รีวิว ภาพยนตร์ใหม่ "Thor: Love and Thunder" ธอร์ : ด้วยรักและอัสนีวันนี้ผมขอหยิบภาพยนตร์ที่ตอนนี้ใครๆก็ต้องพูดถึง อย่าง "ธอร์เทพเจ้าสายฟ้า"
ผมขอให้คะแนนอยู่ที่ 8/10 คะแนน ผมบอกเลยว่าสนุกมากๆ
ห้ามพลาด
หนัง
Thor Love and Thunder หรือชื่อไทยว่า
ธอร์ ด้วยรักและอัสนีธอร์ (คริส เฮมส์เวิร์ธ) จะได้ไปผจญภัยในแบบที่ไม่เหมือนครั้งไหนที่เขาเคยเจอมาก่อน
ภารกิจในการค้นหาความสงบสุขภายใน แต่การเกษียณของเขาถูกรบกวนโดยนักฆ่า
ข้ามจักรวาลนามว่า กอร์ นักเชือดเทพเจ้า (คริสเตียน เบล)

ผู้แสวงหาการสูญพันธ์ของเทพเจ้าทั้งมวล เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามนี้
ธอร์ควานหาความช่วยเหลือจาก ราชาวัลคีรี่ (เทซซ่า ทอมป์สัน), คอร์ก (ไทก้า ไวตีติ)
และแฟนเก่าของเขา เจน ฟอสเตอร์ (นาตาลี พอร์ตแมน)

ผู้ที่ทำให้ธอร์ตกใจจนตาค้าง เมื่อเธอกำลังถือครองค้อนโยเนียร์ของเขา
ในฐานะของ
The Mighty Thor พวกเขาต้องร่วมมือกันผจญภัยข้ามจักรวาล
ไปเพื่อค้นหาความลับเบื้องหลังความแค้นของนักเชือดเทพเจ้าคนนี้
เพื่อหยุดยั้งเขาเอาไว้ก่อนที่มันจะสายจนเกินไป

เป็นภาคที่ 4 แล้วสำหรับหนังเดี่ยวของ Thor ที่แสดงโดย Chris Hemsworth
ซึ่งนี่จะเป็นเรื่องราวต่อจากใน
Avengers: Endgame (2018) ที่ Thor ได้เดินทาง

ไปกับทีม
Guardians of the Galaxy ออกปกป้องจักรวาล
ในคราวนี้เขาต้องออกเดินทางอีกครั้ง
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับ Gorr ผู้ที่ได้สมญานามว่า the God Butcher

(ผู้สังหารเทพเจ้า) รวมถึงการได้พบเจอกับรักอย่าง
Jane Foster อีกครั้ง
แต่ในคราวนี้เราจะได้ เห็นเธอในฐานะ Mighty Thor

บอกตรง ๆ ว่าจากตัวอย่างทำให้เราตื่นเต้นที่จะดูมาก ทั้งการได้เห็น Natalie Portman
กลับมารับบท Jane Foster อีกครั้งและแถมยังมาเป็น Mighty Thor อีก รวมถึงการได้เห็น

Christian Bale ในบทวายร้ายโคตรร้ายอย่าง Gorr ด้วย ผนวกกับความบ้าบอของผู้กำกับ
อย่าง Taika Waititi ที่ได้ทำ
Thor: Ragnarok (2017) ออกมาได้โบ๊ะบ๊ะและจังหวะดีมาก
หวังว่าในภาคนี้จะจัดเต็มกว่าเก่า แต่พอได้ดูจริงกับน่าผิดหวังอย่างน่าเสียดาย

อันดับแรกเลยคือความคาดหวังเราเองแหละ ต้องบอกก่อนว่าจริง ๆ เราไม่ได้ชอบภาค
Ragnarok มากขนาดนั้น เพราะมันค่อนข้างจะหลุดธีมจาก Thor สองภาคแรกพอสมควร
แต่จังหวะการเล่า จังหวะมุกมันดี ถึงแม้มันจะเยอะไปเสียหน่อยก็ตาม

