เรื่องนี้ยังไม่มีชื่อ ตอนที่๔ ความจริง
นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา19.00น. เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วนะ...
ที่เธอเฝ้ามองหน้าปัดนาฬิกาสลับกับประตูทางเข้า เขาจะมามั๊ยนะ
หญิงสาวนั่งจมอยู่บนเก้าอี้ในโต๊ะมุมสุดของร้านอาหารกึ่งผับแห่งนี้
มานานแล้ว กาแฟหมดไปแล้วหลายแก้ว เธอไม่รู้ว่าถ้าเขามา
แล้วเธอจะพูดอะไรกับเขาเธอรู้แต่เพียงว่าต้องคุยกับใครสักคน
ยามนี้เธอรู้สึกสับสนวุ่นวายใจเหลือเกิน และอับอายเกินกว่าจะพูดให้ใครฟังได้
คงมีแต่เขาที่เธอกล้าเผชิญหน้าด้วยได้ อย่างน้อยเขาก็รู้เรื่องราวทั้งหมด
บานประตูกระจกใสหน้าร้านเปิดออก พร้อมกับการปรากฏกายของ
เจ้าของร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทนใบหน้าคมเข้ม ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว
สีกรมท่าพับแขนลวกๆเหนือศอก เนคไทสีขาวลายทางชมพูถูกคลายออก
หลวมๆในมือเขากำช่อดอกไม้สีแดงมาด้วย ดอกกุหลาบสีแดง..
เขากวาดสายตาไปทั่วร้าน เนื่องจากยังหัวค่ำแขกในร้านยังไม่มากนัก
จึงไม่ยากที่เขาจะสังเกตเห็นหญิงสาวร่างเล็ก ผิวขาว ผมดำปล่อยยาวสลวย
ถึงกลางหลัง เธอผินหน้าเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างกระจก
ใบหน้าด้านข้างเผยให้เห็นจมูกโด่งคมสัน ริมฝีปากบางเฉียบ
หญิงสาวหันหน้ากลับมาในทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงร่างสูงโปร่งที่มาหยุดยืน
อยู่เบื้องหน้า สายตาประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ กลับเป็นเขาที่หลบสายตา
พลางเสเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตรงข้ามหญิงสาว
เอ่อ..รถ..ติดมากเลย
ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ คล้ายจะแก้ตัวแกมทักทาย แล้วเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
ถึงสิ่งที่ถืออยู่ในมือ เมื่อเห็นสายตาเธอเหลือบมองเพียงแวบหนึ่ง
ชายหนุ่มจึงยื่นช่อดอกไม้ส่งข้ามโต๊ะไปให้หญิงสาว
เอ่อ...ดอกไม้ครับ....
ธราดลเอ่ยเสียงเบาเหมือนไม่แน่ใจ หญิงสาวเอื้อมมือมารับด้วยสีหน้าฉงน
คือ...ป้องเขาฝากมาให้น่ะ
ธราดลรีบอธิบายเมื่อเห็นสายตาสงสัยของหญิงสาว หรือว่าจะแก้ตัวกันแน่เขาเองก็ไม่แน่ใจ
อ้อ... เพื่ออะไรกันคะ
หญิงสาวยิ้มแต่ดูเหมือนเยาะ เขารู้สึกเช่นนั้น
ถ้าจะขอโทษ ก็คงไม่ต้องละมังคะ ก้อยเองต่างหาก.....ที่ควรจะเป็นฝ่ายไปขอโทษเขา
ก้อยเอ่ยเสียงเบาหวิว เธอมองดอกไม้ในมือด้วยสายตาเจ็บปวด
ก่อนวางลงบนเก้าอี้ข้างๆกาย
พี่ว่าเรื่องนี้ไม่มีใครต้องขอโทษใครหรอกนะ ป้องเองควรจะขอบคุณกับ
........เอ่อ ความรู้สึกดีๆที่ก้อยมีให้
เขาหยุดเว้นจังหวะเพื่อเรียบเรียงคำพูด และเปิดโอกาสให้เธอได้พูด
ความรู้สึกของเธอออกมาบ้าง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นความต้องการของเธอ
ที่เรียกเขามาที่นี่ แต่เธอกลับนั่งก้มหน้าและเอาแต่เงียบคงมีเพียง
เสียงลมหายใจที่ยังคงสะท้อนขึ้นลงอยู่ในอก..
