เพราะเราก็ยังคงเป็นเรา....
วันนี้ ใช้เวลาของทั้งวันหมดไปกับ วีซีดี หนังญี่ปุ่น เรื่อง อยู่เพื่อรัก ที่มี ทาเคชิ คาเนชิโร่ เล่นคู่กับ เคียวโกะ ฟูคาดะ ตอนแรก กะว่าจะดู เอาขำ กะดู บลิ้วอารมณ์เศร้า เพื่อจะใช้เขียนงานเศร้า ๆ สักหน่อย แต่ดู ไปดูมา มันติดอ่ะ 12 แผ่น ดูไปแล้ว 10แผ่น ขนาดทำกับข้าว ก็ยก โน้ตบุค เข้าไปในครัวเปิดดูไปทำกับข้าวไป
นางเอกเรื่องนี้ติดเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่เธอ ไปขายบริการเพียงครั้งเดียว เพราะทำตัวดูคอนเสิร์ทของพระเอกหาย เธอเลยต้องการเงินเพื่อที่จะไปซื้อตั๋วคอนเสิร์ทใบนั้น เพราะเธอรู้สึกว่าชีวิตตัวเองว่างเปล่า แต่พอได้ฟังเพลงที่ พระเอกแต่ง ก็มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอเลยขายบริการไปเพียงครั้งเดียว และนั่นทำให้เธอติดเชื้อมา และเธอก็พบกับพระเอก แต่ตอนนั้นเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองติดเชื้อจากใคร เพราะคนที่เธอมีเพศสัมพันธ์นั้นมี สามคน คือแฟนเก่า คนที่เธอให้บริการ และ พระเอก พอรู้ว่าตัวเองติดเชื้อก็พยายามหาคนที่เป็น คนแพร่เชื้อ และนั่น ก็เป็นสาเหตุให้เรื่องราวของเธอ ถูกคนรู้ และนั่นเป็นสาเหตุ ให้พระเอกที่เป็นนักแต่งเพลงชื่อดัง ต้องระเห็จไปอยู่เมืองนอก ใครอยากดูก็ต้องไปหาดูกันเอง รับรองว่า ต่อมน้ำตาแตก ต่อมความเศร้าระเบิด และ ต่อมความรักทำงานแน่นอน
จากที่หวังว่าวันนี้คงได้งาน ปรากฏว่า ตรูไม่ได้งาน แถมตรูยังเศร้าเกินกว่าจะเขียนอะไรออกอีก น้ำตาก็เสียไปหลายตุ่มแระ เฮ้อออออ...
พรุ่งนี้มี เส้นแดง อยู่สองที่ ต้องรีบส่งให้ได้ เพราะฉะนั้น คืนนี้รับรองได้ว่า คงนอนตอนย่ำรุ่ง แน่ ๆ มี วีซีดี อีกประมาณ 5-6 แผ่น ยังไม่ได้ดู แล้วก็เหลือหนังสือ อีก ประมาณสิบกว่าเล่ม เกือบยี่สิบเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน พักนี้โดนกระตุ้นต่อมขยันเหลือเกิน แต่ ผีติส ตัวนั้นมันก็คอยจะกลับเข้าร่างเสียเรื่อย และนั่นเป็นสาเหตุให้ พักนี้เรื่องยาวสามเรือ่งไม่เดินหน้าไป ถึงไหนเลย แต่สิ่งที่เดินไปเรื่อย ๆ ก็คือเวลา ที่ผ่านไปตลอด เหมือนเม็ดทรายที่ไหลลงในขวดแก้วไปเรื่อย ๆ ได้แต่เฝ้ามองว่ามันจะไปหยุดลงตรงไหน หรือ ทรายจะหมด ลงเมื่อไร และนั่น ตรงนั้นจะพาเราไปถึงที่ไหน .... พักนี้เหมือนเครียด ๆ นะ เพราะกินยาแก้ไมเกรนทุกวัน ไม่รู้เครียดอะไรเหมือนกัน แต่มันปวดหัวทุกบ่ายเลย ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้คิดอะไรน้า แต่ทำไม ไมเกรนมันขึ้นทุกวัน ไม่ดีเลยอาการแบบนี้ บ่งบอกว่าใกล้จะต้องไปหาหมอ อีกแล้ว แต่ก็ว่า พรุ่งนี้จะไป โรงพยาบาลอยู่ เพราะเหมือนเอ็นมันพลิก จะไปให้เขาดูให้เสียหน่อยก่อนที่จะเดินไม่ได้
