Business, Management, Skill, Experiences--แลกเปลี่ยน เรียนรู้ แบ่งปัน ประสบการณ์ บริหาร และอื่น ๆ
Group Blog
 
All blogs
 

แนะนำสถานที่ทำบุญ ... (ให้ได้บุญ ... ในความคิดของเรา)


แนะนำสถานที่ทำบุญ ... (ให้ได้บุญ ... ในความคิดของเรา)




เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสไปทำบุญ และเห็นว่าเป็นสถานที่น่าทำบุญ

จึงอยากแนะนำให้ทุกคน


สถานที่: มหาวิทยาลัยมหาวชิราลงกรณ ราชวิทยาลัย (มหาวิทยาลัยสงฆ์)
ที่ตั้ง : อ. วังน้อย จ. พระนครศรีอยุธยา (ใกล้แยก ถนนวงแหวนตะวันออก กับ ถนน มิตรภาพ)

สังฆทาน หรือ สิ่งของที่ควรนำไปถวายพระ (ผมแนะนำเองนะครับ)
1. เครื่องเขียน อุปกรณ์เพื่อการศึกษา เช่น ปากกา, สมุด, กระดาษ A4 ฯลฯ
2. เครื่องใช้ที่จำเป็น เช่น ไม้กวาด, พรมเช็ดเท้า ฯลฯ
3. ยาสามัญประจำบ้าน และอื่น ๆ (ตามที่ท่านต้องการถวาย)

เหตุผล: พระ หรือ เณรที่นี่ มี 2 ประเภท คือ
1. พระอาจารย์ (อาจารย์)
2. พระนิสิต (นิสิต หรือ นักศึกษาที่ป็นพระ หรือ เณร)

ถ้าเป็นพวกอุปกรณ์เพื่อการศึกษา ผมแนะนำว่า ควรนำขึ้นไปถวายพระนิสิตที่อาคารหอพัก
เพราะพระนิสิต (เท่าที่ผมเคยไปถวาย) มีความจำเป็นต้องใช้ในการศึกษา เช่นเดียวกับนักศึกษาทั่วไป
ดังนั้น ถ้าเรานำไปถวายพระนิสิต ท่านเหล่านั้นจะได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน


ความรู้สึกของผม ... ถ้าสิ่งไหนที่เรานำไปถวายสังฆทานแล้วพระได้ใช้ประโยชน์จริง
จะทำให้ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจ (ได้บุญ) มาก


ดังนั้น ถ้าใครมีโอกาส และคิดไปออกว่าจะไปถวายสังฆทานที่ไหน

ผมแนะนำให้ไปที่นี่นะครับ

หมายเหตุ: ท่านสามารถร่วมทำบุญด้วยร่วมการสร้างพระอุโสถกลางน้ำ ของหลวงพ่อปัญญา นันทะภิขุ ได้ที่นี่ (สถานที่ตั้งอยู่ที่นี่ครับ)


ขอบคุณครับ

Byonya (20-04-2552)




 

Create Date : 20 เมษายน 2552    
Last Update : 20 เมษายน 2552 13:34:00 น.
Counter : 562 Pageviews.  

เคล็ดการใช้อำนาจบุญแก้กรรมเก่า-ปัญหาชีวิต ... โดย พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล

เคล็ดการใช้อำนาจบุญแก้กรรมเก่า-ปัญหาชีวิต

โดย

พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล
วัดป่าสามแยก อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
(ก่อนอ่านตั้งนะโม ๓ จบ)

ห้ามขาย


ผู้เปิดเผยเคล็ดเรื่องนี้คือ ท่าน พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หล้า พระอริยะเจ้าแห่งวัดภูจ้อก้อ จ.มุกดาหาร อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๙ ท่านมีประสบการณ์ทางจิต ที่โลดโผนพิสดาร แม้เดินจงกรมก็สามารถเดินเหยียบอากาศเอาผ้าไปพาดไว้บนกิ่งไม้สูงสิบเมตรได้ ทั้งสามารถมองเห็นภูตผีปิศาจ นาค ครุฑ ยักษ์ อย่างชัดแจ้งแม้กระทั่งลืมตา มีญาณระลึกชาติย้อนหลังได้ มากมายหลายชาติ เป็นพระสงฆ์ที่ใช้เวลาท่องเที่ยวไปในนรกสวรรค์ปานเรื่องพระมาลัยโปรดสัตว์โลก นับครั้ง ไม่ถ้วน ด้วยท่านเป็นพระที่ไม่สนใจในเรื่องลาภ ยศ ชื่อเสียง ทั้งเทพยาดาสูง-ต่ำ ตลอดจนภูตผีปิศาจ ต่างให้ความเคารพท่านมาก วัดของท่านจึงเป็นศูนย์รวมของเทพยาดา และภูต-ผี-ปิศาจ-อสูรกาย-สัมภเวสี ที่ตกทุกข์ได้ยากทั่วทุกสารทิศ พากันหลั่งไหลมุ่งไปหาขอความช่วยเหลือจากท่าน แต่ละวันผู้คนมากหน้า หลายตาต่างดั้นด้นข้ามป่าข้ามเขาผ่านหนทางอันทุรกันดารไปกราบท่าน เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาเคราะห์กรรม ต่างๆ ซึ่งท่านก็เพียงแต่แนะนำหลักการ ใช้บุญแก้กรรมแบบง่ายๆ แต่ทว่า............ ได้ผลชะงักงันอย่างคาด ไม่ถึงอย่างชนิดที่ไม่มีพระรูปไหนกล้าพูดแนะนำได้อย่างนี้ เรามักท่องเป็นคาถาอยู่ร่ำไปว่า เวรกรรมนั้น แก้ไม่ได้ แต่พระอาจารย์ท่านยืนยันรับประกันอย่างหนักแน่นให้ฟ้าผ่าห่ากินว่า.......... แก้ได้ ไม่ต้องลงทุน อะไรมาก ไม่ต้องทำ พิธีสวดอะไรให้ใหญ่โตเสียเวลา เสียเงินเสียทองให้มากมาย แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ว่า ทุกวันนี้คนทำบุญกันไม่เป็น ดึงบุญที่เคยทำมาใช้ ก็ทำไม่เป็น เป็นแต่ตะบันก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรม อย่างเดียว อย่างจนตรอกอยู่ท่าเดียว หลายท่านเมื่อนำคำสอนที่ท่านแนะนำไปปฏิบัติต่างก็ได้รับผลดีเกินคาด แต่ด้วยความที่ท่านไม่อยากเด่นอยากดัง หากใครจะขอประวัติของท่านมาลงหนังสือ ท่านจะไม่ยอมพูดด้วย ท่านจะมีเมตตามากในการเทศน์การสอนญาติโยม แม้กลางคืนก็ยังต้อนรับผู้มาเยือนจากแดนทิพย์ ไม่หยุดหย่อน พร่ำสอนเผยแพร่เคล็ดนี้ทั้งวันคืน ท่านมีแผ่นซีดีแจกจ่าย ให้นำไปฟังแล้วบอกว่า “ฟังแล้วให้ นำไปปฏิบัติแล้วแจกจ่ายกันฟังต่อ ฟังเข้าใจแล้วไม่จำเป็นต้องถ่อมาหาท่านที่วัด เพราะวันๆ ท่านก็เหนื่อยพอ อยู่แล้ว การจะทำบุญทำที่ไหนก็ได้ เช่น ทำบุญกับพ่อแม่เป็นพระอรหันต์อยู่ในบ้าน แล้วอุทิศบุญให้เทวดา และเหล่าสรรพสัตว์ในโลกทิพย์ก็ได้ผลเท่ากับถวายทานให้พระอรหันต์ วัดของท่านมีพอกินพอใช้ แล้ว ไม่ขาดแคลนอะไรจึงไม่จำเป็นต้องหลั่งไหลมาทำบุญกับท่านก็ได้”

วิชาเจริญเมตตาแผ่บุญกุศลนี้ พระอาจารย์กล่าวว่าเคยใช้กันมานานตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่เพิ่ง สาบสูญไปเมื่อ ๓๐๐-๔๐๐ ปีมานี่เอง ถ้าค้นคว้าในพระไตรปิฎกก็พบมากแห่ง ที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญ และเทวดาผู้รับบุญ ท่านมีเรื่องราวพิสดารมหัศจรรย์ในกรรมฐานอย่างมากมาย การตอบคำถามถึงปัญหาใน การปฏิบัติธรรม ท่านจะตอบอย่างห้าวหาญ ทั้งคำถามในด้านโลกียะและโลกุตระ ความหยาบละเอียดของ


อารมณ์พระอรินะเจ้าแต่ละระดับ ทะลุไปจนถึงพระนิพพาน ทุกคำถามมีคำตอบจากท่าน สุดแต่ ผู้ถามจะถามปัญหาใด ลีลาการตอบคำถามของท่านจะออกแบบบ้านๆ ฟังแล้วเข้าใจง่ายไม่ต้องตีความ นำไปสู่การปฏิบัติพัฒนาทางจิตยิ่งๆ ขึ้นไป หนังสือที่ประมวลสรุปไว้นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่ออ่านแล้วนำ ไปประพฤติปฏิบัติ ท่านก็จักประสบความสุขสำเร็จตามปรารถนา แต่เรื่องนี้มิได้มุ่งหวังจะไม่ให้ใคร ไม่ต้อง ตาย!!!! มิได้มุ่งหวังจะทำให้ใครอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาล กฎของไตรลักษณ์ย่อมเป็นไปตามไตรลักษณ์ ไหนๆ เราก็ต้องตาย แต่ในเมื่อเรามีทางเลือกที่จะตายได้อย่างสุขสงบ ตายอย่างไม่ต้องมีทุกขเวทนา และตายได้ อย่างมีสติถึงพร้อม แล้วอย่างนี้เราจะปฏิเสธได้หรือ อีกอย่างหนึ่ง ข้อมูลสาระนี้จะไม่เป็นประโยชน์อันใด ต่อท่านที่ยังเหนียวแน่นอยู่กับมานะสังโยชน์ และไม่เป็นประโยชน์ตอผู้ขาดซึ่งอิทธิบาท ๔ เช่นนี้ แม้ฟ้าดิน ก็หมดปัญญาที่จะเข้าไปยุ่งอะไรกับท่าน เมื่อป้อนยาเข้าปาก แต่ไม่ยอมกลืนยา จะคายทิ้งก็สุดแท้แต่ท่านเถิด

