทะนุกิจอมเจ้าเล่ห์ไม่ละความพยายาม
คราวนี้มันทำหน้าละห้อย พร้อมกับส่งเสียงอ้อนวอน

" ยายเชื่อใจฉันเถอะ ฉันเพียงแต่สงสารยายเท่านั้น
แค่ยายปลดฉันลง ฉันรบรองว่าจะไม่หนี จะช่วยยายตำข้าว
จนเสร็จก่อนสามียายจะกลับเสียอีก พอเขาใกล้จะมา
ยายก็แค่มัดฉันห้อยไว้เหมือนเดิมก็ได้นี่จ๊ะ
แต่ฉันห้อยอยู่อย่างนี้ ปวดหัวเหลือเกินแล้ว
ถ้ายายไม่เชื่อฉัน ช่วยแก้มัดฉันลงประเดี๋ยวเดียวก็พอจ๊ะ "

ด้วยความที่ยายเป็นคนเห็นใจผู้อื่น และ เข้าใจถึงความเหนื่อยล้า
ที่ตนเองประสบอยู่ หญิงชรามองเจ้าทะนุกิที่ถูกเชือกมัดตึง
จนเกือบจะบาดถึงหนังอยู่แล้ว
ด้วยความสงสาร ในที่สุดเธอก็แก้มัดให้มัน

ทันทีที่ปลดเจ้าทะนุกิลงถึงพื้น มันก็ขอสากตำข้าว
ซึ่งดูเหมือนจะทำตามที่รับปาก แต่ทันใดนั้นเอง
เมื่อหญิงชราหันหลังให้เพื่อไปนั่งพักสักชั่วครู่
เจ้าตัวร้ายก็ใช้สากตำข้าวฟาดเข้าที่หัวของหญิงชราจนล้มคว่ำ
และตีเธอจนตาย มันเชือดเธอ
แล่เป็นชิ้นๆซ่อนกระดูกไว้ใต้พื้นกระดานไม้ไผ่
จากนั้นก็นำเนื้อของหญิงชราไปทำซุปแทน

.................. แล้วมันก็เฝ้ารอ ........................

ย่ำค่ำตะวันเกือบจะตกดิน ชาวนาชราผู้เหนื่อยล้าเสร็จจากงานในไร่
ก็กลับมาถึงบ้าน เจ้าทะนุกิปีศาจร้าย แปลงกายได้
เมื่อเอาใบไม้แปะที่หน้าผาก มันกลายร่างเป็นหญิงชราออกมาจากครัว
แล้วยกซุปร้อนๆมาให้ชาวนาซดกิน

ด้วยความหิวโหยและเหน็ดเหนื่อย ชาวนาไม่คิดแม้สักนิดว่า
เรื่องร้ายจะเกิดขึ้นได้ เขาสะบัดรองเท้าทิ้ง แล้วก็ตรงดิ่งเข้าไป
นั่งจัดการกับข้าวร้อนๆและซุปแสนอร่อยนั้นอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เขาซดซุปอีกสุดท้ายลงท้อง
เจ้าปีศาจร้ายที่กลายร่างเป็นหญิงชราก็กลับ
มาเป็นตัวทะนุกิอย่างเดิม พร้อมส่งเสียงร้อง

" ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าคนแก่กินซุปเมีย เจ้าคนแก่กินซุปเมีย
ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ดูเนื้อกับกระดูกใต้พื้นสิ "

มันร้องท้าพร้อมหัวเราะเยาะเย้ย
ก่อนจะวิ่งจู๊ดหนีหายเข้าไปในป่าทันที

ชาวนาผงะ เขารีบทิ้งชามซุป รู้สึกงงงันกับสิ่งที่เห็น
และเมื่อจับต้นชนปลายได้ว่ากินซุปเนื้อเมียตัวเอง
เขาก็ร้องไห้คว่ำครวญจนสลบไปในที่สุด

พักใหญ่ทีเดียว กว่าชายชราผู้น่าสงสารจะฟื้นขึ้นมา
เชาได้คร่ำครวญอยู่อย่างนั้นทุกเมื่อเชื่อวันเหมือนคนไร้สติ
จนร่างกายผ่ายผอม เขาคร่ำครวญ ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้
ทุกๆครั้งที่นึกได้ว่าภรรยาผู้ชราของเขาได้จากไปแล้ว
ด้วยฝีมือของเจ้าทะนุกิปีศาจร้าย

ไม่ไกลจากกระท่อมของชาวนา มี " กระต่าย "
ผู้รักความยุติธรรมและใจดีอยู่ตัวหนึ่ง
ถึงแม้ไม่เคยปรากฏตัว แต่หลังจากได้ยินเสียงคร่ำครวญอยู่หลายวัน
วันหนึ่งกระต่ายก็มาเยี่ยม และทันทีที่รู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไร
กระต่ายก็รับปากว่าจะช่วยชาวนาเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น

กระต่ายกลับไปที่บ้านและเริ่มคิดแผนการลงโทษเจ้าทะนุกิ

วันต่อมาอากาศสดใส กระต่ายออกตามหาเจ้าทะนุกิ ในทุ่งก็แล้ว
บนพื้นหญ้าก็แล้ว ในสวนบนเขาก็แล้ว ไม่มีวี่แววของเจ้าทะนุกิเลย
จนในที่สุดก็พบเจ้าตัวร้ายขุดหลุมเล็กๆซ่อนตัวอยู่ด้านในสุดของถ้ำ
เพราะหลังจากมันฆ่าเมียชาวนา มันก็หนีไปซ่อน
และไม่กล้าออกไปไหนอีกเลย ด้วยกลัวจะติดบ่วงแร้วของชาวนาเข้าอีก