ฉากแอ็คชันก็ดีสุด มีจังหวะเฮให้ได้สนุกได้ตื่นเต้น มันพอทำให้เราได้เห็นว่าผู้กำกับอย่าง
Taika Waititi เขามีแนวทางในการทำหนังยังไง และพอมาภาคนี้เราจึงกะปล่อยจอย
เข้าไปเสพความฮา ความบ้าความบวมของผู้กำกับที่จะใส่มาในเนื้อเรื่อง

ทั้งการออกมาบอกว่าภาคนี้จะโคตรปั่นบ้าบอกว่าที่ผ่านมาก็ยิ่งทำให้เกิดความคาดหวัง
แต่ผลมันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ เรื่องความฮาก็มีหยอดมาเป็นช่วง ๆ แต่จะให้เทียบกัน
ก็ต้องบอกว่าภาค Ragnarok ฮากว่ากันเยอะ

จังหวะมุกดีกว่ากันเยอะเลย ภาคนี้มันก็ยังฮา แต่เป็นช่วง ๆ และจังหวะไม่ได้ดีเท่า
หลายมุกก็ฝืดเสียด้วยซ้ำ ฮาสุดขอยกความดีงามให้ไอ้แพะอวกาศสองตัวเท่านั้นเลย

และด้วยความที่หนังมันไม่ได้มามู้ดซีเรียสขนาดนั้น มันจึงทำให้ฉากต่าง ๆ
ที่ต้องใช้อารมณ์ร่วมมันทำได้ไม่ถึงเลย มันลงดราม่าไม่ได้เลย ซึ้งก็ไม่ได้ ยิ่งฉากท้าย ๆ
ของเรื่องทำได้ไม่ถึงไม่อินจริง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องราวระหว่าง Thor กับ Jane หรือเรื่องของ
Gorr ก็ตาม ฉากแอ็คชันในภาคนี้ก็ยังสู้ไม่ได้ ภาค Ragnarok ลงตัวกว่าเยอะ

เอาจริง ๆ มันมีวัตถุดิบหลายอย่างที่ทำให้มันออกมาแปลกแหวกแนวและสนุก
ได้มากกว่านี้อีกเยอะเลยอะ มันดูผิดที่ผิดทาง กั๊ก ๆ ไม่กล้าเล่น เพลเซฟอีกต่างหาก
ตัวบทเลยแบนมาก เนื้อเรื่องมันเลยกลายเป็นเบาหวิวไปเลย

ไม่ได้หวือหวา หลายเหตุการณ์มาไวไปไวมาก ถึงแม้หนังจะพยายามยัดเยียดพลัง
ความรักเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่ให้มีผลต่อเรื่อง แต่มันเบาเหลือเกิน กลายเป็นเหมือนองค์ประกอบ
ที่น่ารำคาญของหนังไปเลย เส้นเรื่องตรงแหน่ว เล่าแบบเบสิค ทุกอย่างดูง่ายดายไปหมดเลย

ฉากแอ็คชันในเรื่องนี้ก็จัดว่าเฉย ๆ มาก ด้วยความที่ตัวละคร Thor มันจัดหนักจัดเต็ม
ความเท่ไปแล้วทั้งใน Ragnarok หรือ Endgame ภาคนี้มันจึงไม่ได้มีอะไรโดดเด่น
ไม่ได้รู้สึกทึ่งหรือว้าวกับการออกแอ็คชันใด ๆ

ของตัวละครนี้เลย แม้กระทั่ง Last Fight ก็ไม่ได้รู้สึกเท่อะไรสักนิด
ความเท่ทั้งหมดดันตกไปอยู่ในตัวละคร Jane Forster ที่ซีนปรากฏตัวในฐานะ Mighty Thor
ครั้งแรก โคตรเท่เลย เท่จริง ๆ และบอกตรง ๆ ว่าแย่งความโดดเด่นความเท่จากตัว Thor
ไปหมดเลย ส่วนฉากแอ็คชันอื่น ๆ จัดว่าเฉย ๆ มาก

