จบไปแล้วกับสถามที่ท่องเที่ยวในจังหวัดลำปางที่ไปเที่ยวมาในทริปเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ในคราวนี้นะครับ รีวิวซีรี่ย์ย่อยที่จะมารีวิวต่อจากสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดลำปางก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดลำพูนกันนะครับ เจ้าของบล็อกเก็บ วัดเก่า ในจังหวัดลำพูนมาได้หลายวัดอยู่ครับ เพราะจังหวัดลำพูนเป็นจังหวัดเล็กๆ วัดเก่าแต่ละวัดก็เป็นวัดเล็กๆ อยู่ใกล้ๆกันจากวัดหนึ่ง/ไปถึงอีกวัดหนึ่งก็เลยไม่ต้องเดินทางไกลๆครับ ในบล็อกก่อนโน้นได้พาไปเที่ยววัดพระธาตุหริภุญไชยมาแล้ว ที่โพสไปก่อนเพราะว่าเป็นวัดสำคัญของจัวหวัดลำพูนและของประเทศไทยแล้วเป็นวัดที่มีพระบรมสารีริกธาตุก็เลยเอาไปโพสเป็น 4 วัดแรกรวมกันครับ วันนี้ก่อนจะทำบล็อกวัดในจังหวัดลำพูน เมื่อมาถึงลำพูนแล้วเราก็ต้องไปสักการะผู้สร้างนครหริภุญไชย หรือ จังหวัดลำพูนซะก่อนตามมารยาทที่ดีและเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยครับ
อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ลำพูน
การเดินทางมากราบไหว้พระนางจามเทวีทิ่อนุสาวรีย์พระนางจามเทวีก็มาไม่ยากเลยครับ จากเชียงใหม่ก็เดินทางแค่ 30 กว่าๆ กิโลเมตรเองครับโดยใช้ถนนซุเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ ลำปาง จะมีทางแยกเข้าตัวเมืองลำพูน แต่ทางแยกเข้าจังหวัดลำพูนมีหลายแยกมากครับ จากการที่เจ้าของบล็อกเดินทางไปจังหวัดลำพูนมา 2 3ครั้งแนะนำว่าควรใช้เส้นทางถนนซุเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ ลำปาง แล้วมาเลี้ยวเข้าตัวเมืองลำพูนที่แยก ดอยติ (ถ้านับแยกเข้าตัวเมืองลำพูนตั้งแต่ถึงจังหวัดลำพูนก็แยกที่3) แยกดอยติเป็ยแยกใหญ่ครับ รถที่จะเลี้ยวขวาเข้าจังหวัดลำพูนจะต้องวิ่งชิดขวามาติดไฟแดง เป็นอีกเลนหนึ่ง ส่วนรถที่จะไปจังหวัดลำปางก็จะวิ่งซ้ายผ่านตลอดครับ ถ้าเลยแยกดอยติจะมีจุดสังเกตุคืออนุสาวรีย์ครูบ้าเจ้าศรึวิชัยขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดดอยติครับ(ถ้ามาจากจังหวัดเชียงใหม่จะสังเกตยากหน่อยเพราะตรงนั้นเป็นโค้งขวาที่ใหญ่และยาวมากถ้าเดินทางมาจากจังหวัดลำปางจะเห็นชัดเป็นสง่าเลยครับ)
พอเลี้ยวขวาเข้าตัวจังหวัดลำพูนแล้วก็ขับตรงไปเรื่อยๆเลยครับ จนข้ามสะพานแม่น้ำกวงพอลงสะพานก็เลี้ยวซ้าย(สะพานสั้นมากๆครับ) วิ่งตรงไปตามถนนชื่อว่า ถนนรอบเมืองชั้นใน จะเป็นถนนที่อยู่ริมคูเมืองด้านในครับ ผ่าตลาด ผ่านแยกไฟแดง 1 ครั้ง แล้วจะไปถึงมุมเมืองที่ถนนรอบเมืองจะเลี้ยวไปทาขวาก็หาที่จอดรถได้ครับ อนุสาวรีย์พระนางจามเทวีอยู่ทางขวามือตรงหัวมุมถนนเลยครับหรือจะไปติดไฟแดงตรงไปทางขวาก่อนก็ได้นะครับ
พระราชประวัติของพระนางจามเทวีมีที่มาหลายที่มาทั้งที่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นตำนานเล่าสืบต่อกันมาแบบ มุขปาฐะ ในบล็อกนี้จึงขอเล่าพระราชประวัติแบบรวมกันทั้งที่มีในบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรและที่เป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาและไม่ลงปีพ.ศ.นะครับ เพราะในบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษรก็จะมีปี พ.ศ.ที่ไม่ตรงกันเดี๋ยวผู้อ่านจะสับสนกับข้อมูลที่มีอยู่แล้ว
ในบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษรกล่าวว่าเป็นพระราชธิดาเจ้ากรุงละโว้ แต่ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาเล่าว่าเป็นธิดาของคหบดีแล้วตอนมีพระชนมมายุได้ 3 เดือนโดนนกตัวใหญ่คาบไปตกตรงหน้า สุเทวฤาษี (สุเทพฤาษี) ที่อาศัยอยู่ที่ดอยสุเทพ พระฤาษีได้ตรวจดวงชะตาดูแล้วเห็นว่าจะมีบุญวาสนาถึงที่จอมกษัตริย์ปกครองบ้านเมืองจึงคิดจะส่งไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้ากรุงละโว้จึงได้อภิบาลพระกุมารีน้อยในผอบที่อยู่ในดอกบัว (มีรูปสลักอยู่ที่บานประตูวัดพระคงฤาษีจังหวัดลำพูน) พอมีพระชนมมายุได้ 13 พรรษาจึงส่งไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้ากรุงละโว้ (การเดินทางก็มีตำนานเล่าไว้เป็นอัศจรรย์ต่างๆนาๆ ถ้าสนใจก็ตามอ่านในลิงค์ข้างล่างได้เลยครับ) พระเจ้ากรุงละโว้โปรดฯ ให้รับไว้เป็นพระราชธิดาบุญธรรม