ที่มาของการเปิดเผยเคล็ดการแผ่บุญแก้กรรม
ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ทั้งในโลกนี้และในโลกทิพย์ล้วนมีส่วนสัมพันธ์ถึงกันในเรื่องกฎแห่งกรรมอยู่ ตลอดเวลา ในการเวียนว่ายตายเกิดไปๆ มาๆ จะหาที่ไม่เคยเป็นญาติ ไม่เคยเป็นเพื่อน ไม่เคยเป็นเจ้ากรรม นายเวรต่อกันนั้นไม่มี ชีวิตของทุกผู้ทุกคนจึงมีส่วนสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อย ทั้งในส่วนดีมากและดีน้อย ทั้งในส่วนเลวมากและเลวน้อย ทั้งในส่วนที่ทำให้เกิดความเคียดแค้นชิงมากและชิงน้อย ทั้งในส่วนที่รักและ อุปการะมากและน้อยตามแต่กรณี

การได้ดีตกยาก เจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์และสัตว์ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกรรมในอดีตชาติและ ปัจจุบันชาติ อีกส่วนหนึ่งได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสิ่งรอบข้าง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของวิญญาณ ลี้ลับที่เรามองไม่เห็น เช่น เทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ ผีให้โทษ เจ้ากรรมนายเวรที่เคียดแค้นชิงชังให้โทษ ในคนทุกคน สัตว์ทุกตัว จะมีเทวดารักษาอย่างน้อย ๒ องค์ เทวดาประจำตัวนี้แหละที่มีอิทธิพลต่อเรา อย่างคาดไม่ถึง บ้างก็ชอบช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จ หรือช่วยปกป้องคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากภัย อันตรายที่น่าหวาดเสียวมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งบางทีเราก็ยกให้เป็นอานุภาพของวัตถุมงคลที่แขวนคอ เสียก็มี เด็กน้อยบางคนแม้ไม่มีวัตถุมงคลแขวนคอเลย แต่ตกบ้านตกเรือนด้วยความซุกซน แต่ไม่ได้รับอันตราย เพราะเหมือนมีใครมาอุ้มไว้ก่อนตกถึงพื้นก็มี บุคคลบางคนไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลย แต่สามารถหลุดพ้นจาก อุบัติเหตุและการดักทำร้ายของศัตรูมาได้อย่างปาฏิหาริย์ นั่นคือ การปกปักรักษาจากเทวดาประจำตัวเขา และ/หรือญาติในโลกทิพย์ของเขา

ในเรื่องกฎของกรรม เราชาวพุทธคงไม่มีใครปฏิเสธ เมื่อตนเองกำลังเดือนร้อน กำลังเครียดหรือ กำลังทุกข์ทรมานในเรื่องใดๆ ที่จำต้องยอมทนอย่างไม่มีทางเลือก หลาย ๆ ท่านมักจะจงนึกจงคิดแต่เพียงว่า จะขอรับชะตากรรมนั้น หวังจะชดใช้ให้มันหมดเวรหมดกรรมจบ ๆ กันไป การคิดเช่นนี้ดูจะเข้าท่าตามหลักการ ยอมรับในกฎของกรรม แต่ออกจะหยาบและดูโอกาสปิดช่องทางของตนเองอย่างสิ้นเชิง นี่เองท่านพระอาจารย์ กล่าวว่า พวกเราไม่รู้ว่ามันยังมีทางออกมีทางเลือกที่แสนจะง่าย ทั้งๆ ที่เรามีทางเลือกที่จะยอมรับในผลกรรม ด้วยวิธีของตนเองได้ ทั้งๆ ที่เรามีวิธีที่จะชำระล้างหนี้แค้นหนี้กรรมให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขา โดยที่เราก็ไม่ได้ เบี้ยวหนี้ โดยที่เรายังเคารพในกฏของกรรม โดยที่เราไม่ต้องทุกข์ทรมาน ไม่ต้องกลุ้มไม่ต้องเครียด ขณะเดียวกันเจ้ากรรมนายเวรเขาก็พอใจกับประโยชน์สุขนี้อย่างเต็มที่ ความเคียดแค้นพยาบาทอะไรต่างๆ ที่มีต่อเราก็จางมลายหายสิ้นไป เขาก็เป็นสุข เราก็เป็นสุข แต่นี่.........เรากลับให้เขาเลือก ที่จะเล่นงานเราอยู่ฝ่ายเดียว ต่างฝ่ายต่างก็เป็นทุกข์ด้วยกันทั้งคู่ เขาก็ทุกข์กรุ่นอยู่กับความพยาบาทอาฆาต เราก็ทุกข์ด้วย เวทนาเพราะคอยจ้องแต่จะมาเล่นงานเราอย่างไม่เลิกรา อย่ากระนั้นเลย เรามายอมรับกฎ ของกรรมแต่โดยดีในแบบฉบับที่เราเลือกได้ด้วย “บุญ” กันดีกว่า คนเราล้วนเคยสั่งสมบุญให้ทานมาแล้ว ทั้งนั้น ทั้งในชาติก่อนและในชาตินี้ ถ้าจะนึกถึงบุญ มันก็เยอะจนจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ด้วยความไม่รู้จักวิธี ชำระหนี้แค้นให้แก่เจ้ากรรมนายเวรดั่งว่า ทำบุญไปก็คิดแต่จะรอให้ตายซะก่อนแล้วจึงค่อยไปรับบุญใน สรวงสวรรค์ แล้วพากันเอาแต่บ่นว่า บุญอะไรก็ทำมาหมดแล้ว ชีวิตไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมาสักที ก็จะดีได้อย่างไร ในเมื่อสักแต่ว่าทำบุญแต่ทำไม่เป็น ถูกสอนสั่งกันมาอย่างผิดๆ มัวแต่ไปรออุทิศให้ตอน กรวดน้ำ เจ้ากรรมนายเวรเขาก็เลยไม่ได้รับ บ้างก็ไม่เคยเผื่อแผ่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้ เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจองเวรกันอยู่ ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเขตเรือน ไม่เคยให้แก่ เทวดาที่ดูแลรักษากิจการงานห้างร้าน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัวเอง แถมบางทีการแผ่อุทิศบุญ ก็ไม่เฉพาะเจาะจงอีก หรือดันไปให้ตอนที่แสงบุญหมดแล้ว เทวดาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อยมีฤทธิ์น้อย จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับอานิสงส์บุญจากเราอย่างถูกวิธีบ่อยๆ เขาจะกลายเป็น เทวดาที่มีฤทธิ์ มีอำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จได้ดังใจหมาย

วิธีการทำบุญให้เกิดสัมฤทธิผล

พระพุทธเจ้าทรงแสดงที่มาแห่งบุญไว้ ๓ ประการ ย่อๆ ดังนี้
๑. บุญเกิดจากการให้ทาน
๒. บุญเกิดจากการรักษาศีล
๓. บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ


การสร้างความดีทุกประการนั้น ล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญกุศลทั้งสิ้น แล้วก่อให้เกิดอานิสงส์ ที่จะสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทุกเรื่อง

บุญอันเกิดจากการให้ทาน
เมื่อถวายของแด่พระภิกษุสงฆ์ หรือให้สิ่งของแก่ใคร ไม่ว่าจะเป็นของแก่ พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ขณะนั้นจะ เกิดกระแสบุญเป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้ให้ทันที และเพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายไป เบื้องบนแล้วสะสม เป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้น จึง****ขอเน้นย้ำว่าหลักสำคัญที่สุดว่า ขณะของหลุดจากมือเมื่อใส่บาตร /ถวายของให้สงฆ์ หรือให้ของแก่ใครก็ตาม เราต้องอธิษฐานจิตแผ่บุญ ในทันที อย่ามัวไปรอแผ่บุญตอนพระสวด “ยถาสัพพี” **** เนื่องจากการแผ่ให้ตอนพระยถาฯ อย่างที่เคย ปฏิบัติกันมานั้นผิด เพราะกระแสบุญได้เลือนจาง หายไปอยู่ในสวรรค์หมดแล้ว ต้องคิดแผ่บุญในทันทีทันใดว่า “ บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของ เทวดา ภูต-ผี-ปิศาจ-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่สถิตย์อยู่ในสถานที่เรือกสวนไร่นา หรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขปัญหากลัดกลุ้มในเรื่องไหน ”

บุญอันเกิดจากการภาวนา
ให้อธิษฐานก่อน เช่นว่า ขอบุญที่จะเกิดจากการภาวนาต่อไปนี้ ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ข้าพเจ้าเจ็บป่วย(เป็นอะไร) หรือเราจะให้ใครก็ให้อธิษฐานเอาเอง แล้วก็เริ่ม ภาวนาได้เลย หลังลากเลิกภาวนาก็ให้อุทิศบุญนี้ไปอีกครั้งหนึ่ง บุญที่เกิดจากการภาวนานี้จะมีพลานุภาพแรง ยิ่งกว่าบุญจากการให้ทานมาก ฉะนั้นพวกภูตผีชั้นต่ำมักจะรับไม่ค่อยได้ เราต้องเปิดช่องไว้ก่อนภาวนา เขาจะเตรียมรับตามกำลังความสามารถของตนเอง เพราะถ้าหากจะให้ตอนที่ภาวนาเสร็จแล้วจึงให้ ก็เปรียบ เหมือนเราปล่อยน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิงแต่เขาเอาภาชนะที่ไม่เหมาะสมมารับ เขาจะรับไม่ได้เนื่องจากกำลังจิต ของเขาไม่แข็งแรงพอ หากเราอธิษฐานเปิดให้เขาเตรียมตัวไว้ก่อน ก็เหมือนกับเปิดก๊อกน้ำออกค่อยๆ ใครมีภาชนะน้อยก็เอามาตวงรับตามกำลังที่เขามี แต่สำหรับเทวดาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ท่านสามารถรับ บุญใหญ่หลังภาวนาได้อยู่แล้ว เปรียบเหมือนท่านมีโอ่งมีถังขนาดใหญ่สำหรับรองรับน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิง นั่นเอง

