หลังจากที่พาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดราชบุรีและสัตหีบชลบุรีมาแล้ว อาทิตย์นี่ขอย้อนมาเที่ยวจังหวัดเพชรบุรีกันบ้างนะครับ เพชรบุรีเป็นเมืองโบราณมีหลักฐานว่ามีการตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยทวาราวดีโน่นแนะครับในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ก็เป็นเมืองที่มีความสำคัญมากๆจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เยอะมากๆวันนี้ขอย้อนเวลากลับไปไม่ไกลมากครับ ซักเมื่อประมาณ 100 กว่าๆปีเท่านั้นเองครับ
พระรามราชนิเวศน์ (พระราชวังบ้านปืน) และพระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท
พระรามราชนิเวศน์ ตั้งอยู่ในค่ายพระรามราชนิเวศน์ ถนนราชดำเนินจังหวัดเพชรบุรี ครับ วิธีการเดินทางมาพระรามราชนิเวศน์ก็ไม่ยากครับเดินทางลงใต้มุ่งหน้าจังหวัดเพชรบุรีแล้วใช้เส้นทางตรงเข้าตัวจังหวัดเพชรบุรีไม่ไปทางหัวหินนะคับ เราจะตรงเข้ามาทางพระนครคีรีหรือเขาวัง แล้วเลี้ยวขวาตรงเขาวังแล้วเลี้ยวซ้ายทันทีตรงไฟแดงถัดไปตรงทางขึ้นเขาวังพอดีเลยครับขับตรงมาที่ไฟแดงที่สองก็เลี้ยวขวาเข้าถนนดำเนินเกษมตรง ขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านตลาดเก่าริมน้ำทางด้านซ้ายฝั่งขวามือเป็นวัดมหาธาตุ ขับตรงมาเรื่อยๆจนสุดถนนดำเนินเกษม พระราชวังบ้านปืนอยู่เลยโรงพยาบาลค่ายรามราชนิเวศน์ไปนิดเดียวเท่านั้นครับถ้มมาทางถนนดำเนินเกษมจะตรงเข้าปรตู ผ่านป้อมยามเลยครับ
ก่อนที่จะเข้าไปในค่ายพระรามราชนิเวศน์ก็ต้องมีการแลกบัตรกันก่อนนะครับเพราะเป็นสถานที่ราชการจะมาจะไปก็ต้องมีการบอกกล่าวรายงานตัวโดยการแลกบัตรกันก่อน อย่าได้เกี่ยงงอนกันเลยนะครับ ที่เค้าทำไปก็เป็นการทำตามระเบียบและเพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งทางสถานที่และผู้เข้าชมครับ ส่วนองค์พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาทจะต้องขับรถตรงไปอีกนิดนึงครับ บริเวณหน้าองค์พระที่นั่งจะมีลานจอดรถกว้างๆเลยครับ จอดรถเสร็จแล้วก็ไปซื้อบัตรเพื่อเข้าชม 20 บาท แต่จะเป็นค่าเข้าชมภายนอกเท่านั้นนะครับ ถ้าจะเข้าชมภายในจะต้องเสียค่าเข้าชมอีกครั้งโดยติดต่อซื้อบัตรได้ที่หน้าบันไดพระที่นั่งครับ แต่ห้ามถ่ายรูปด้านในพระที่นั่งนะคราบบบ
ก่อนจะเข้าไปชมพระที่นั่งก็มากราบสักการะอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกันก่อนครับ
พระราชวังบ้านปืนสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ตามพระประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงโปรดเกล้าฯให้จัดสร้างพระราชวังไว้เป็นที่ประทับแรมในฤดูฝนจึงได้มีพระบรมราชโองการให้จัดซื้อที่ดินจากชาวบ้านบริเวณพื้นที่บ้านปืนทางด้านทิศตะวัตกริมแม่น้ำเพชรบุรี โดยมีนายคาร์ล ดอห์ริงสถาปนิกชาวเยอรมนีเป็นผู้เขียนแบบ, ดร.ไบเยอร์ ชาวเยอรมนี เป็นนายช่างก่อสร้าง, พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นดำรงราชานุภาพ (พระยศขณะนั้น)ทรงควบคุมการก่อสร้าง, และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมด้านการไฟฟ้า
พระราชวังบ้านปืนมีพระที่นั่งที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่หนึ่งองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 19 สิงหาคมพ.ศ. 2453 แต่ว่าในระหว่างการก่อสร้างพระราชวังและพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตก่อนที่จะสร้างเสร็จพระที่นั่งองค์นี้มาสร้างเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในปีพ.ศ. 2459 รวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 9 ปี พระราชทานชื่อว่าพระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเปลี่ยนชื่อจากพระราชวังบ้านปืน เป็น พระรามราชนิเวศน์ นอกจากนี้ พระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อรูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง(ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) แต่คนทั่วไปจะเรียกติดปากว่าพระราชวังบ้านปืนตามชื่อเดิมของถิ่นที่อยู่นั่นเอง แม้ว่าพระรามราชนิเวศน์จะสร้างเสร็จในรัชกาลที่ 6แต่พระองค์ก็มิได้เสด็จประพาสมายังพระราชวังนี้บ่อยนักจะเสด็จมาประทับเพื่อทอดพระเนตรการซ้อมเสือป่าบ้างแต่ก็น้อยครั้งมากวังนี้จึงเริ่มทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ
พระที่นั่งได้ใช้ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบบาโรค (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) หรือที่เยอรมันเรียกว่าจุงเกนสติล (Jugendstil) มีลักษณะเช่นเดียวกับพระราชวังของพระเจ้าวิลเฮิร์มไกเซอร์แห่งประเทศเยอรมันเป็นพระที่นั่ง 2 ชั้น หลังคารูปโดม ตัวพระตำหนักจะเน้นความทันสมัยโดยจะไม่มีลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารในสมัยเดียวกันแต่จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่างและเพดาน ทำให้พระตำหนักดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตาด้านหน้าพะที่นั่งหันไปทางทิศใต้ ห่างจากแม่น้ำเพชรบุรี 50 เมตรหลังคาพระที่นั่งเป็นกระเบื้องสีน้ำตาล นำเข้าจากต่างประเทศ
ข้อความต่อจากนี้ไปหามาจากในอินเตอร์เนทนะครับเพราะเค้าห้ามถ่ายภาพภายในพระที่นั่งครับ เราเลยได้ภาพโดยรอบพระที่นั่งมาฝากแทนก็แล้วกันครับ
แผนผังของตัวอาคารสร้างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมสวนหย่อมมีสระน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ประทับเป็นตึกสองชั้นขนาดใหญ่ หลังคาทรงสูงรูปโดม ภายในเป็นโถงสูงมีบันไดโค้งขึ้นสู่ชั้นสองทั้ง 2 ข้างซึ่งจัดเป็นจุดเด่นของพระตำหนักเพราะรวมสิ่งน่าชมไว้หลายหลากตัวอย่างเช่น เสาที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและตกแต่งด้วยโลหะขัดเงาเสาเหล่านี้แล่นตลอดจากพื้นจดเพดานชั้นสองและประดับด้วยกระเบื้องเขียวเข้ากันกับบริเวณโดยรอบโถงบันไดที่หัวเสาตาม ราวบันไดโค้งมีตุ๊กตากระเบื้องรูปเด็กในอิริยาบถต่าง ๆ ประดับไว้ รอบบริเวณโถงบันไดชั้นบนยังมีกรอบลูกไม้กระเบื้องเคลือบประดับตามช่องโดยรอบอีกด้วยชั้นสองปูพื้นด้วยไม้ขัดมัน ห้องต่างๆเป็นห้องโล่งๆ ผนังห้องตกแต่งด้วยไม้แกะสลักหน้าต่างประดับด้วยกระจกสีลวดลายต่างๆ
พระที่นั่งองค์นี้ยังมีสิ่งที่น่าชมอีกมากกล่าวคือ การตกแต่งภายในแต่ละห้องให้มีรูปลักษณ์แตกต่างกันไปทั้งสีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้องเสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัดแบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสดตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตามแนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวดลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระบรรทมใช้โทนสีทองโดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกันดอกไม้หลากสีบนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง
Chubby Lawyer Tour ....................... เที่ยวไป .............. ตามใจฉัน
น่าสนใจมาก ๆ
โดย: Close To Heaven 21 กรกฎาคม 2558 12:26:16 น.
เสียดายห้ามถ่ายรูปด้านในนะคะ
โดย: เนินน้ำ 21 กรกฎาคม 2558 12:33:57 น.
สวยมากเลยค่ะ
โดย: VELEZ 21 กรกฎาคม 2558 21:33:30 น.
โดย: เป็ดสวรรค์ 21 กรกฎาคม 2558 23:55:03 น.
โดย: Kavanich96 22 กรกฎาคม 2558 4:04:16 น.
โดย: Close To Heaven 22 กรกฎาคม 2558 9:08:51 น.
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
สวยงามครับ น่าไปเที่ยวชมบ้าง
โดย: แซงค์ (ชายคาตะวัน ) 24 กรกฎาคม 2558 13:43:44 น.