" อากาศช่างสดใสอะไรอย่างนี้ เจ้าน่าจะออกมาสูดอากาศบ้างนะ เจ้าทะนุกิ '
กระต่างแกล้งร้องเรียก
" ข้าว่าจะขึ้นไปตัดหญ้าแสนอร่อยที่บนเขามาไว้กินเสียหน่อย " กระต่ายยั่ว

เจ้าทะนุกิไม่ได้ระแวงใดๆเลย เพราะนึกว่า กระต่ายอยากเป็นเพื่อน และ
ด้วยไม่กล้าออกไปไหนนานแล้ว มันคิดว่า ถ้าได้ไปไกลๆ
จากที่ชาวนาอยู่ก็คงจะดี จึงตกลงไปตามคำชวนด้วยความเต็มใจ

ทั้งสองตัดหญ้าได้มากมายเพื่อตุนไว้เป็นอาหารยามฤดูหนาว
หลังจากมัดหญ้าแบกขึ้นหลัง ระหว่างทางกลับบ้านกระต่ายก็คิดแผนได้
มันให้ทะนุกิเดินหน้า ส่วนมันก็เดินตามหลัง

กระต่ายคิดจะเผาทะนุกิด้วยหญ้า ที่แบกไว้บนหลัง
มันหยิบหินที่เตรียมไว้กระแทกเข้าด้วยกันให้เกิดประกายไฟ
แล้วจ่อเชื้อไฟเข้ากับหญ้าที่ทะนุกิแบกอยู่

' เสียงอะไรน่ะ "
เจ้าทะนุกิสงสัย เมื่อได้ยินเสียง " คะชิ คะชิ " ( แคร๊ก ๆ )
" เสียงของยอดเขาไง เพราะว่าเราอยู่ใกล้ยอดเขา " กระต่ายหลอก

นั่นเป็นที่มาของชื่อยอดเขา คะชิ - คะชิ ยามะ
(ยามะ แปลว่า ภูเขา) นับแต่นั้นมา

กว่าจะรู้ตัว ไฟก็ลุกโซนติดหญ้าและเผาหลังของเจ้าทะนุกิ
ไหม้เหวอะหวะ มันลงไปดิ้นร้องทุรนทุราย
กว่าไฟจะมอดดับลงได้เจ้าทะนุกิก็สาหัสพอดู

กระต่ายพามันลงมาจากยอดเขา
กลับไปที่ถ้ำด้วยการทำทีเป็นเห็นใจ
และ บอกว่าจะไปหายารักษาแผลมาให้

ด้วยความเจ็บแค้นแทนชาวนา กระต่ายก็แก้แค้นด้วยการ
ใช้พริกสดสีแดงมาบดแล้วหลอกว่าเป็นยาสมานแผล
หลังจากทาไปทั่วแผ่นหลังเจ้าทะนุกิ
ซึ่งอดทนด้วยความเชื่อว่ามันจะหาย
เจ้าทะนุกิก็ต้องชดใช้เวรกรรมด้วยความเจ็บปวดอยู่นานนับเดือน
แต่ผลจากการทาพริกสดก็ทำให้มันหายดีจนได้

หลังจากนั้น วันหนึ่งกระต่ายมาเยี่ยมพร้อมแผนแก้แค้นในใจ
กระต่ายแสร้งเล่าเรื่องไปตกปลาในทะเลสาบ มันเล่าถึง
ความสุขยามตกปลาที่ท้องทะเลสดใสไร้คลื่นลม

ได้ผล เจ้าทะนุกิอ้อนวอนขอให้พามันไปด้วยในครั้งต่อไป

กระต่ายรีบกลับบ้าน มันสร้างเรือขึ้นสองลำ
ลำหนึ่งทำด้วยไม้ ส่วนอีกลำทำด้วยโคลนแข็งแต่เหมือนไม้
กระต่ายเก็บเรือไม้ไว้ให้ตัวเอง และให้เรือโคลนแก่ทะนุกิไป
ัทั้งสองล่องเรือออกไปได้สักพัก กระต่ายก็ออกอุบาย
ให้พายเรือแข่งกันว่าใครจะไปถึงกลางทะเลสาบก่อนกัน
ทะนุกิหลงกลจ้วงพายแข่งกับกระต่าย
สักพักก็ถึงกลางทะเลสาบลึก
เรือโคลนของทะนุกิก็เริ่มละลายแยกออกเป็นชิ้นๆ
เจ้าทะนุกิร้องให้ช่วย กระต่ายได้ที จึงร้องบอกไปว่า

" นี่เป็นการแก้แค้นให้แก่ยายผู้ใจดี ที่ช่วยเจ้า
แต่เจ้ากลับเนรคุณ ทะนุกิ เจ้าจงตายเพื่อชดให้กรรมเสียเถอะ "
จบคำกระต่ายก็กระหน่ำตีเจ้าทะนุกิด้วยไม้พาย

ช่วงขณะแห่งวาระสุดท้ายนั่นเอง
เจ้าทะนุกิรู้ตัวว่าหมดโอกาสเสียแล้ว
มันจงนึกถึงตอนกระหน่ำตีหญิงชราด้วยสากตำข้าว
ในลมหายใจสุดท้ายก่อนจะดิ่งลงห้วงน้ำหายไป
อย่างไม่มีโอกาสจะโผล่มาสูดอากาศได้อีกเลย





Create Date : 15 กันยายน 2558
Last Update : 15 กันยายน 2558 11:24:12 น. 0 comments
Counter : 2456 Pageviews.
 
 

ป้าซิ่ง Naomichan
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




........หลังไมค์ถึงป้าซิ่งค่ะ.........
[Add ป้าซิ่ง Naomichan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com