บุญอันเกิดจากการรักษาศีล
การทำบุญด้วยการตั้งใจรักษาศีล ก็ย่อมเกิดบุญกุศลขึ้นเช่นกัน ทุกครั้งที่ระลึกถึงศีลที่ตัวเองรักษาดีแล้ว ไม่ด่างพร้อย ก็สามารถอธิษฐานส่งบุญได้ว่า “บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษา ศีลนี้ จึงถึงแก่....................” หรือในการทำความดีทุกอย่าง เช่นแม้แต่การพูดให้เขาได้สติคิดดี การช่วยเหลือคน การได้ทำ ประโยชน์ส่วนรวม ย่อมก่อให้เกิดความปิติดีใจ นั่นแหละคือบุญ ให้รีบส่งบุญถึงผู้ที่เราต้องการให้บุญทันที

การเบิกบุญ

การเบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมแต่อดีตมาใช้
บุญที่เราทำไว้แล้วมีมากมายที่สะสมอยู่ในสรวงสวรรค์ ทั้งที่ได้ทำไว้แต่ปางก่อนหรือได้ทำไว้ในชาตินี้ เราสามารถเบิกบุญนั้นมาแจกจ่ายอุทิศให้แก่ผู้อยู่ในโลก วิญญาณได้ เหมือนเรามีเงินเก็บในธนาคารเราก็ใช้บัตรเอทีเอ็มกดเบิกเงินออกมาใช้จ่าย แต่การเบิกบุญนั้น ที่สำคัญลืมไม่ได้เลยคือ ต้องอาศัยอำนาจพระรัตนตรัยขึ้นนำก่อนเสมอ คือ ให้ตั้งจิตคิดอธิษฐานว่า “ด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจแห่งพระธรรม ด้วยอำนาจแห่งพระสงฆ์ จงดลบันดาลให้บุญของ ข้าพเจ้าที่ทำมาในอดีตจนถึงปัจจุบันถึงแก่..................................... ” จะให้ใครก็คิดนึกให้เอาเอง การเบิกบุญ แจกจ่ายนี้สามารถให้ได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อนึกขึ้นได้ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม อุจจาระ ปัสสาวะอยู่ก็ตาม

นานาปัญหาเคราะห์กรรมแก้ได้ด้วยบุญ

ท่านที่ทุกข์ทรมานด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โรคภัยไข้เจ็บ ปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่เกิดกับตัวเรานั้น สืบเนื่องจากการกระทำของเจ้ากรรมนายเวรผู้เคียดแค้นชิงชัง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้น ผู้เบียดเบียนสัตว์ย่อมมีสุขภาพไม่ดี เชื้อโรคร้ายแรงต่างๆ ที่มีอยู่ในร่างกาย ก็ล้วนแต่เป็นเจ้ากรรมนายเวร ทั้งนั้น โรคที่เรื้อรังร้ายแรงการรักษาด้วยวิธีการกินยา ฉีดยาเข้าไปฆ่าทำลายเขา หรือการใช้พลังจิต-อำนาจ สมาธิอย่างใดๆ เข้าไปขับไล่ นอกจากการรักษาที่ขาดเมตตาปราณีอย่างรู่เท่าไม่ถึงการณ์แล้ว ขณะเดียวกันก็ ยิ่งทำให้เหล่าเจ้ากรรมนายเวรยิ่งทวีความพยาบาทเคียดแค้นผู้ป่วยมากขึ้นไปอีก หลายโรคจึงหมดหนทาง เยียวยา ผู้ป่วยต้องจมอยู่กับทุกข์เวทนาไปต่างๆ นานา จะตายก็ไม่ให้ตาย จะหายก็ไม่ให้หาย ทรัพย์สินที่มี ก็พินาศไปกับค่ารักษา ทุกข์ทั้งคนป่วยทุกข์ทั้งคนที่เป็นญาติๆ เป็นบริวาร ในที่สุดหลายรายต้องจบชีวิตลงไป อย่างน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่มีทางเลือก ทั้งๆ ที่มีโอกาส ทั้งๆ ที่มีบุญอยู่ก็มากมายแต่ไม่รู้จักเบิกมาล้างแค้น ให้แก่เขา ดังนั้น การเยียวยารักษาที่ถูกต้อง ต้องโอนบุญ-เบิกบุญไปให้ เฉพาะเจาะจงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่ กำลังทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยนั้น (อย่าไปบอกว่าให้แก้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายยยยยยย.....เหมือนอย่างที่ เคยทำ) และให้แก่เทวดาผู้รักษาตัวเราไปในขณะเดียวกัน การอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่ รบกวนควรทำวันละหลายๆ ครั้งจนเขาพอใจ อาการป่วยของเราจะหายเร็วขึ้น

วิธีการให้บุญแก้เจ้ากรรมนายเวร ควรทำดังนี้เป็นตัวอย่าง เช่น ผู้ที่ป่วยด้วยมะเร็งปอด ก็ส่งโอนบุญอย่างเฉพาะเพาะจงว่า “ บุญนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยมะเร็งตรงปอด ฯลฯ (สุดแต่มะเร็งหรือเป็นอะไร) พวกเชื้อมะเร็งเมื่อได้รับบุญแล้วขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ เมื่อเราหายแล้ว เราจะทำบุญให้แก่พวกเจ้า ส่งชีวิตของพวกเจ้าให้สูงขึ้น เรื่อยๆ พวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียที ตั้งแต่นี้เราจะตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม เลิกการเบียดเบียน เข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่น ขอส่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีลแก่เจ้าด้วย”

ท่านที่กลัดกลุ้มเรื่องบุตรหลาน บริวาร ชอบสร้างแต่ความเดือดร้อน สั่งสอนไม่ฟัง แบบนี้ต้องให้ เทวดาผู้รักษาตัวเขาเป็นผู้ขนาบตักเตือน วิธีที่เทวดาตักเตือนนั้นท่านจะสั่งการดลไปที่ความรู้สึกนึกคิดจิตใจ ของเขา ถ้าเทวดาประจำตัวของเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อได้รับบุญบ่อยๆ เทวดาท่านจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ในทิพย์ของตนเอง มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น มีฤทธิ์อำนาจขึ้น เขาจะทราบได้เองว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้นมาจากไหน เมื่อเราอุทิศบุญให้ ท่านก็อธิษฐานด้วยว่า “เมื่อเทวดาได้รับบุญแล้วขอให้มีความสุขๆ มีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าที่อยู่ อาศัย และขอให้ช่วยอบรมตักเตือนให้ลูกของข้าเป็นคนดีด้วย” ดังนี้ ไม่นานหรอกจะเกิดเรื่องพิสดารขึ้นกับ บุตรหลานเกเรคนนั้น จนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีแน่นอน

คนที่กลัดกลุ้มเรื่องแฟน เรื่องครอบครัว สามี/ภรรยา เรื่องเพื่อน/คนรอบข้าง คู่ครองของตนเอง เป็นคนที่น่าเอือมระอาเหลือเกิน อยากให้คู่ครองเป็นคนดี รักเรา ละเลิกจากความประพฤติชั่วเหลวไหล ก็ให้ ท่านทำยุทธวิธีแบบเดียวกับที่ให้บุญแก่เทวดารักษาบุตร แล้วท่านจะพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแบบ ไม่น่าเชื่อ

หากกิจการธุรกิจค้าขายของท่านล้มเหลวหรือซบเซา เมื่อท่านทำบุญทุกครั้งควรอุทิศบุญให้เทวดา ประจำตัวของท่านและเทวดาที่ดูแลกิจการค้าด้วยพร้อมกันไป แล้วอธิษฐานว่า “เทวดารับบุญของเราแล้ว โปรดช่วยเหลือกิจการค้าธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด ถ้าเราร่ำรวยขึ้น ก็จะทำบุญให้ท่านยิ่งๆ ขึ้นไปอีก” จะใช้คำเรียกตนเองว่าข้า ว่าเรา ก็ได้ทั้งนั้น

ท่านที่เปิดร้านค้าขาย จะเป็นร้านอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำบุญก็ให้อุทิศบุญแก่เทวดาที่รักษาร้านนั้นด้วย แล้วบอกว่า “เทวดาเมื่อได้รับบุญแล้ว โปรดเรียกลูกค้ามาอุดหนุนให้มากๆ ด้วย”
การอุทิศโอนบุญ ไม่ต้องพูด อย่าไปอุทิศตอนกรวดน้ำ ให้ใช้เพียงแค่..การคิด และต้องรีบคิดให้ ทันที!!!! อย่ามัวรีรอชักช้าเป็นอันขาด เพราะแสงบุญที่เกิดขึ้นจะดำรงอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจะหายวับไปอยู่ ในสวรรค์ ถ้าเราฝึกบ่อยๆ เราจะชำนาญในการคิด เพราะการคิด...กระแสบุญจะแรงกว่าการพูดอกจากปาก เวลาหย่อนของลงในบาตรปั๊บให้คิดส่งบุญทันที และต้องคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของ หลุดจากมือปุ๊บ เราต้องคิดส่งบุญให้ปั๊บทันทีอย่าช้า!!!!

