มีโอกาสได้ไปเที่ยวจันทบุรีมา 3 วัน 2คืน ครับ รู้สึกหลงรักจังหวัดนี้มากๆ อากาศร่มรื่นไม่ร้อนจนเกินไปไม่แฉะเกินไปคงเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนผลไม้มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวดูเย็นตา เย็นใจ สถานที่ท่องเที่ยวก็มีหลากหลายมากๆทั้งวัดเก่า สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ทะเล หาดทราย น้ำตก สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับเด็กๆก็มีครับที่สำคัญของกินอร่อยมากกกกกกกก ทั้งผลไม้มากมายราคาถูก อาหารทะเลก็ถูกมากจนน่าตกใจนี่ก็ร่ำๆว่าจะกลับไปเที่ยวอยู่เร็วๆนี้อีกแล้วนะครับ

สถานทีท่องเที่ยวทางศาสนาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองจันทบูรที่ได้ยินชื่อเสียงมานานถึงความเก่าแก่และความสวยงามก็คือ“อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฎิสนธินิรมล” นี่ก็ได้ยินชื่อมานานแล้วครับคิดอยู่เสมอว่าถ้ามีโอกาศได้ไปเที่ยวเมืองจันทบุรีจะต้องไปชมให้ได้เลยเราเลือกไปชม “อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฎิสนธินิรมล” ในเช้าตรู่ของวันที่สองของการเที่ยวเมืองจันท์ครับเพราะจาก “อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฎิสนธินิรมล”แค่ข้ามสะพานก็สามารถเดินชมตลาดเก่าริมแม่น้ำจันทบูรได้ สะดวกมากๆ

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล (The Cathedral of TheImmculate Conception Chanthaburi)

สำหรับการเดินทางไป“อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฎิสนธินิรมล” ให้ดูจากแผนที่เอาดีกว่าครับ เพราะเจ้าของบล็อกตั้ง GPS ไปครับก็เลยไม่แม่นเส้นทางอย่างแรงอิอิอิดูๆจากแผนที่แล้วถ้าวิ่งจากถนนสุขุมวิทแล้วมาเลี้ยวขวาตรงแม็คโครเข้าถนนท่าหลวงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนจันทนิมิตร1 จะง่ายสุดๆครับ (เจ้าของบล็อกวิ่งผ่าตัวเมืองจันทบุรีข้ามแม่น้ำจันทบูรมาอีกฝั่งนึงครับก็เลยซับซ้อนไปนิดส์ อิอิอิ) ที่โบสถ์จะมีลานจอดรถสามารถจอดได้ซัก20-30 คันนะครับ ถ้าไปในช่วงเวลาไม่มีพิธีการก็สามารถจอดได้สบายเลย

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล (The Cathedral of TheImmculate Conception Chanthaburi) เป็นโบสถ์ในคริสต์ศาสนานิการโรมันคาทอลิก ที่อยู่คู่กับชุมชนชาวคริสต์จันทบุรีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจันทบูร บริเวณโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ถนนสันติสุข ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี ตรงข้ามกับตลาดเก่าริมแม่น้ำจันทบูรสามารถเดินข้ามสะพานนิรมลไปฝั่งตลาดเก่าริมแม่น้ำจันทบูรได้

ด้านหน้าของโบสถ์มีอนุสาวรีย์พระนางมารีอา ตั้งอยู่ห่างจากรั้วออกไปทางแม่น้ำเป็นระยะทาง 2552 เซนติเมตร ซึ่งตรงกับการฉลิมฉลอง 100ปีอาสนวิหารฯ ในปี พ.ศ.2552พอดี

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมลมีประวัติการก่อสร้างยาวนานกว่า 300 ปี ย้อนกลับไปถึงสมัยอยูธยาโน่นแน่ะครับในปลายรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ชาวญวณที่นับถือคริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิกได้อพยพหนีภัยการบีบคั้นในเลิกนับถือคริสตศาสนาในประเทศเวียดนามเข้ามาอยู่ที่จังหวัดจันทบุรีจึงได้สร้างโบสถ์หลังแรกเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจขึ้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบูร(ฝั่งตงกันข้ามกับที่ตั้งปัจจุบัน) ต่อมาโบสถ์หลังแรกได้ถูกทิ้งร้างเพราะทางการได้กวาดต้อนชาวคาทอลิกไปอยู่อยุธยาในปี พ.ศ. 2295 บาทหลวงเดอกัวได้รวบรวมชาวคาทอลิกที่กระจัดกระจายให้มาอยู่รวมกันที่เดิมและรวมตัวกันสร้างวัดหลังที่ 2 ขึ้นด้วยไม้กระดานเก่าๆประกอบด้วยไม้ไผ่หลังคามุงด้วยใบตาล ปี พ.ศ. 2377 บาทหลวงมัทเทียโดและบาทหลวงเคลมังโซ่ได้ช่วยกันสร้างวัดเล็กๆ หลังที่ 3 โดยย้ายข้ามมาอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรีซึ่งเป็นบริเวณตั้งอยู่ปัจจุบัน