อาทิตย์หน้าท่าทางจะต่อมเหงากระจายทั้งอาทิตย์ และอาจจะเฉาหูด้วย เพราะแม่จะไปกรุงเทพฯ ตั้งอาทิตย์หนึ่งแนะ เตรียมตัวตุนมาม่ากับขนมปังได้เลย
แม่ก็บ่นนะว่า เวลาไม่อยู่บ้านแล้วมักไม่ทำกับข้าว ก็ใช่อ่ะดิ การอยู่คนเดียวไม่จำเป็นต้องทำกับข้าว อะไรก็กินได้ ไม่กินก็ยังได้ เวลาทำกับข้าว ทำกินคนเดียวมันก็เหงา ๆ นะ ไม่มีคนคอยมาติว่ามัน อร่อย หรือไม่ ขาดหรือไม่ขาดอะไร กินคนเดียว ตักข้าวจานเดียว มันไม่สนุก ก็ไม่ต้องทำเลยจะดีกว่า ต้มมาม่า หรือไม่ก็ กินขนมปังแทนข้าว ก็สบายดี บางทีอาจจะเคยชินกับการมี คนอยู่บ้านสองคนก็เป็นได้ ต้องคิดแระว่าวันนี้จะทำอะไรให้แม่กิน แต่..พอแม่ไม่อยู่ ก็ไม่รู้จะคิดไปทำไม ก็กินอย่างที่มีนั่นแหละดีสุด ก็แค่สรุปว่าเหงา ก็เท่านั้นเฮ้อออ .... เราหนอเรา เวลาแม่บ่นก็อยากหนีไปห่าง ๆ แต่พอเค้าไปห่าง ๆ จริง ๆ ก็คิดถึงเค้า วันก่อน ไป กทม แค่คืนเดียวจริง ๆ ตอนแรกกะไปนอนบ้านสักสองคืน แต่ก็ทนไม่ไหว กลับบ้านดีกว่า ไม่รู้นะ คิดถึงหมา คิดถึงบ้าน เป็นห่วงคนอยู่คนเดียวที่บ้านด้วย
. สำหรับตัวเองช่วงนี้ เหมือนย้อนเวลากลับไป ช่วงที่ออกจากงานใหม่ ๆ เมื่อหลายปี ก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนเวลามันเหมือนสั้น มาก ๆ เงยหน้าทีก็หมดวันแล้ว แต่ตอนนี้ เวลามันดูยาวมาก ๆ เงยหน้าทีไรก็ไม่หมดวันเสียที โดยเฉพาะ วันที่เขียนอะไรไม่ได้เลย โครตทรมาน... ชีวิต เหมือนกำลังถูกแช่แข็ง เหมือนจำศีล เหมือนหมีในฤดูหนาว โดยที่ไม่รู้ว่า ตัวเองจะระเบิดอารมณ์ที่มันคาค้าง อยู่ออกมาเมื่อไร .... แต่ได้แต่ภาวนาว่า อย่าดีกว่า... เหมือนที่เขียนไว้ในไดอารี่ตัวเอง เมื่อหลายปีก่อนว่า...
ไม่อยากคิดว่า ตัวเองจะระเบิดออกมาในรูปแบบไหน แต่ถ้าจะให้ดี อย่าดีกว่า เพราะนั่นหมายถึงการเดินทาง การเปลี่ยนเส้นทาง และการหาที่หายใจใหม่ ๆ เพื่อให้ชีวิตเดินต่อไปได้....
Create Date : 03 สิงหาคม 2549 |
|
1 comments |
Last Update : 3 สิงหาคม 2549 21:17:01 น. |
Counter : 459 Pageviews. |
|
|
|
ถึงยังแฟนหนังสือก็อยากอ่านหนังสือจากนักเขียนคนโปรดสม่ำเสมอ แต่..เอ่อ..คนเขียนเองก็ต้องแข็งแรงด้วย
สู้ๆ