ผู้มีอาชีพเกี่ยวเนื่องกับการฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์อื่น เช่น เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ คนขายเนื้อสัตว์ ชาวประมง คนขายปลาสดตามตลาด เชือดไก่ขาย คนเหล่านี้ต้องสร้างบาปกรรมทุกวันๆ จึงก่อความ เคียดแค้นชิงชังให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ทุกวี่วัน เขาก็พยายามจองล้างจองผลาญ แต่ในขณะที่บุญของผู้นั้นยังมีอยู่ เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้ แต่หากว่านายเวรเขาสบโอกาสได้ช่องเมื่อไหร่ วิญญาณสัตว์ที่เคียดแค้น เหล่านั้น(นายเวร) จะให้เคราะห์หามยามซวยแก่เราได้ทันที ดังนั้น ต้องพยายามไถ่ถอนกรรมของตัวด้วย การทำบุญ แล้วโอนอุทิศให้วิญญาณสัตว์ที่ตัวเองฆ่า ทำบ่อยๆ ส่งบ่อยๆ เอาเนื้อสัตว์ที่เราขายนั้นทำอาหาร ถวายพระหรือเลี้ยงผู้อื่น อธิษฐานว่า “บุญนี้ให้สัตว์ทั้งหลายที่เราได้ฆ่า หรือ ผู้อื่นฆ่าเพราะคำสั่งเรา เหล่าสัตว์ เหล่าใดได้รับบุญแล้ว ขอให้มีแต่ความสุขความเจริญ มีชีวิตวิญญาณที่ดีขึ้น จงหลุดพ้นจากกรรมเวรที่ตัวเอง เคยสร้างไว้แล้ว จงมีภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเทวบุตรเทวดาในสรวงสวรรค์ เมื่อได้รับบุญแล้ว จงอโหสิกรรมให้เราด้วย อย่าได้จองเวรซึ่งกันและกันเลย เจ้าตายเพราะเรา แต่ก็มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะเรา ดีกว่าเจ้าตายเองหรือตายเพราะฝีมือผู้อื่น ซึ่งมีชีวิตทุกข์ทรมาน”

ผู้ที่ถูกผีเข้า
จงเอาของให้ทานแก่ผู้ทรงศีล จะพระหรือฆราวาสก็ได้ แล้วอุทิศบุญเจาะจงถึงผีในร่าง ผู้ป่วยขอให้ได้รับบุญนี้ เมื่อได้รับบุญแล้วโปรดออกจากร่างผู้ป่วยเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอมออกก็ให้บ่อยๆ ให้สิ่งของ เล็กๆ น้อยๆ ให้เงินห้าบาทสิบบาท ให้กาแฟ ๑ แก้ว โอวัลติน ๑ แก้ว แล้วอุทิศได้ทั้งนั้น

ผู้ที่ถูกคุณไสย
ให้อธิษฐานดังนี้ “ด้วยอำนาจพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจพระธรรม ด้วยอำนาจ พระสงฆ์ โปรดจงลบล้างอำนาจชั่วช้าต่ำทราม ที่มีผู้ส่งเข้าผู้ป่วยให้สูญสลายไป ณ บัดนี้” จากนั้นให้ทานแก่ ผู้ทรงศีลขณะนั้นอธิษฐานว่า “ขอบุญนี้จงถึงวิญญาณชั่วร้ายที่มีคนส่งเข้าร่างผู้ป่วย เมื่อเจ้าได้รับบุญแล้วจงมี ความสุขความเจริญ จงมีฤทธิ์มีอำนาจหลุดพ้นจากการบังคับกดขี่ของผู้ทรงเวทวิทยาคมที่ส่งเจ้ามา จงออก จากร่างคนป่วยเดี๋ยวนี้” ถ้าไม่หายให้ทำบ่อยๆ เดี๋ยวอาการก็ดีขึ้นเองโดยไม่ต้องไปทำพิธีอะไรอื่น ไม่ต้องไป เสาะหาจ้างหมอผีผู้มีสิทยาคมที่ไหนมาแก้ เพราะอำนาจของพระรัตนตรัยนั้น ยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างใน สากลจักรวาลอยู่แล้ว

หลีกเลี่ยงการสวดมนต์เพื่อขับไล่วิญญาณ
บทสวดมนต์แต่ละบทมีอำนาจขับไล่และเบียดเบียนพวก วิญญาณชั้นต่ำในโลกทิพย์ให้ได้รับความเดือดร้อน พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้ามมิให้ภิกษุทำน้ำมนต์ขับไล่ผี ไว้ในพระวินัยบัญญัติ ดังนั้น การสวดมนต์เพื่อเจริญพุทธานุสติ ธัมมานุสติ และสังฆานุสติ โปรดอย่าตั้งจิตไป กำราบคุกคามภูตผีปิศาจขั้นต่ำทั้งหลายให้ได้รับความเดือดร้อน เมื่อจะสวดให้ตั้งจิตระลึกเสียก่อนว่า “ภูตผี ปิศาจชั้นต่ำทั้งหลาย บัดนี้เราจะกล่าวบทสวดมนต์ ใครชอบฟังเอาบุญกุศลก็ให้ตั้งใจฟัง หากใครฟังแล้ว ทรมานก็ให้หลีกหนีไปที่อื่นจนกว่าเราจะสวดมนต์เสร็จแล้วจงกลับมาเถิด เราไม่ได้สวดเพื่อขับไล่ใคร แต่สวด เพื่อเจริญในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณเท่านั้น”

โปรดอย่านิมนต์พระมาทำพิธีขับไล่ภูตผีในที่อยู่อาศัย
ควรงดเด็ดขาด เพราะวิญญาณนั้นเขาอยู่ อาศัยที่นั้นมาก่อนเราอย่างสงบสุข บางตนก็เป็นญาติที่เราเคารพรักมาก่อน ตายไปแล้วมีบุญน้อยกุศลน้อย ก็เป็นภูตผีอาศัยอยู่ในบ้านนั้น ภูตผีบางตนมีความทุกข์เดือดร้อนพยายามส่งกระแสความเดือดร้อนให้เรารู้สึก เพื่อจะได้ทำบุญส่งให้เขา แต่คนไม่เข้าใจคิดว่าเขาเบียดเบียนหลอกหลอน จึงนิมนต์พระมาสวดขับไล่ เมื่อเรา ไปทำพิธีขับเขาก็ยิ่งเดือดร้อนหนักเข้าไปอีก แล้วพวกวิญญาณเหล่านั้นจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งผู้คนในบ้านให้ เดือดร้อนวุ่นวายกันมากขึ้น มีแต่เรื่องทะเลาะขัดแย้งกันเนืองๆ สังเกตดู บ้านไหนที่มีคนถือวิชาอาคมสวดมนต์


ไล่ผีบ่อยๆ คนในบ้านจะหาความสุข ความสงบไม่ได้เลย พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา ทะเลาะขัดแย้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนฆ่ากันตายมานักต่อนัก ฉะนั้น ต่อไปเมื่อมีเหตุเดือดร้อนภายในบ้าน หรือภายในองค์กร ควรทำบุญอุทิศให้พวกเขา เมื่อพวกเขาอยู่สุขสบายก็จะเลิกรบกวนเรา แล้วจะกลับเป็น องค์รักษ์ชั้นดีที่คอยปกปัก รักษาเราต่อไป

หลีกเลี่ยงการติดผ้ายันต์กันภูตผีในบ้าน หรือการพกเครื่องรางของขลังที่เบียดเบียนวิญญาณชั้นต่ำ
เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระทบกระเทือนถึงวิญญาณชั้นต่ำให้ได้รับความเดือดร้อนและเคียดแค้น อันจะส่งผลให้เขา หันกลับมาเป็นเจ้ากรรมนายเวรจองล้างจองผลาญเราไม่มีที่สิ้นสุดโดยที่เราไม่รู้ตัว บ้านเรือนเคหะสถานเป็น ของที่มีอยู่ในโลกนี้ เป็นทั้งที่อยู่ของผู้มีชีวิตในโลก และในอีกมิติหนึ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ควรเห็นแก่ตัวว่าเป สมบัติของเราเพียงผู้เดียว ควรร่วมกันอยู่กันอย่างสงบสุข พวกวิญญาณต้องอาศัยบุญกุศลถึงอยู่ได้ ถ้าได้รับ บุญจากมนุษย์ผู้อยู่อาศัยในผืนแผ่นดินเดียวกันเขาย่อมพึงพอใจ และจะรักษามนุษย์ให้มีความสุขความเจริญ
แม้พระพุทธเจ้าก็ตรัสสอนไว้ในเทวตาทิสสทักขิฌนุโมทนา ว่า

ยัสมิง ปะเทเส กัปเปติ วาสัง ปัณฑิตะชาติโย
สลวันเตตถะ โภเชตวา สัญญะเต พรหมะจาริโน
ยา ตัดถะ เทวตา อาสุง ตาสัง ทักขิฌะมาทิเส
ตา ปูชิตา ปูชะยันติ มานิตา มานะยันติ นัง
ตะโต นัง อนุกัมปันติ มาตา ปุตตัง วะ โอระสัง
เทวะตานุกัมปิโต โปโส สะทา ภัทรานิ ปัสสะติ


แปลความว่า ผู้ฉลาดชาติบณฑิต เมื่ออาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งใด ควรเชื้อเชิญผู้ทรงศีลเข้าไปเลี้ยง ดูในสถานที่แห่งนั้น แล้วอุทิศบุญให้แก่เทวดาผู้อาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น เทวดาเมื่อได้รับการบูชาแล้วย่อม บูชาตอบ คือ ทำความอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้อุทิศบุญให้แล้วนั้น เหมือนบิดามารดาผู้รักบุตรย่อมอนุเคราะห์ บุตร ผู้ใดได้รับการช่วยเหลือการเทวดาแล้ว ย่อมประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองเป็นนิจ

การให้ทานแก่บุคคลย่อมมีผลบุญแตกต่างกัน ให้ในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานย่อมเกิดผล มากกว่าให้พระพุทธเจ้าองค์เดียว ให้ในพระพุทธเจ้าย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระอรหันต์ ให้ในพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติ ย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ในสถานภาพปกติ ให้ในพระอรหันต์ย่อมมีผลเหนือกว่าให้ในพระอนาคามี ให้ในพระอนาคามีย่อมมีผลมากกว่าให้ใน พระสกิทาคามี ให้ในพระสกิทาคามีย่อมมีผลมากกว่าให้แก่พระโสดาบัน ให้ในพระโสดาบันย่อมมีผลมาก กว่าให้แก่ผู้ทรงฌาน ให้ในผู้ทรงฌานย่อมเหนือกว่าให้ในพระผู้ประพฤติศีลตามปกติ ให้ในผู้มีศีลย่อมมาก กว่าให้ผู้ไม่มีศีล ให้ในคนย่อมมากกว่าให้ในสัตว์ ให้ในสัตว์ผู้โพธิสัตว์ย่อมมีผลมากกว่าให้ในสัตว์ธรรมดา ให้ในสัตว์ที่มีคุณย่อมเกิดผลมากกว่าให้แก่สัตว์ที่ไม่มีคุณ และแม้แต่ให้อาหารแก่พวกมดปลวกก็ยังเกิดกุศล ดังนั้น ชื่อว่าการให้ย่อมเกิดบุญกุศลทั้งสิ้น แต่จะมากน้อยก็ต่างกันไป เงิน ๑ บาท ถวายพระอรหันต์มีผล มากมายนับไม่ได้ แต่ให้ในภิกษุผู้ทุศีลมีผลน้อย นี่คือความแตกต่างของนาบุญ ถ้ารู้จักเลือกก็ให้เลือกเถิด ถ้าเลือกไม่ได้ก็ให้ถวายในสงฆ์ส่วนรวม ก็มีอานิสงส์มาก

