วัดถัดมาที่ได้ไปเที่ยวมาเมื่อมีโอกาสได้มาจังหวัดลำพูนคราวล่าสุดเป็นวัดที่เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อ (ความจริงวัดทุกๆวัดในจังหวัดลำพูนนอกจากวัดพระธาตุหริภุญไชยก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อตอนหาข้อมูลเที่ยวนี่แหละครับ) แต่วัดนี้นอกจากจะเพิ่งเคยได้ยินชื่อจากการหาข้อมูลท่องเที่ยวแล้ว ยังมาได้ยินชื่อวัดนี้จากวัดพระธาตุหริภุญไชยด้วย ก็เลยคิดเอาไว้ว่าต้องมาเที่ยววัดนี้ให้ได้เลยครับ
วัดพระยืน คุ้มเวียงยอง ลำพูน
การเดินทางมาวัดพระยืน จ.ลำพูน ก็ไม่ยากครับ จากจังหวัดเชียงใหม่ใช้เวลาประมาณ 30 40 นาทีเท่านั้น ใช้ถนนซุเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ ลำปาง จะมีทางแยกเข้าตัวเมืองลำพูนแต่ทางแยกเข้าวัดพระธาตุหริภุญไชยมีหลายแยกมากครับจากการที่เจ้าของบล็อกเดินทางไปไหว้ที่วัดพระธาตุหริภุญไชย 2 3 ครั้งแนะนำว่าควรใช้เส้นทางถนนซุเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ ลำปาง แล้วมาเลี้ยวเข้าตัวเมืองลำพูนที่แยก ดอยติ(ถ้านับแยกเข้าตัวเมืองลำพูนตั้งแต่ถึงจังหวัดลำพูนก็แยกที่ 3)แยกดอยติเป็ยแยกใหญ่ครับรถที่จะเลี้ยวขวาเข้าจังหวัดลำพูนจะต้องวิ่งชิดขวามาติดไฟแดง เป็นอีกเลนหนึ่ง ส่วนรถที่จะไปจังหวัดลำปางก็จะวิ่งซ้ายผ่านตลอดครับถ้าเลยแยกดอยติจะมีจุดสังเกตุคืออนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรึวิชัยขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดดอยติครับ(ถ้ามาจากจังหวัดเชียงใหม่จะสังเกตยากหน่อยเพราะตรงนั้นเป็นโค้งขวาที่ใหญ่และยาวมากถ้าเดินทางมาจากจังหวัดลำปางจะเห็นชัดเป็นสง่าเลยครับ)
พอเลี้ยวขวาเข้าตัวจังหวัดลำพูนแล้วก็ขับตรงไปเรื่อยๆเลยครับจะเจอสามแยกใหญ่ๆแยกที่สองเป็นสามแยกที่แยกไปทางขวาครับสามแยกนี้ไม่มีชื่อนะครับแต่เป็นแยกที่จะเดินทางไปศูนย์ราชการของจังหวัดลำพูนเราเลี้ยวขวาเข้าไปแล้วขับตรงไปเรื่อยๆประมาณ 600 เมตรทางซ้ายมือคือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน เยื้องๆกับสำนักงานสาธารณสุขทางขวามือคือทางเข้าวัดพระยืนให้เลี้ยวขวามือเข้าไปตามทางเลยครับ
วัดพระยืน ตั้งอยู่บริเวณบ้านเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นวัดโบราณสันนิษฐานว่าสร้างมาพร้อมๆกับการสร้างนครหริภุญไชยราวปี พ.ศ. 1213 หรือปีที่ 7 หลังจากที่ได้สร้างนครหริภุญไชย บางตำราก็ว่าวัดพระยืนเดิมชื่อ อรัญญิกการาม เป็นพุทธปราการทางทิศตะวันออกของนครหริภุญไชย (เจ้าของบล็อก :- แต่เจ้าของบล็อกคิดว่าไม่น่าจะใช่เพราะพุทธปราการด้านตะวันออกคือวัดอรัญญิกกรัมการาม หรือ วัดต้นแก้ว ซึ่งอยู่ใกล้ๆวัดพระยืน พุทธปราการน่าจะอยู่ล้อมเมืองไว้ไม่น่าจะตั้งอยู่ในแนวเดียวกันแบบนี้ แต่ก็อาจจะเป็นจริงก็ได้นะครับ เพราะว่าเดิมวัดอรัญญิกกรัมการาม หรือ วัดต้นแก้ว ไม่ได้อยู่ตรงข้ามกับวัดพระธาตุหริภุญไชยเหมือนในปัจจุบันนี้วัดต้นแก้วในปัจจุบันนี้เป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ส่วนวัดต้นแก้วเดิมไม่ปรากฎว่าอยู่ตรงไหนแล้วครับ หลักฐานอีกชิ้นที่มีการกล่าวถึงวัดพระยืนก็คือ ตำนานป่าแดง เมืองเชียงตุง บันทึกเอาไว้ว่า วัดพระยืนนี้เป็นวัดหนึ่งใน 7 วัด ซึ่งเป็นพุทธปราการ) ถ้านับจนถึงปัจจุบันนี้วัดพระยืนก็มีอายุ 1300 ปีแล้วครับ