เขาจึงกล่าวต่อไปด้วยอยากให้เรื่องนี้จบๆลงเสียที
เขาเสียเวลากับมันมามากพอแล้ว
และเขาเองก็มึความรู้สึกที่ดีต่อก้อยเหมือนกันนะครับ เพียงแต่...
มันเป็นความรู้สึกในอีกรูปแบบหนึ่ง มัน...มันไม่ใช่อย่างที่ก้อยคิด
ก้อยคิด? หรือคะ ก้อยไม่ได้คิดไปเองนะคะ
เธอสวนกลับทันควันเมื่อได้ยินประโยคไม่ถูกหู แล้วกลับเสียงอ่อนลงเมื่อ
ตระหนักว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่เขา นายป้องภูมิคนนั้น
หญิงสาวหวนนึกถึงเหตุการณ์ตลอดระยะเวลาที่เธอได้เข้ามาฝึกงาน
ที่บริษัทแห่งนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอกัน เขาแสนดีกับเธอเสมอ
ดูแลเอาใจใส่คอยห่วงใยไต่ถาม ให้คำแนะนำเธอเสมอมาไม่ว่าจะ
เรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว พักกลางวันก็ออกไปทานข้าวด้วยกันสองคน
เป็นประจำ วันไหนไม่ว่างไม่ไดhออกไปทานข้าวด้วยกันเขาก็จะมีขนม
ติดไม้ติดมือมาฝากเธอเสมอ หลังเลิกงานยังเคยไปเที่ยวดูหนังและช้อปปิ้ง
กันอยู่บ่อยครั้ง แล้วจะว่าเธอคิดไปเองละหรือ
ป้องเขาก็เป็นแบบนั้น เฟรนลี่เขาเป็นมิตรกับทุกคน
เสียงของธราดลเอ่ยแทรกขึ้นมาในห้วงความคิดคำนึงของเธอ
แต่...
ก้อยครับ
ธราดลเอ่ยเสียงเบาและพยายามปรับให้นุ่มที่สุด ด้วยเกรงหญิงสาวจะโกรธและอาย
ความรักมันมีหลายรูปแบบ เราสามารถรักกันได้ โดยไม่ต้องเป็นเรื่องชู้สาว
รักได้โดยไม่ต้องครอบครอง ไม่ต้องได้รับรักตอบแทน เราสามารถรักกันได้
ไม่ว่าจะชายกับหญิง ชายกับชาย หญิงกับหญิง รักพ่อรักแม่รักเพื่อน
และรักตัวเอง ก้อยไม่ผิดหรอกที่จะรักเขา แต่เมื่อก้อยรักเขาแล้วก้อย
ก็ต้องเข้าใจในความเป็นเขาด้วย เขาไม่ได้รังเกียจและไม่ใช่ว่าเขาจะ
ไม่รักก้อย เพียงแต่เขาไม่ได้รักก้อยแบบนั้น เท่านั้นเอง
ธราดลหยุดเว้นวรรคคำพูด เพื่อให้โอกาสก้อยได้โต้แย้ง แต่เธอนั่งก้มหน้าเงียบ
ขอบตาเริ่มรื้นและร้อนผ่าวเธอไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไรดี มันสับสน
ปนเป ทั้งเสียใจ น้อยใจ โกรธ และอับอาย เธอเสียใจที่เขาเป็นแบบนี้
โกรธและอับอายที่เขาปฏิเสธเธอเมื่อคืน โกรธที่เขาไม่บอกเธอก่อนหน้านี้
เขามาทำดีกับเธอมากมายทำไมในเมื่อเขารักเธอไม่ได้ ถ้าเขาบอกเธอสักนิด