คนในศาสนาไหนก็ส่งบุญได้
ไม่ว่า พุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิก ล้วนมีวิธีสร้างกุศลผลบุญสะสม คุณงามความดีด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อเกิดบุญกุศลขึ้นสามารถส่งถึงผู้อยู่ในโลกทิพย์ได้ด้วยวิธีเดียวกัน ก่อผลลัพธ์ แบบเดียวกัน

ผลที่จะเกิดจากการโอนบุญ-เบิกบุญ

- ทำให้เทวดาที่ได้รับบุญแล้วท่านจะมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้น สามารถช่วยเหลือผู้ส่งบุญให้ได้รับความ สำเร็จ เทวดาที่รักษาเคหะสถานบ้านช่องบางหลังก็แสดงอิทธิฤทธิ์แทนเจ้าของบ้าน เปิด-ปิดทีวี วิทยุ และ ไฟฟ้าในบ้านได้เอง ทำให้พวกโจรขโมยไม่กล้าเข้าไปยกเค้าเพราะเหมือนมีอยู่ในบ้าน ทั้งที่ความจริงไม่มีใคร อยู่ในบ้านเลย เทวดาสามารถป้องกันไม่ให้เกิดไฟไหม้บ้าน ป้องกันภัยอันตรายจากพายุ ต้นไม้หักโค่นล้ม ทับบ้าน บ้านไหนถูกไฟไหม้แสดงว่าเทวดาไม่รักษาเพราะเจ้าของบ้านมีบาปกรรม และไม่เคยส่งบุญให้เทวดา และเจ้ากรรมนายเวร

- ทำให้เจ้ากรรมนายเวรหยุดการจองเวรแล้วกลับมาเป็นเทวดาที่ปกป้องรักษาตัวเรา

- ทำให้เป็นที่รักของเทวดา และมนุษย์-สัตว์ทั้งหลาย ไปทางไหนมาเสน่ห์แก้ผู้พบเห็น การเดิน ทางไปไหนมาไหนก็จะแคล้วคลาดจากภัยอันตราย

- ธรกิจการค้า หน้าที่การงาน จะราบรื่น จะพบช่องทางทำมาหากินที่แจ้งชัด ถ้าตกงานก็จะได้ งานทำ ถ้าเจ้านายเกลียดก็จะรักชอบขึ้น

- ร้านอาหาร ร้านขายของ จะมีแขกเข้าร้านมากกว่าเดิม และอย่าลืม!! ถ้ามีคนมาอุดหนุนให้ อธิษฐานบุญให้แก่เทวดาที่รักษาลูกค้าที่มีมาอุดหนุนทันที ต่อมาเทวดาก็จะดลใจให้ลูกค้ากลับ มาหาเราอีก

- จะหลับก็ง่าย จะนอนก็สบาย ไม่ต้องใช้ยานอนหลับ ไม่ต้องสะดุ้งผวาตกใจ แม้ฝันก็ฝันดี สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน

- ครอบครัวจะอยู่กันอย่างอบอุ่นมีความสุข มีความเข้าอกเข้าใจกัน

- เพื่อนบ้านที่เขม่นชิงชัง เป็นเกาเหลาต่อกัน ก็จะหันกลับมาเป็นมิตร รักใคร่ใยดี ให้ความเกรง อกเกรงใจซึ่งกันและกัน ในแต่ละวันขอให้ท่านขยันในการโอน เบิก/เปิดบุญให้ถี่ๆ อยู่บ่อยๆ ท่านยิ่งให้ ท่านก็จะได้ผลอย่าง คาดไม่ถึง ทั้งบุญก็ได้เพิ่มขึ้นทวีคูณ อีกทั้งยังเป็นการเจริญเมตตาอยู่ในตัว ยิ่งถ้าท่านเป็นนักศีลนักบุญ ด้วยแล้ว ยิ่งจะเห็นผลเร็วอย่างมาก ท่านใดสนใจอยากได้แผ่นซีดี วีซีดี การแสดงธรรมของพระคุณเจ้าเกษม เพิ่มเติม โปรดแจ้งความประสงค์ได้

คนจะเลิกทำบาปมาแสวงบุญก็เพราะได้ฟังธรรม คนจะสนใจให้ทาง รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา ก็เพราะฟังธรรม คนจะหลุดพ้นจากทุกข์ได้ก็เพราะฟังธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ ธรรมทาน คือ การให้ ธรรมเหนือกว่าการให้สิ่งอื่นๆ ทั้งหมด แม้ในถวายทานในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ก็ยังไม่เหนือ กว่าการให้ธรรมทานได้ ”
บุญกุศลที่เกิดจากธรรมทานนี้ ข้าพเจ้าขอมอบแด่เทวดาที่รักษาข้าพเจ้า ท่านผู้อ่านและผู้ฟังทุกท่าน เมื่อเทวดาได้รับบุญนี้แล้วจงมีความสุขความเจริญ มีฤทธิ์มีอำนาจ จงช่วยเหลือทุกท่านให้ประสบความรุ่งเรือง ยิ่งๆ ขึ้นไป ตลอดกาลนานเทอญ


ผู้ใดอยากจะพิมพ์เผยแพร่เป็นธรรมทาน ให้อนุญาตพิมพ์ได้ แต่ให้ใส่คำว่า “ห้ามขาย” ไว้ที่ปกหน้า และปกหลังของหนังสือด้วย




 

Create Date : 17 เมษายน 2552    
Last Update : 17 เมษายน 2552 12:49:56 น.
Counter : 2066 Pageviews.  

วิบากกรรม และ การแก้กรรม



วิบากกรรม และ การแก้กรรม




กรรม....เสียเงินตลอด ทำมาหากินไม่ขึ้น
เกิดจากกรรม
1.เคยเอาเงินเขามาในชาติอดีตแล้วไม่คืน
2.ปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยแพง
3.โกงคนดีช่วยเหลือเราในชาติปัจจุบัน
4.ทำแท้ง เป็นผู้ร่วมกับคนทำแท้ง
5.ยุยงให้คนเสียเงิน โดยรู้ว่าผิดก็ให้ทำ
6.เบียดเบียนเงินคนมากมาย บนความทุกข์คนอื่นในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ
วิธีแก้กรรม
1. พยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศล ทุกวันเกิด
ให้ผู้ที่เคยล่วงเกินกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ปัจจุบันชาติ
ให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
2.หากมีคนที่ล่วงเกินยังมีชีวิตอยู่
หาเงินไปคืนและขออโหสิกรรมซะเพื่อชีวิตเราจะได้ดีขึ้นต่อไป
3.ตักบาตร วันโกนอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรและวิญญาณเด็กที่ตามมาให้ได้รับกุศล
และเปิดทางให้ชีวิตดีขึ้น
4.ทำกุศลกับผู้มีพระคุณและช่วยคนไว้ เพื่อยามทุกข์ยากจะได้มีคนมาเหลียวแล
และดูแลเราบ้าง
5.สวดมนต์ทุกวันเกิด
และแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน

ครอบครัวมีแต่ปัญหา
เกิดจากกรรม (สิ่งใดสิ่งหนึ่งดังนี้)
1.เคยทำแท้งไหม
2.ไม่ทำบุญให้บรรพบุรุษไหม
3.ไม่เข้าใจครอบครัว สามี ลูกหรือเปล่า
4.เคยผิดศัลกาเม ในชาติก่อนและชาตินี้ไหม
5.ทำผิดต่อเจ้าที่เจ้าทางไหม
วิธีแก้กรรม
1. นิมนต์พระเลี้ยง ทำบุญบ้าน วันเกิด สวดชะยันโต ขอพร
ประพรมน้ำมนต์ให้ครอบครัว อยู่เย็นเป็นสุข และถวายสังฆทานสวดอุทิศให้
เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้อโหสิกรรมและช่วยครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
2.ไปถวายผ้าบังสุกุลอุทิศให้บรรพบุรุษให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขหรือทำบุญให้บรรพบุรุษให้ได้รับกุศล
3.เคยบอกรักสามีและลูกบ้างไหม ทำซะ จะทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าเรารัก
4.สวดมนต์ทุกวันเกิดตนเอง ขอพรเทพประจำตัวให้คุ้มครองครอบครัวให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
5.กราบไหว้เจ้าที่เจ้าทางด้วย อาหารคาวหวานชุดใหญ่
แก่พระภูมิเจ้าที่ให้ได้รับและขอพรให้อำนวยโชคลาภความร่มเย็นเป็นสุขให้ครอบ
ครัวท่าน

กรรมต้องสะเดาะเคราะห์
เกิดจากกรรม เมื่อตนเองเข้าเสวยอาบุที่ไม่ดี ก็จะประสบเคราะห์ร้าย เช่น
ป่วยหนัก อุบัติเหตุ เสียเงิน จึงต้องสะเดาะเคราะห์ดังนี้
กรรมจาก
1.ชอบทำร้ายคนต่ำกว่าให้ทุกข์ทรมาน
2.ป่วยหนัก ซ่าสัตว์ไว้ ผิดศีลข้อ 1
วิธีแก้กรรม
1.กินเจ 7 วัน อุทิศให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เคยทำไว้ตั้งแต่อดีตชาติปัจจุบันชาติ
2.ตักบาตรให้ครบตามปีที่เข้าเสวยอายุ
3.ไหว้พระให้ครบ 7 วัน 7 วา ล้างเคราะห์ได้
4.ปล่อยสัตว์ลงน้ำ ตามกำลังวันเกิดตนเอง จนครบ 1 ปี เคราะห์จะกลายเป็นดี
5.ขอพรพระที่ตนนับถือ ไปที่วัด
ไปขอพรท่านให้พ้นเคราะห์พ้นโศกและช่วยให้ชีวิตก็จะดีขึ้น