เมื่อชุมชนชาวคาทอลิกขยายตัวเพิ่มมากขึ้นบาทหลวงรังแฟง จึงได้เริ่มก่อสร้างวัดหลังที่ 4 ขึ้นในปีพ.ศ. 2381 โดยคริสตศานิกชนได้ร่วมแรงร่วมใจและร่วมบริจาคทรัพย์วัดหลังนี้มีลักษณะถาวรมากขึ้น มีการใช้อิฐ หิน และปูนในการก่อสร้าง จนกระทั่งในปีปี พ.ศ. 2443 ซึ่งตรงกับช่วงที่ฝรั่งเศสยึดครองเมืองจันทบุรีบาทหลวงเปโตร เปรีกาล ได้สร้างวัดหลังที่ 5 ซึ่งเป็นวัดหลังปัจจุบันโดยใช้สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่เรียกว่า ศิลปะโกธิค มียอดแหลมของหอทั้งสองข้างแต่เมื่อ พ.ศ. 2483 ไทยเกิดมีกรณีพิพาทอินโดจีน(สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2) ทางการจึงสั่งให้เอาหลังคายอดแหลมของหอทั้งสองออกเพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศต่อมาได้ทำพิธียกยอดแหลมมาตั้งไว้เหมือนเดิมเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมพ.ศ. 2552 เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของการสร้างโบสถ์

ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของโบสถ์หลังที่ 5 นี้เป็นศิลปะแบบนีโอ – โกธิคคือยังคงความสูงใหญ่เหมือนศิลปะแบบโกธิคแต่ตัดทอนการตกแต่งอลังการภายนอกตัวอาคารโบสถ์ยาว  60  เมตร กว้าง 20  เมตร ถือเป็นโบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เชื่อว่าได้จำลองแบบมาจากวิหารน็อตเตอร์ดามที่ประเทศฝรั่งเศส ด้านหน้าของโบสถ์เป็นหอคู่ที่ด้านหนึ่งมีนาฬิกาบอกเวลาเรือนใหญ่เส้นรอบวงหน้าปัดมีขนาด 4.70 เมตร สามารถมองเห็นได้แต่ไกล ด้านบนนาฬิกามีระฆัง 3ลูก ลูกใหญ่หนัก 650 กิโลกรัม มีเสียง “ซอล” ลูกกลางหนัก 325 กิโลกรัม มีเสียง“ซี” ลูกเล็กสุดหนัก 160 กิดโกรัม มีเสียง “เร”

ด้านในโบสถ์เป็นโถงโล่งมีระเบียงชั้นสองโดยรอบมีบันไดเวียนขึ้นไปยังระเบียงภายในแต่บันได้เวียนนี้เปิดให้ขึ้นได้ตอนมีงานสำคัญทางศาสนาเท่านั้น เพดานของโบสถ์ทำเป็นรูปท้องเรือสมมุติว่าให้เป็นเรือโนอาร์ตามตำนานในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

ภายในโบสถ์ตกแต่งไม้ฉลุลวดลายบานหน้าต่างทรงสูง ยอดโค้งแหลม บริเวณเหนือแท่นบูชาและหน้าต่างโดยรอบประดับกระจกสีที่เรียกว่าสเตนกลาส จากต่างประเทศโดยรอบเป็นภาพนักบุญในคริสต์ศาสนาต่างๆ ซึ่งกระจกสีเหล่านี้มีอายุรวมกว่า 100 ปี แต่ยังดูเหมือนใหม่มาก บริเวณพระแท่นได้รับการตกแต่งแบบโกธิคพื้นปูด้วยหินอ่อน บริเวณเหนือพระแท่นบูชา มีรูปกางเขนและพระรูปพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล องค์ประธานของวัดตั้งตระหง่านอย่างงดงามรวมทั้งรูปปั้นของนักบุญยออากิม และนักบุญอันนา บิดามารดาของพระนางมารีด้วย

เฉพาะรูปพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมลทำด้วยทองคำขาวหนัก 76 กิโลกรัม สูง 1.20เมตร ประดับด้วยพลอย 2 แสนเม็ด 2 หมื่นกะรัต มูลค่ากว่า 10 ล้านบาทโดยพลอยทั้งหมดมาจากความตั้งใจของผู้มีจิตศรัทธาของจังหวัดจันทบุรีร่วมกันบริจาค มีพิธีเสกเมื่อวันที่11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมลได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นโดยสมาคมสถาปนิกสยามประจำปี 2542  

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00–18.00 น.การเข้าชมเป็นหมู่คณะติดต่อล่วงหน้า โทร. 0 3931 1578

ขอขอบคุณท่านเหล่านี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ

โบสถ์โรมันคาทอลิกที่สวยงามที่สุดในเอเชีย @ จันทบุรี โดย คุณ เอกสิทธ์

//www.oknation.net/blog/vasit/2010/01/13/entry-1

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล 

//www.cathedralchan.or.th/

Chubby Lawyer Tour .............................. เที่ยวไป ..... ตามใจฉัน