เรื่องเมื่อคืนก็จะไม่เกิดขึ้น จะไม่มีใครต้องเสียใจและอับอาย
ใครคนนั้นคงเป็นเธอเพียงคนเดียวกระมัง เมื่อคืนเธอดื่มมากเกินไป
เธอขาดสติยั้งคิดทำเรื่องน่าละอายลงไปได้ คงไม่น่าอายนักหรอกถ้า
เขาเล่นด้วย แต่นี่เขาปฏิเสธเธอ แถมยังตามพี่ดลมาร่วมรับรู้ด้วยอีก
แต่ถ้าไม่ได้พี่ดลเธอก็ไม่รู้ว่าจะผ่านคืนนั้นมาได้อย่างไร
ก้อยนึกถึงเรื่องเมื่อคืนระหว่างเธอกับเขานายป้องภูมิ เริ่มจาการดูหนัง
แล้วไปทานข้าวกันตามปกติ แต่ครั้งนี้เธอรบเร้าจะไปเที่ยวผับต่อ
เธออยากดื่ม อยากเต้นรำ อยากอยู่ใกล้ๆเขา เขาก็ตามใจพาเธอไป
ทุกที่ๆเธออยากไป จนเมื่อผับปิดไม่มีที่ไหนเปิดอีกแล้วเธอก็ยังไม่อยากกลับ
เธอขอแวะดื่มน้ำเย็นๆที่ห้องของเขาเขาไม่ปฏิเสธเธออีกตามเคย เธอเคยมา
เที่ยวห้องเขาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยมาดึกดื่นแบบนี้ และไม่เคยเมามาสักที
ความเมาหรือความรักกันแน่นะที่ทำให้เธอกล้าเอ่ยปากบอกรักเขา
เธอเสนอตัวให้เขา เธอพร่ำบอกว่ารักเขามากมายเพียงไหน แต่เขากลับปฏิเสธ
เธออย่างไม่มีเยื่อใย เขาขอให้เธอกลับบ้านแต่เธอไม่ยอมเธอโมโหโกรธและ
อับอายที่ถูกปฏิเสธ เขาไม่อาจหาเหตุผลมาบอกเธอได้ว่าทำไมถึงปฏิเสธเธอ
จนเมื่อธราดลมาถึงตอนใกล้แจ้ง ป้องภูมิถึงผลุนผลันออกจากห้องไป
เธอไม่รู้ว่าเขาโทรไปตามพี่ดลมาตั้งแต่เมื่อไรและตามมาทำไม
ไม่รู้ว่าเขาเล่าอะไรให้กันฟังบ้าง จนกระทั่งได้ฟังเรื่องราวจากปากพี่ดลจบลง
เธอจึงได้เข้าใจแต่ก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้ เธอไม่อยากเชื่อถึงสิ่งที่ได้ยิน
พวกเขาโกหก พวกเขาหลอกลวงเธอ เธออยากให้เป็นอย่างที่คิดเหลือเกิน
อยากให้เป็นเหตุผลอื่นที่ทำให้เธอโดนปฏิเสธ.....
นิยายหรือเรื่องสั้นเรื่องนี้(ยังไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดี จะสั้นหรือยาวก็ยังไม่รู้เลยอ่ะ แหะแหะ)แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนไม่ได้อ้างอิงเรื่องของใครทั้งสิ้น (และแน่นอนไม่ใช่เรื่องของผู้เขียนค่ะ) เนื้อเรื่องและชื่อของตัวละครอาจไปคล้องกับชื่อหรือเรื่องราวของใครก็ขออภัย ด้วยนะคะ ทั้งนี้ขอสงวนลิขสิทธิ์ในข้อเขียนตามกฏหมายค่ะ
ขอบคุณ BGและภาพประกอบสวยๆจากคุณแพรวขวัญค่ะ
| | |
| |