กรรมคู่ไม่ดี
เกิดจากกรรม
1.เคยเป็นชู้กับผู้อื่นไว้ ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน
2.ทำร้ายจิตใจคู่ตนเองไว้
3.ทำร้ายร่างกายโดยตนเองอยากทำ เพราะหึงหวงให้เขาเจ็บปวด
4.ผิดศีลกาเม
5.ยุยงผู้อื่นให้เลิกกัน
วิธีแก้กรรม
1.ตั้งสัจจะว่าจะไม่แย่งผัวคนอื่น มาเป็นของตนเอง
2.หมั่นถวายเทียนคู่ในวันเกิดตนเองปีละครั้ง
ขอเสริมดวงชีวิตคู่ให้พบแสงสว่างในชีวิตคู่ที่ดี
โดยไปกับแผนและอธิษฐานขอพร
3.ถวายสังฆทานในวันเกิด เพื่อขอพรให้สมหวังด้านชีวิตคู่
และอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรและคู่ชีวิตที่เคยล่วงเกินไว้ทั้ง
อดีตชาติและปัจจุบันชาติให้ได้รับกุศล และอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
4.บริจาคทรัพย์ให้กับคู่ตางงานในงานแต่งงาน
เพื่อส่งเสริมให้เขาสมหวังในความรัก และตนเองก็จะได้บุญต่อไป
5.ไกล่เกลี่ยคู่สามี-ภรรยา ที่ทะเลาะกันแยกทางกัน ให้มารู้สึกดีต่อกัน
จะได้บุญด้านธรรมทางด้านชีวิตคู่

กรรมเป็นเมียน้อย
เกิดจากกรรม
1.เคยผิดลูกผิดเมียเขามาในชาติก่อน
2.ผิดศีลกาเม
3.เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
4.ขืนใจเขาโดยเขาไม่ยินยอม
เมียน้อยมี 3 ประเภท
1.เมียน้อย ผัวดี ช่วยเหลือ เกิดจากเคยทำบุญใหญ่
ช่วยเหลือคนและครอบครัวมามาก และอธิษฐานจิตมาเจอกัน แม้ไม่ได้เป็นเมีย 1
แต่เป็นเมีย 2 ที่ถูกต้อง เพราะกุศลนำพามาเจอ
จึงทำให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ผิด ไม่บาป
2.เมียน้อย ผัวร้าง แต่ไม่หยุดที่เขา
ทำให้เป็นโดยขำยอมเพราะกรรมเก่าที่เคยทำไว้ จึงต้องรับภาระเพราะทั้งรัก
ทั้งเจ็บ กรรมนี้อยู่ในการเคยขืนใจเขาไว้
แต่พอมาชาตินี้จึงต้องตกอยู่ในภาระจำยอมเจ็บ เพราะรักเขา
3.เมียเก็บ ผัวบังคับ แต่ส่งเสีย เกิดจากกรรมที่เคยผิดลูกผิดเมียเขาไว้
จึงต้องทุกข์ใจ แต่สบายกาย
วิธีแก้กรรม
1. ทำบุญสังฆทานสด ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง
เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้
รับกุศลและอโหสิกรรม
2.ถือศีล 5 ให้ได้ 1 ปี ต่อ 1 เดือน จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
3.ถวายธงคู่ อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น
3.บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3 วัน
อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดีขึ้น
5.ร่วมเป็นเจ้าภาพ งานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้น และสมหวัง
และสวดมนต์ขอพรทุกวันเกิดด้านความรักให้สมหวังต่อไป

กรรม ทุกข์ใจเพราะญาติพี่น้องและสามี
เกิดจากกรรม
1.เคยลำเอียง ไร้คุณธรรมในด้านครอบครัวไว้ก่อน
2.เคยเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน
3.เคยทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกในอดีตชาติ
วิธีแก้กรรม
1. ต้องบวชชีพราหมณ์ เพราะเมื่อเกิดอีกภพชีวิตจะได้ดีมีชีวิตที่ดีขึ้น
เพราะกุศลของการบวช ปฏิบัติธรรมทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม
และตนเองได้พบสิ่งที่มีกุศลมากขึ้น
2.ยึดพรหมวิหาร 4 มี เมตตา กรุณ มุทิตา อุเบกขา จะทำให้ชีวิตมีความเมตตา
และไม่ลำเอียงเอารัดเอาเปรียบคนใกล้ชิด
ทำให้วิถีชีวิตมีคนนับถือและพ้นจากความทุกข์ในเรื่องญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยว
ได้
3.นำพระคู่บ้านคู่เมืองเข้าสักการะที่บ้าน
และสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข

กรรมเป็นอัมพฤกษ์
เกิดจากกรรม
1.ฆ่าสัตว์
2.ทรมานสัตว์
3.ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
วิธีแก้กรรม
1.ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติรวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
2.ปล่อยสัตว์ลงน้ำ ในวันเกิดตนเอง
กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม
3.ถวายยาเข้าวัด หรือช่วยเหลือคนป่วย

กรรมเป็นมะเร็ง
เกิดจากกรรม
1.เคยฆ่าสัตว์ หรือทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงฆ่าสัตว์มาก่อน
จึงส่งผลให้มีสุขภาพที่รักษาไม่ได้
2.มีจิตใจเหี้ยมโหดมาตั้งแต่อดีตชาติ โดยสั่งฆ่าคนและทำร้ายคนให้เจ็บปางตาย
3.ทำแท้งมากมาย

วิธีแก้กรรม
1.ต้องทำบุญใหญ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน
เพื่อส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม
2.สร้างพระถวายให้เจ้ากรรมนายเวร
3.ให้มาสัมผัสจิตกับพระแม่อุมาเทวีโดยตรง

กรรมลูกไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง
เกิดจากกรรม
1.ทำแท้ง
2.เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
วิธีแก้กรรม
1.บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง
2.พาลูกไปหาหลวงปู่ ให้เทศน์สอน
3.ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง

กรรมค้าขายขาดทุน
เกิดจากกรรม
1.ไม่รู้เชี่ยวชาญในงานที่ทำ และไม่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
2.ทำแท้ง
3.ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้
4.ตั้งสัจจะกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะทำบุญเท่านั้น
แต่พอทำจริงทำน้อยนิดผิดสัญญาเป็นกรรม

กรรมเกิดมาไม่สวย
เกิดจากกรรม
1.ทำอะไรลวก ๆ กับพระ พ่อแม่
2.ชอบว่าผู้อื่น และทำร้ายสัตว์
3.ถวายดอกไม้แห้ง-เหี่ยว
แก้วิบากกรรม
1.หมั่นถวาย ดอกไม้หอม พวงมาลัย ไม่เวียนต่อพระพุทธรูป พระภิกษุสงฆ์
เทพด้วยกิริยาที่ตั้งใจ
2.ไม่ลบหลู่ ผู้มีพระคุณ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
3.บริจาคน้ำมันตะเกียง ขอแสงสว่างด้านความงาม

กรรมมีกลิ่นตัวเหม็นตลอด
เกิดจากกรรม
1.ชาติก่อนชอบดูถูก คนอื่น
2.ชาติก่อนชอบคิดอิจฉาริษยาผู้อื่น
วิธีแก้วิบากกรรม
1.ต้องรู้จัก เห็นผู้อื่นได้ดี พลอยยินดีไปด้วย
2.หมั่นถวายของหอม ดอกไม้ไม่ให้ขาด

กรรมเกิดมาโง่
เกิดจากกรรม
1.ดูถูกผู้ที่หมั่นหาความรู้ และชักชวนไปทำผิด
2.ไม่ขยันหมั่นเพียรศึกษาหาความรู้ แต่ทำตัวมั่วสุมในทางผิด
แก้วิบากกรรม
1.หมั่นทำบุญด้านหนังสือธรรมมะ หรือพิมพ์บทสวดมนต์แจก
2.ให้ถวาย หลอดไฟฟ้า
เพราะกุศลจะส่งผลให้ตนเองมีปัญญาแจ้งแดงตลอดในงานนั้น
ถวายในวันเกิดข้างขึ้น 7-15 ค่ำ เจริญขึ้น
3.หมั่นสวดมนต์ทุกวัน
4.หมั่นกตัญญูต่อความถูกต้อง และมีวิริยะมากขึ้น

กรรมมีบริวารไม่ดี
เกิดจากกรรม
1.ไม่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และคนใกล้ชิดในชาติก่อน
2.เคยให้ร้ายคนอื่นไว้ก่อน เมื่ออดีตชาติ
3.ไม่ช่วยเหลือส่วนรวม
แก้วิบากกรรม
1.หมั่นทำบุญโดย ให้ทาน กับบุคคลที่ใกล้ตัว
และหมั่นชักชวนบุคคลอื่นทำบุญร่วมกัน เกิดชาตินั้นฉันใดจะมีบริวารมากมาย
2.ให้ร่วมทำบุญด้าน บวชนาคหมู่ หรือสามเณรภาคฤดูร้อน
จะทำให้พ้นทุกข์และมีบริวารที่ดี อยู่ในศีลธรรม
3.หมั่นกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ

กรรมให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
เกิดจากกรรม
1.ฆ่าสัตว์ไว้เยอะ
2.เห็นคนเป็นอันตราย ก็พลอยสมน้ำหน้า
3.จิตใจอาฆาต คอยแช่งบุคคลอื่นเสมอ
4.ทำแท้ง ฆ่าคนมาก่อน
แก้วิบากกรรม
1.สร้างประตูวัด ป้องกันอันตรายให้ตนเอง ทำวันเกิดตนเองจะทำให้แคล้วคลาดอันตรายได้
2.มีหิริ โอตัปปะ ในจิตใจ
3.สวดมนต์คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทุกวันเกิด 3 จบ
4.ตักบาตรทุกวันเกิด อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิกรรม

กรรมเจอแต่คนเอาเปรียบ
เกิดจากกรรม
1.เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ
2.เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ
3.ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
แก้วิบากกรรม
1.หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น
2.ไม่ดื่มเหล้า ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย
3.หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดี ๆ เข้ามาในชีวิต

กรรมไม่มีลาภลอย
เกิดจากกรรม
1.ไม่เคยทำบุญเกินจิตที่ตั้งไว้
และเวลาบริจาคเสียดายทรัพย์ทั้งทั้งที่ตนมรเงินมากมาย
เกิดความตระหนี่แบบไม่ให้ทานอย่างเต็มใจ
2.ไม่ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ และยังอยากโลภได้เงินมาก ๆ โดยมิชอบ
แก้วิบากกรรม
1.ตั้งจิตทำบุญ ทำกุศลด้วยความบริสุทธิ์ใจ
และตั้งมั่นที่จะช่วยเหลือศาสนาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
2.หมั่นทำบุญใหญ่ ขอพรด้านลาภลอย
3.ให้ฝังลูกนิมิตร ปีละครั้ง อธิษฐานขอพรจะทำให้สมหวังในจิตที่ขอ