ต่อมาพระเจ้ากรุงละโว้ได้โปรดฯให้พระนางจามเทวีเสด็จขึ้นมาครองนครหริภุญไชย ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของ สุกกทันตฤาษี และ วาสุเทพฤาษี ที่ได้สร้างนครหริภุญไชย พระนางจามเทวีปกครองนครหริภุญไชยอย่างร่มเย็นเป็นสุข เป็นปึกแผ่นขยาบอาณาเขตออกไปไกล ทรงทำนุบำรุงศาสนา วัดวาอารามต่างๆจนเจริญรุ่งเรือง
พระนางจามเทวีสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมาพุได้ 98 พรรษา ตามตำนานกล่าวไว้ว่าพระโอรสของพระนางจามเทวีได้ถวายพรเพลิงพระบรมศพ ณ วัดสันป่ายางหลวง ซึ่งเป็นวัดอรัญญวาสี (วัดป่านอกเมือง) และบรรจุพระอัฐิไว้ในสุวรรณจังโกฐิเจดีย์ (กู่กุด) วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน
นครหริภุญไชยมีกษัตริย์ปกครองต่อมาจากพระนางจามเทวีอย่างต่อเนื่องถึง 50 พระองค์ก่อนที่พญายี่บาจะเสียเมืองให้กับพญาเม็งรายในปี พ.ศ. 1836 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 631 ปี (ตั้งแต่ พ.ศ. 1204 1836)
ด้านข้างซ้าย ขวา ของพระราชานุสาวรีย์มีรูปปั้นช้างและม้าทรงอยู่ด้านละ1 ช้าง และ 1 ม้า รูปปั้นช้างคือ ผู้ก่ำงาเขียว หรือ ปู้ก่ำงาเขียว หมายถึงช้างที่มีผิวกายเป็นสีคล้ำ งาสีคล้ำจนเป็นสีเขียว เล่ากันว่าเป็นช้างทรงของพระนางจามเทวี มีอภินิหารมากมาย เช่น ถ้างาช้างชี้ไปถูกใครจะต้องตายทันที เป็นเหตุให้เมื่อ ผู้ก่ำงาเขียว หรือ ปู้ก่ำงาเขียว ล้มลง (ตาย) ต้องฝังโดยเอางาชี้ขึ้นฟ้า ตามตำนานที่เล่าต่อกันมาที่ กู่ช้าง กู่ม้า ซึ่งเป็นสถานทีท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งที่เราจะไปเที่ยวกันครับ
ส่วนรูปปั้นม้าทรง ไม่มีตำนานที่เอ่ยถึงม้าทรงเลยครับ
จังหวัดลำพูนเป็นจังหวัดเล็กๆ สงบ ประชาชนมีความเป็นอยู่เรียบง่าย เมื่อเทียบกับจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งอยู่ห่างไปเพียงแค่ 30 กว่าๆกิโลเมตร การเดินทางมาจังหวัดลำพูนก็ง่ายมากๆ เจ้าของบล็อกหลงรักจังหวัดลำพูนซะแร๊วคราบ ถ้ามีโอกาสเจ้าของบล็อกจะต้องแวะมาจังหวัดลำพูนอีกแน่ๆครับ
อีกช่องทางนึงที่จะได้รับชมการท่องเที่ยวแบบตามใจฉัน
FB ทนายอ้วนพาเที่ยว - Chubby Lawyer's Tour
https://th-th.facebook.com/ChubbyLawyerTour
Chubby Lawyer Tour
.. เที่ยวไป................ ตามใจฉัน
เวลาไปแอ่วเจียงใหม่..ก็จะแวะลำพูนด้วยเจ๊า..
เพราะอยู่ใกล้ๆกัน นั่งรถไม่นาน
หลายปีก่อน เคยไปงานบวงสรวงพระนางจามเทวี..
มีการเฉลิมฉลองกันหลายวันเชียวค่ะ
ขอบคุณที่นำข้อมูลมาฝากนะค่ะ
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 8 มีนาคม 2559 19:25:39 น.
ชอบภาพถ่ายทุกภาพเลยจ้า
สวย
โดย: อุ้มสี 8 มีนาคม 2559 21:06:07 น.
โหวตท่องเที่วให้พี่บอลเลยคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
โดย: Mitsubachi 8 มีนาคม 2559 22:17:28 น.
อ่านแล้วรู้สึกผิดที่ยังไม่เคยสักการะอนุสาวรีย์พระนางจามเทวีเลยค่ะคุณบอล
คุณบอลเรียบเรียงข้อมูลให้อย่างละเอียด
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆและข้อมูลนะคะ
โหวตท่องเที่ยวค่ะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเรื่องใบชาด้วยนะคะ
ดีใจได้ความรู้ใหม่ค่ะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณบอล
โดย: Sweet_pills 9 มีนาคม 2559 1:02:44 น.
โดย: Kavanich96 9 มีนาคม 2559 2:28:05 น.
เมืองลำพูนน่ารักจริงๆ
โดย: Banana Muffin 9 มีนาคม 2559 15:43:32 น.
โดย: Sai Eeuu 9 มีนาคม 2559 17:20:24 น.
โดย: แมวเซาผู้น่าสงสาร 10 มีนาคม 2559 20:29:38 น.
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 17 มีนาคม 2559 9:18:12 น.