อีกตำรานึงก็ว่าวัดพระยืนเดิมชื่อ วัดพฤทธมหาสถาน สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 1606 1611 โดยพระเจ้าธรรมิกราช กษัตริย์ผู้ครองนครหริภุญไชย
ตัววัดพระยืนจะอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกวงกับวัดพระธาตหริภุญไชย จากประตูท่าสิงห์ วัดพระธาตุหริภุญไชย (ซุ้มประตูสีขาวหน้าพระวิหารที่มีสิงห์ 2 ตัว) จะมีสะพานไม้ทอดข้ามแม่น้ำแม่กวงปัจจุบันเป็นสะพานไม้ที่มั่นคงแข็งแรงมีหลังคาคลุมเรียกว่า ขัวมุง และมีถนนตัดตรงไปยังวัดพระยืนได้ ถนนเส้นนี้เป็นถนนโบราณปัจจุบันเป็นถนนสายวัฒนธรรมตัดผ่านชุมชนชาวยองที่อาศัยอยู่บริเวณตำบลเวียงยอง จ.ลำพูน
ประมาณปี พ.ศ. 1606 พระเจ้าอาทิตยราช (บางตำราออกพระนามว่าพระเจ้าธรรมิกราช) กษัตริย์ผู้ครองนครลำพูนลำดับที่ 32 ได้หล่อพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางประทับยืนสูง 18 ศอก ออกพระนามว่า พระอัฎฐารส แล้วอัญเชิญมาประดิษฐานไว้หลังพระวิหารวัดพระยืนพร้อมทั้งสร้างปราสาทสถูปเป็นที่ประดิษฐานพระพระอัฎฐารสด้วย
ในหนังสือตำนาลมูลศาสนา กล่าวไว้ว่า เมื่อ พ.ศ. 1912 พระเจ้ากือนากษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ทรงนิมนต์พระสุมนเถระจากกรุงสุโขทัยขึ้นมาเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนานิกายรามัญวงศ์ (ลังกาวงศ์เก่า) โปรดฯให้พระสุมนเถระพำนักอยู่ที่วัดพระยืน นครหริภุญไชย ในการนี้ได้ร่วมกับพระเจ้ากือนาปฎิสังขรณ์พระมณฑปละพระพุทธรูปยืนที่พระเจ้าอาทิตยราชสร้างขึ้นแล้วสร้างพระพุทธรูปยืนขึ้นอีก 3 องค์ ด้วยศิลาแลงมีขนาดเท่าๆกัน และนำไปประดิษฐานในซุ้มเจดีย์ทรงปราสาททั้ง 3 ทิศที่เหลือ จากบทร้อยกรองเรื่อง นิราศหริภุญไชย ที่แต่งขึ้นราวปี พ.ศ. 2060 กล่าวถึงเจดีย์วัดพระยืนว่าเป็นเจดีย์ทรงปราสาท มีโขงทะลุถึงกันทั้งสี่ด้าน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป 4 องค์ อันหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 4 องค์ คือ พระกุกสันธะ พระโกนาคม พระกัสสปะ และพระสมณโคดม
ต่อมาเจดีย์ทรงปราสาทนั้นได้ทรุดโทรมและปรักหักพังลง ส่วนยอดพังลงมาจนถึงซุ้ม ส่วนพระพุทธรูปที่ประดิษฐานคงเหลือสมบูรณ์เพียงด้านทิศตะวันออกเพียงองค์เดียว ในปี พ.ศ. 2477 พระครูศีลวิลาส (พระคันธวงศ์เถระหรือครูบาวงษ์) เจ้าคณะจังหวัดลำพูนพร้อมด้วยเจ้าหลวงอินทยงยศ เจ้าผู้ครองนครลำพูน ได้ร่วมกันปฎิสังขรณ์เจดีย์ทรงปราสาทที่ปรักหักพังลงขึ้นมาใหม่โดยให้ หนานปัญญาเมือง ชาวบ้านหนองเส้งผู้เป็นช่างหลวงออกแบบและควบคุมการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ โดยให้ก่อหุ้มคลุมพระเจดีย์เก่าไว้ภายใน (เป็นเหตุผลที่ห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้นไปบนลานประทักษิณ) แล้วเอาอิฐ หิน และดินของพระเจดีย์เก่าที่พังลงมานั้นถมกลับเข้าไปในเจดีย์ใหม่ โดยเจดีย์องค์ใหม่นี้ทำด้วยศิลาแลงและอิฐมีฐานสูงกว่าพระเจดีย์องค์เดิมมาก
เจดีย์วัดพระยืนในปัจจุบันเป็นศิลปกรรมแบบพม่าคล้ายเจดีย์วัดสัพพัญญูและอานันทเจดีย์ในประเทศพม่า จากพื้นดินสร้างลดหลั่นกันเป็นชั้นๆจนถึงชั้นลานประทักษิณ ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วและบันไดขึ้นถึงลานประทักษิณทั้ง 4 ด้าน มีเจดีย์บริวารองค์เล็กอยู่ทั้ง 4 มุม
ผังของเรือนธาตุของเจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีซุ้มจรนำขนาดใหญ่ทั้ง 4 ด้าน ยึดรูปแบบเดิมของพระเจดีย์เก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระยากือนา แต่ละด้านประดิษฐานพระพุทธรูปยืนสีทอง เหนือขึ้นไปเป็นมาลัยเถา 4 เหลี่ยมซ้อนกัน 3 ชั้น ยอดประดับด้วยฉัตร แล้วมียอดเล็กๆล้อมรอบยอดฉัตรอีก 4 ยอด
จุดที่น่าสนใจอยู่ที่เหนือลานประทักษิณใต้ฐานพระพุทธรูปยืนด้านหนึ่งมีการสร้างรูปปั้นนูนต่ำรูปเสือประดับไว้เพื่อระลึกถึงชื่อเดิมของวัดนี้คือ วัดกู่เสือ เพราะสมัยโบราณบริเวณวัดยังเป็นป่ารกทึบ มีเสือออกเพ่นพ่านอยู่เนืองๆ จึงมีการปั้นรูปเสือเอาไว้เพื่อระลึกถึง
ด้านหน้าของพระเจดีย์มีพระวิหารหลวงที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2537 ตัวพระวิหารสร้างเป็น 2 ตอน ฐานล่างสูงประมาณ 4 เมตร ยาว 24 เมตร กว้าง 12 เมตร เดิมทางด้านเหนือมีมุขบันไดนาคขึ้นสู้พระวิหาร 2 ทาง มีห้องเล็ก 1 ห้อง ใช้เป็นที่สอนนักธรรม และมีระเบียงเดินได้รอบพระวิหาร
พระอุโบสถสร้างในสมัยพระเจ้ากือนา ได้รับการบูรณะใหญ่ครั้งล่าสุดราปี พ.ศ. 2470 กว่าๆ ราวบันไดทางเข้ามีตัวมอม ซึ่งเป็นสัตว์ในเทพนิยายของทางภาคเหนือ มีพระพุทธศักยมุนีศรีหริภุญไชย หรือ หลวงพ่อใหญ่ เป็นพระประธานประจำพระอุโบสถ (องค์ใหญ่สีทอง)
นอกจากนั้นบริเวณภายในวัดหลังพระเจดีย์และหลังพระอุโบสถยังมีซากโบราณสถานอีกมากมาย จากการศึกษาปรากฏว่าอิฐเหล่านั้นมีอายุย้อนขึ้นไปถึงสมัยพระนางจามเทวีเลยทีเดียวครับ
วัดพระยืน จังหวัดลำพูน เป็นวัดที่ประวัติอันยาวนานและมีสิ่งน่าชมมากมาย ทั้งภายในวัดก็มีบรรยากาศที่ร่มรืน เงียบสงบ ถ้าได้มีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดลำพูนอย่าลืมแวะมาเที่ยว วัดพระยืน กันนะครับ
ขอบคุณ code เพลงจากบล็อก "ป้ากล้วย" ครับ
Chubby Lawyer Tour
เที่ยวไป.... ตามใจฉัน
โดย: mariabamboo 5 พฤษภาคม 2559 20:12:51 น.
อ่านประวัติแล้วแต่ละสถานที่เก่าแก่ยาวนานจริงๆ
เพลงเพราะมากค่ะ
โดย: Banana Muffin 5 พฤษภาคม 2559 21:03:18 น.
วัดพระยืนก็มีอายุ 1300 ปีแล้วนะคะ
นับเป็นวัดที่เก่าแก่ น่าอนุรักษ์และน่าไปเยือนมากค่ะ
โหวตท่องเที่ยวค่ะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
..................................
ราตรีสวัสดิ์นะคะ
โดย: Sweet_pills 5 พฤษภาคม 2559 23:46:12 น.
โดย: Kavanich96 6 พฤษภาคม 2559 3:19:38 น.
เคยเดินจากขัวมุงมาแถวนีนี่นา มาแค่ศูนย์ทอผ้าแล้วก็กลับ
วันนี้ได้แอ่วละ
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
โดย: ป้าทุยบ้านทุ่ง 6 พฤษภาคม 2559 12:22:18 น.
โบสถ์สวยมากๆ
โดย: Raizin Heart 6 พฤษภาคม 2559 13:22:30 น.
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Mitsubachi Food Blog ดู Blog
แมวเซาผู้น่าสงสาร Food Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog
Maeboon Travel Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
mariabamboo Parenting Blog ดู Blog
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
โดย: NaiKonDin 6 พฤษภาคม 2559 15:11:40 น.
โดย: แมวเซาผู้น่าสงสาร 7 พฤษภาคม 2559 21:59:31 น.
โดย: ไอฟายน้อย (Ces ) 7 พฤษภาคม 2559 23:01:04 น.