การออกกรรม
กรรม คือ การกระทำ หากทำกรรมไม่ดีก็ทำให้ทุกข์ทรมาน
การออกกรรมทำให้รู้กรรมและแก้กรรมได้
ทุกข์จากกรรมที่ตนเคยทำไว้ตั้งแต่อดีตชาติ ปัจจุบันชาติ
ยังผลให้ตนเองได้รับวิบากนั้น ทำให้ชีวิตทุกข์ต่าง ๆ การออกจากกรรมนั้น
เป็นการแสดงอาการกรรมให้รู้ เพื่อแก้ไขมิใช่ให้ยึดติด
เพราะจะทำให้จิตไม่ตัดกรรม ฉะนั้นเมื่อรู้กรรม ควรทำกุศลในทางที่ถูกต้อง
เพื่อชีวิตที่จะดีขึ้นต่อไป

วิธีออกกรรม
นั่ง สมาธิ บริกรรมยุบ พอง เป็นอาการเร่งกรรมให้แสดงออก
ควรมีพระผู้รู้กำกับจะทำให้ไม่บ้า และส่งกุศลได้ถูกต้อง
ดวงจิตที่มืดก็เปิดสว่างได้ บุญก็เกิด เช่น

เคยฆ่าปลา - ควรทำสังฆทานอุทิศให้ทุกเดือนติดกัน 1 ปี (กรรมป่วยบ่อย)
จะทำให้คุณดีขึ้น
เคยทำร้ายผู้มีพระคุณ -ควรขอขมาผู้มีพระคุณ และขอพรทุกปี ทำให้
(กรรมโดนกด) วันสำคัญทุกปี

ที่มา: FWD Email




 

Create Date : 06 เมษายน 2552    
Last Update : 6 เมษายน 2552 13:26:42 น.
Counter : 596 Pageviews.  

วิธีทำบุญแบบไม่ต้องเสียตัง


วิธีทำบุญแบบไม่ต้องเสียตัง



*๑.ตื่นเช้าขึ้นมาก็คิดแต่สิ่งดีๆ ทันทีที่ตื่นนอน
*หากเราคิดถึงแต่สิ่งที่ดีที่งาม
ก็จะทำให้จิตใจเราสดชื่นกระตือรือร้นพร้อมที่จะรับมือกับชีวิตประจำวันด้วยความรื่นเริง
ไม่หงุดหงิด โมโห แค่นี้
นอกจากเราจะมีความสุขแล้วคนรอบข้างเราก็มีความสุขไปด้วยถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง

*๒.ยิ้มแย้มแจ่มใส ในแต่ละวัน*
หากเราจะรู้จักยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ว่าจะยิ้มกับคนรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตามหน้าตาของเราก็จะดูเป็นมิตร
ทำให้คนอยากเข้าใกล้ถ้าเราเป็นพ่อแม่ ยิ้มกับลูกก่อนไปทำงาน ลูกก็ดีใจ
ลูกยิ้มกับพ่อแม่ๆก็สบายใจว่าต่างคนต่างไม่มีเรื่องเดือนร้อนใจแน่
หรือหากมีก็กล้าจะมาปรึกษาหารือ
หรือหากเป็นเจ้านายยิ้มกับลูกน้องๆก็รู้ว่าวันนี้นายอารมณ์ดี
ทำให้ทำงานด้วยความมั่นใจไม่ต้องระแวงว่าจะถูกเรียกไปต่อว่าและถ้าเรียกก็ดูน่าจะมีเมตตากว่าเวลาที่นายทำหน้ายักษ์

*๓.ทักทาย โอปราศรัย คนบางคน นอกจากจะไม่ยิ้มกับใครแล้ว*
ยังชอบทำหน้าบึ้งตึงไม่คิดจะพูดจาทักทายใครด้วยซึ่งถ้าเกิดทำงานด้านบริการคนมาติดต่อคงรู้สึกเกร็งและกังวลตลอดว่าจะถูกเอ็ดตะโรเมื่อไรก็ไม่รู้ดังนั้น
นอกจากยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วเราก็ควรจะเอื้อนเอ่ยวาจาทักทายผู้มารับบริการก่อนการทักทายปราศรัยกับผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นผู้มาขอรับบริการเพื่อนฝูงคนรู้จัก
ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือแม้แต่คนที่มาทำงานให้เรา เช่น แม่บ้าน ยาม
ฯลฯจะทำให้เขารู้สึกเป็นมิตร และอบอุ่นใจ
ทำให้บรรยากาศในที่นั้นๆดีขึ้น

*๔.แบ่งปันน้ำใจไมตรี สามารถทำได้ทุกที่และทุกเวลา เช่น*
ช่วยพ่อแม่จัดโต๊ะอาหาร ล้างถ้วยชาม ลุกให้เด็กผู้หญิงท้อง หรือคนแก่นั่ง
ช่วยถือของหนักให้คนในรถเมล์หยุดรถให้คนข้ามถนนหรือรถอื่นไปก่อนช่วยแบ่งเบาภาระงานให้เพื่อนในที่ทำงาน
เป็นต้นการให้ความช่วยเหลือเช่นนี้เป็นการทำบุญด้วยการลดความเห็นแก่ตัวของเราลงและทำให้เราได้รับมิตรไมตรีสนองตอบกลับมาด้วย

*๕. ปลุกปลอบให้กำลังใจช่วยแก้ไขปัญหาหลายๆ*
ครั้งที่เพื่อนฝูงญาติมิตรอาจประสบปัญหาชีวิตและเกิดความทุกข์ใจแสนสาหัสสิ่งที่ดีที่สุดคือความเป็นมิตรและถ้อยคำที่ปลุกปลอบให้กำลังใจคำพูดดีๆที่มาจากใจจะทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์รู้สึกดีขึ้นและมีพลังที่ต่อสู้ชีวิตต่อไปได้

*๖.ให้คำชมด้วยความนิยมยินดี*
การกล่าวคำชื่นชมต่อผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆย่อมจะทำให้ผู้รับคำชมรู้สึกปลาบปลื้มยินดีและมีความสุขได้
โดยเฉพาะในเรื่องที่เขาทำสำเร็จแต่ทั้งนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและจริงใจด้วยดูอย่างตัวเราเองแค่วันไหน
แต่งตัวสวย แล้วมีคนชม
เราก็หน้าบานไปทั้งวันแล้ว
เช่นเดียวกันคนทุกคนล้วนอยากได้การยอมรับและคำชมทั้งนั้นเพราะคำชมจะเป็นการเสริมเพิ่มกำลังใจให้อยากทำดียิ่งๆขึ้นไป

*๗.แนะนำให้คำสอนที่ดี มีคุณค่า*
ไม่ว่าจะเราจะอยู่ในสถานภาพใด เช่น เป็นลูก เป็นพ่อแม่ลูกน้อง เจ้านาย
เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมอาชีพ
ฯลฯหากเราจะมีเมตตาแนะนำในสิ่งที่ดีมีประโยชน์และคุณค่าต่อผู้อื่นหรือสอนในสิ่งที่เราชำนาญให้แก่ผู้อื่นก็จะเป็นการช่วยเกื้อกูลสังคมให้ดียิ่งขึ้น
และผลก็จะย้อนมาสู่ตัวเราผู้ทำด้วย เช่น สอนงานให้ลูกน้อง
ต่อไปเมื่อเขาทำงานเป็นเราก็ไม่ต้องเหนื่อยมากและเขาก็จะรู้สึกขอบคุณเรา
แนะวิธีออกกำลังกายให้พ่อแม่ท่านก็แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย
เราก็สบายใจหรือแม้แต่การแนะนำให้ความรู้ที่เรามีหรือทราบมาแก่คนไม่รู้จักอย่างแนะนำหมอ
ยาดีๆหรือธรรมะที่ดีแก่คนอื่นทำให้เขาหายป่วยหรือรู้สึกดีขึ้นเขาก็จะอธิษฐานหรือให้พรเรา
ทำให้เราพบแต่สิ่งดีๆในชีวิต

*๘.การให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น*
โดยทั่วไปคนเรามักจะให้อภัยตัวเองง่ายและมีข้อแก้ตัวให้ตนต่างๆนานา
แต่ถ้าผู้อื่นผิดพลาดแล้วเรามักเห็นเป็นเรื่องใหญ่และตำหนิติเตียนไม่รู้จักแล้วจบดังนั้น
เราจะต้องหัดมีเมตตารู้จักให้อภัยต่อผู้อื่นให้ง่ายเหมือนให้อภัยแก่ตัวเราเองเพราะการให้อภัย
จะทำให้เราไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาตมาดร้ายไม่ก่อศัตรู
แต่ทำให้จิตใจเราสงบเย็นเป็นฝึกจิตพื้นฐานอย่างหนึ่งที่จะนำไปสู่กุศลขั้นสูงอื่นๆต่อไป

*๙.ฝึกจิตให้สงบและสบายด้วยการทำสมาธิหรือสวดมนต์*
การทำสมาธิ ฟังดูเหมือนยาก
แต่จริงๆเราทำได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่ เช่นกินข้าว อาบน้ำ
ทำการบ้าน ทำงานบ้าน
อ่านหนังสืออยู่ที่ทำงานหัวใจหลักคือให้เอาใจไปจดจ่อในสิ่งที่ทำเพียงอย่างเดียวจะทำให้เราทำทุกอย่างได้ดีขึ้น
เพราะไม่พะวักพะวนคิดหรือทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันอันทำให้ขาดสติและทุกๆคืนก่อนนอน
ก็ควรสวดมนต์ไหว้พระที่เรานับถือโดยอาจเลือกบทสวดสั้นๆที่เราชอบเสร็จแล้วก็อย่าลืมแผ่เมตตาให้กับตัวเราเองและผู้อื่นตามสมควร


ที่มา: FWD Email




 

Create Date : 20 มีนาคม 2552    
Last Update : 23 มีนาคม 2552 10:31:01 น.
Counter : 1131 Pageviews.  