ทางด้านตัวละครอย่างที่กล่าวไปย่อหน้าที่แล้ว เราไม่ได้รู้สึกว่า Thor จะแตกต่าง
จากการปรากฏตัวภาคที่ผ่าน ๆ มาเท่าไหร่ ยังคงเป็น Thor ที่คุ้นเคย ไม่ค่อยมีการพัฒนาการ
ทางตัวละครเท่าไหร่เลย ถึงแม้ Jane Foster ในร่างของ Mighty Thor

จะเท่แค่ไหนก็ตาม แต่การเขียนเส้นเรื่องให้ตัวละครนี้กลับมาปรากฏตัวผนวกเรื่องราว
มาเจอกับ Thor เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มันดูรวบรัดตัดตอนง่ายดายไปเสียหมด ส่วน Valkyrie
ก็ยังคงความเท่ แต่น่าเสียดายสุด ๆ ที่เธอเหมือนกลายเป็นตัวประกอบไปเลย
โดนลดความสำคัญลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนทางด้านตัวร้ายอย่าง Gorr ต้องขอชมเลยว่า Christian Bale เล่นได้ดูร้าย น่ากลัวจริง ๆ
แต่บทไม่ส่งเลย ไม่ได้เอื้อความโหดให้ตัวละครนี้เลย ถ้ามีฉากการฆ่าเทพแสดงพลัง
ของตัวละครนี้มากกว่านี้ก็คงจะดีกว่านี้มาก ๆ

และถือว่าน่าเสียดายอีกเช่นกันที่ตัวละครนี้กลายเป็นแค่ตัวร้ายในระดับกลาง ๆ
ที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นในตอนต่อสู้กับ Thor ในฉากท้าย ๆ เลย เพราะไม่ได้มีความรู้สึกว่า
ตัวละครนี้จะชนะได้ยังไงยังงั้น

สิ่งที่ดีงามที่สุดขอยกให้เพลงและดนตรีประกอบเลย โคตรเข้ากับทุกฉากที่เลือกสรรค์
และมันยกระดับให้ฉากนั้น ๆ มันมีอะไรมากกว่าที่มันเป็นเสียอีก

ไม่รู้ว่าที่ภาคนี้มันสนุกน้อยลงเพราะขาดเสน่ห์ของ Loki และเคมีที่เข้ากันของเขากับ Thor
ด้วยหรือเปล่า แต่ภาพรวมมันสนุกน้อยกว่า Ragnarok อย่างเห็นได้ชัดเลย ตัวเนื้อเรื่องก็เบา

ความฮาก็ไม่ได้จัดเต็มขนาดนั้น แอ็คชันก็ธรรมดา หากไม่ได้เหล่านักแสดงช่วยไว้
หนังมันจะแย่กว่านี้เอามาก ๆ เลย จัดว่าผิดหวังพอสมควร

สามารถชมภาพยนตร์ "Thor: Love and Thunder" ธอร์: ด้วยรักและอัสนี
ได้ในโรงภาพยนต์ทั่วประเทศไทย

ใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านบล๊อก
ภาพยาตร์"Minions: The Rise of Gru" มินเนี่ยน 2สามารถกดที่นี่ได้เลยครับ

ฝากกด like Facebook นายแว่นขยันเที่ยว :
https://www.facebook.com/นายแว่นขยันเที่ยว-110467381183341
ฝากกด like กด แชร์ด้วยนะครับ 🙏
ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้ผม
#นายแว่นขยันเที่ยว 😎📷
ขอบคุณตัวอย่าง : "Thor: Love and Thunder" ธอร์: ด้วยรักและอัสนี
กำกับการแสดงโดย : ไทกา ไวทีที
Vote : ภาพยนตร์