ธรรมะจากวัด โดย ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ วัดพุทธปัญญา แคลิฟอร์เนีย

ธรรมะจากวัด


ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ วัดพุทธปัญญา แคลิฟอร์เนีย



สุขสงบ หรือสุขสมอยาก



เมื่อถึงวันเกิด หรือเทศกาลปีใหม่แต่ละครั้ง มิตรสหายหรือผู้ที่เคารพนับถือมักจะอวยพรให้แก่กันและกันว่า สุขสันต์วันปีใหม่ หรือสุขสันต์วันเกิด หรือหากเป็นคริสตศาสนิกชนก็มักจะอวยพรให้แก่กันและกันในวันเกิดพระคริสต์ว่า สุขสันต์วันคริสต์มาส

ผู้ที่สนใจแสวงหาความสุขหลายท่านเคยตั้งคำถามว่า พระพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่องความสุขไว้บ้างหรือไม่อย่างไร

หากจะตอบกันตามตำราทางพระพุทธศาสนาแล้วละก็ พระพุทธเจ้าตรัสทางแห่งความสุขไว้หลายอย่าง แต่สรุปสั้นๆ พระพุทธเจ้าจัดความสุข เป็นสองอย่างคือ อามิสสุข แปลว่า สุขที่อาศัยอามิส หรือ เหยื่อ ได้แก่ คนจะมีความสุขได้ต้องอาศัยสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาตอบสนองความอยาก เมื่อเขาหรือเธอได้รับสิ่งใดสิ่งหนึ่งสมอยากแล้วจึงเป็นสุข

นิรามิสสุข แปลว่า สุขที่ไม่อิงอามิส หรือเหยื่อ ความสุขอันเกิดจากความสงบ ไม่ต้องอาศัยสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาตอบสนองความอยาก ก็เป็นสุขได้

ความสุขสมอยาก หากไม่สมอยาก เป็นทุกข์ทันที หากสมอยาก จึงเป็นสุข

ความสุขสงบ เมื่อไม่สงบเป็นทุกข์ทันที หากสงบจึงเป็นสุข

ทางแห่งความสุขจึงแบ่งเป็นสองคือ

1. ทางแห่งความสุขสมอยาก ต้องแสวงหาสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง เรือกสวนไร่นา ชื่อเสียง เกียรติยศมาตอบสนองความอยาก ต้องลงทุนลงแรงวิ่งล่าหากันจนบางครั้งต้องแลกด้วยชีวิตของตน หรือแลกด้วยชีวิตผู้คนพวกพ้องบริวาร ก็ยังหาความสุขไม่พบ

2. ทางแห่งความสุขสงบ ผู้หวังความสงบ ต้องปลูกฝัง ต้องสะสมความสงบที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างมากมาย เพียงแต่ไม่สังเกต จึงมองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ หรือมีอยู่อย่างเพียงพอ ผู้ปรารถนาความสงบเพียงแต่ระวังใจอย่าให้ตัณหามาครอบคลุม บีบรัด ลากจูง ดิ้นรนแสวงหาเหยื่อมาตอบสนองข้อเรียกร้องของมันเท่านั้น

ความสุขสงบ มีคุณค่า ไม่มีราคา ไม่มีความสูญเสีย แตกต่างจากความสุขสมอยาก ซึ่งไม่เคยมีคุณค่าที่ยั่งยืน จะมีคุณค่าแค่ประเดี๋ยวประด๋าว เวลาผ่านไปไม่เท่าไร ก็กลายเป็นของไร้ค่าไปทันที แต่กว่าจะได้ครอบครองความสุขแต่ละครั้ง ต้องเสียเงินมาก ต้องเสียเวลามาก สูญเสียทรัพยากรมาก เพื่อความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วยาม

ความสุขสงบเย็นเกิดขึ้นได้ในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ หาได้ง่ายๆ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชีวิต ประกอบด้วย สติ สัมปชัญญะ สมาธิและปัญญา หรือหากฟังชื่อธรรมะแล้วชวนปวดเศียรเวียนเกล้า เดินเข้าไปดูของจริงตรงๆ ก็ได้โดยการหาเวลาให้ตัวเองสักวันละชั่วโมง นั่งเงียบๆ ที่ใดที่หนึ่ง สังเกตดูความรู้สึกตรงๆ ว่า เป็นอย่างไรในขณะนั้นๆ

หากพบความวุ่นก็มองตรงความวุ่นนั้นแหละ ไม่ต้องอยากสงบ เพราะถ้าอยากสงบ หากไม่สงบตามที่เราอยากเราปรารถนา ความทุกข์จะตามมาอีก เฝ้าดูความวุ่นจนมันสงบไปเอง หรือเปลี่ยนไปคิดเรื่องใหม่ ก็เฝ้าดูอีกต่อไป

ข้อที่ควรสังเกตคือ ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ดูความเคลื่อนไหว มิใช่เป็นผู้เคลื่อนไหว หากเป็นผู้เคลื่อนไหวเสียเอง บทบาทจะทับซ้อนกันจนแยกไม่ออกว่า อะไรกำลังเคลื่อนไหว อะไรกำลังดู

ต้องหาโอกาสใช้สติสัมปชัญญะ ดูความเคลื่อนไวของใจให้ชัดๆ

เมื่อดูจนชัดและคุ้นเคยแล้ว ต่อมาก็จะแยกจิตออกจากกิเลส

สัมผัสจิตว่าง ที่กิเลสไม่ปกคลุม ไม่เร่งเร้า ไม่บีบบังคับขับเคลื่อน

ด้วยการสัมผัสกับจิตว่างนี้ ในช่วงเวลาสั้นหรือยาวก็จะทราบด้วยตนเองว่าว่างอย่างชัดแจ้ง

หากได้สัมผัสความว่างนี้แล้ว อย่าเร่งรีบ เฝ้าดู สัมผัส เพ่งพิจารณา จนกว่าความคิดที่เป็นกุศลหรืออกุศลจะผ่านเข้ามา ก็ตั้งสติตามดู ตามรู้ ตามเห็น จนลับตา เป็นไปตามพุทธพจน์ที่ว่า ภิกษุทั้งหลาย จิตเดิมแท้บริสุทธิ์หมดจด เมื่อกิเลสจรเข้ามาจิตจึงเศร้าหมอง

พระพุทธพจน์นี้มีนัยสำคัญตรงที่ว่า จิตเดิมแท้บริสุทธิ์ ส่วนกิเลสนั้น จรเข้ามาคือ เพียงผ่านมา แล้วผ่านไป ส่วนกิเลสจรเข้ามาแล้วจะจอดอยู่ช้าหรือจะจอดนาน ผู้ปฏิบัติภาวนาต้องเฝ้าดูเองว่า กิเลสแต่ละส่วนที่จรมาจะผ่านไปช้าๆ หรือผ่านไปเร็วๆ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ใดจะระวังจิต ผู้นั้นจะพ้นจากบ่วงแห่งมาร

การภาวนาคือ การเฝ้าระวังจิต ไม่เผลอให้กิเลสโอบล้อม ผูกมัดรัดรึงโดยไม่รู้ตัวหรือไม่เผลอปล่อยจิตให้แล่นหลงเข้าไปในบ่วงมาร

สติเป็นผู้เฝ้าดูอย่าเผลอไปร่วมมือกับมารชักศึกเข้าบ้านมาทำร้ายเจ้าของบ้านและทำลายบ้านเสียยับเยิน

การให้เวลากับตัวเองฝึกฝนเฝ้าดูใจเช่นนี้ จะทำให้พบรู้จักคุ้นเคยกับความสุขสงบได้ เมื่อฝึกฝนไปเรื่อยๆ ก็จะสัมผัสกับจิตสงบได้เร็วขึ้นตามความถี่ที่ฝึกมา หากฝึกๆ หยุดๆ จิตเผลอได้ง่าย เมื่อไร้สติ กิเลสก็เข้ามาตั้งรกรากได้ง่าย จิตจะกลับไปคุ้นเคยกับกิเลส นานเข้าก็อยู่กันได้อย่างไม่รู้สึกอึดอัดรำคาญ

ทางเดินชีวิตของมนุษย์ในโลกนี้จึงมีสองทางใหญ่ๆ คือเดินไปบนเส้นทางแห่งความสุข สมอยาก และความสุขสงบ

ผู้ที่ต้องการเดินบนเส้นทางสุข สมอยาก ย่อมมีตัณหา เป็นผู้นำทาง เพื่อตามล่าเหยื่อมาสนองตัณหาให้สมอยาก อิ่มแล้วอยาก อิ่มแล้วอยาก ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนไฟไม่อิ่มด้วยเชื้อ

ส่วนผู้ปรารถนาจะเดินบนเส้นทางแห่งสุขสงบ มีสติปัญญา เป็นผู้นำ ย่อมสัมผัสกับสันติสุขที่เกิดง่ายๆ ไร้ราคาจากใจที่หยุดแล่น ทุกก้าวย่างบนเส้นทางชีวิตที่ผ่านพ้นไปได้รับความสุขเป็นรางวัลอย่างสม่ำเสมอ เมื่อจิตใจไม่ปรุงแต่ง แม้เพียงชั่วขณะใดขณะหนึ่ง สติปัญญาจะคอยบอกเตือนเสมอว่า หลงใหลเผลอไผลแบกสิ่งใดจนใจหนัก ก็จะได้รีบปล่อย รีบวาง เข้าใจใคร่ครวญอยู่สม่ำเสมอว่า อะไรคือวุ่น อะไรว่าง อะไรหนัก อะไรเบา อะไรเศร้าหมอง อะไรผ่องใส อะไรควรละ อะไรควรจะเจริญ แล้วมุ่งหน้าเดินเข้าหาความสุขสงบเย็น ด้วยความมั่นใจ ขอความสุขสงบเย็นจงบังเกิดแก่ผู้ปรารถนาความสุขสงบเย็นอย่างถูกธรรมและถูกทางเถิด

ที่มา: มติชน (1/3/2552)

//info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05112010352&srcday=&search=no




 

Create Date : 13 มีนาคม 2552    
Last Update : 13 มีนาคม 2552 17:52:26 น.
Counter : 746 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

byonya
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




I am not a perfect, but simple!

 
 
Custom Search



 
 

Website น่าสนใจ  
 
หนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท

เว็บการศึกษา Eduzones.com

Business Web Directory .biz - Business Directory
 


Word of the Day

This Day in History

Quote of the Day

Hangman




Friends' blogs
[Add byonya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.