Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
30 มิถุนายน 2549
 
All Blogs
 
ข่าวฝาก "วัยทีนแสบซ่า ตามล่าแสดแก๊ง"

ทางสนพ. ปริ๊สเซส ฝากข่าวถึง เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ
ถึงงานที่จะมีในวันที่ 8 กค 2549 นี้นะคะ
ใครว่างก็เชิญนะคะ

กำหนดงาน

งาน : “วัยทีนแสบซ่า ตามล่าแสดแก๊ง”
วัน : วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2549
สถานที่ : เวทีกลาง ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เวลา : 13.00 น. เปิดตัวแสดแก๊ง
เวลา : 13.40 น. เปิดตัวหนังสือ 4 เล่ม โดย 4 นัก
เขียน Cornelio, กัลฐิดา, จตุรดา, เทมส์
เวลา : 14.50 น. ร่วมเล่นเกมส์ลุ้นรับของขวัญเศษ
หนังสือ “หัวขโมยแห่งบารามอส”
พร้อมลายเซ็น ผู้เขียน แรบบิท
พิธีกร : รชต เอี่ยมวรกุล PJ. ต๊ะ จากรายการ
วิทยุ FM MAX 88.5
วิทยากร : นู๋ผักบุ้ง ผู้เขียน มาเฟียที่รัก เล่ม 1, 2
อคิราห์ ผู้เขียน นายตัวร้ายกับยัยตัวแสบ
Little monkey ผู้เขียน แปลกดีนักแอบรัก
เจ้าชาย
Cornelio ผู้เขียน ชุลมุนวุ่นรักหอพักอลเวง,
แฟนฉันเป็นยมทูต, Paparazzi
กัลฐิดา ผู้เขียน เซวีน่า เลาม 1, 2
จตุรดา ผู้เขียน ลำนำแห่งห้วงธารา, คีตาเริ่ม
บรรเลง
เทมส์ ผู้เขียน Eternity Moon, Blueplanet
แขกรับเชิญ : คุณวโรรส โรจนะ เวปมาสเตอร์ เด็กดี
ดอตคอม (www.Dekdee.com)

ปล. สำหรับตัวเจ้าของบล็อค ปิดบล็อคเที่ยวเสม็ดชั่วคราว
อิอิ แล้วจะเก็บลมทะเลมาฝากกันจ้า



Create Date : 30 มิถุนายน 2549
Last Update : 30 มิถุนายน 2549 9:54:53 น. 5 comments
Counter : 735 Pageviews.

 
เรื่องเล่าหลังงานฉลอง

คณะของสวาซิแลนด์
ทำเอาชาวบ้านหัวใจเกือบวาย ด้วยการประกอบพิธีโดยคุณ "Spiritualist" ในคณะ เมื่อคราวเสด็จฯ พระที่นั่งอนันตฯ ตอนที่คณะจะเสด็จกลับ คุณ Spiritualist ซึ่งได้รับเชิญให้มากับกษัตริย์สวาซิแลนด์คนนี้ก็เดินกลับมาหาในหลวง แล้วก็ตะโกนเสียงดังมาก ท่าทางขึงขังราวกับจะเข้ามาทำร้าย แล้วก็เดินจากไป ขณะที่พระองค์ท่านพระพักตร์นิ่งมาก ๆ ส่วนทุกคนในที่นั้นหน้าซีดเผือด
คืนนั้น ทหารของวังก็มาที่โรงแรมทันที เล่นเอานายตำรวจเกียรติยศของเราที่เป็นราชองครักษ์ให้กับคณะถึงกับลมใส่
แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรค่ะ ในวังสั่งให้มาสอบถามฝ่ายสวาซิแลนด์ว่า คุณหมอผีแกพูดว่าอะไร และท่าทางในขณะนั้นมีความหมายว่าอย่างไร
คำตอบน่ารักมาก เค้าบอกว่า นั่นคือพิธีถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัว แต่เสียดายมากที่ไม่สามารถทำได้อย่าง " ครบเครื่อง " เพราะตามปกติต้องมีชุดประจำชาติ (ซึ่งจะมีหอก และไม้เท้า) แต่โดยที่เราไม่อนุญาตให้พกอาวุธ (ยกเว้นเป็นเครื่องแต่งกายปกติของกษัตริย์ อาทิ ชุดของ king คูเวต และมาเลเซียซึ่งเหน็บกริชด้วย) จึงไม่สามารถทำได้อย่างครบถ้วนถูกต้อง แล้วขอโทษมาด้วย
คนที่ได้ยินเลยอมยิ้มกันไปตาม ๆ กัน
............................................................................................................
สมเด็จพระบรมนาถสีหมุนี
วันเสด็จฯ ไปกองทัพเรือนั้น ประชาชนมารอรับเสด็จเนืองแน่น พระองค์ท่านทรงโบกพระหัตถ์อยู่ในรถ จนคุณตำรวจเกียรติยศทูลถามว่าทรงประสงค์จะให้เอากระจกลงหรือไม่ ตอนแรก พระองค์ท่านทรงปฏิเสธ แต่ในที่สุด เมื่อทอดพระเนตรเห็นฝูงชนที่บีบเข้ามาเรื่อย ๆ รถก็เคลื่อนไปได้ช้า จึงรับสั่งให้เอากระจกลง พอชาวบ้านเห็นก็ตะโกนกันใหญ่ว่า ทรงพระเจริญ พระองค์ท่านแย้มสรวลให้ จนมีเสียงผู้หญิงคนนึงตะโกนฝ่ามาจากฝูงชนว่า " ทรงหล่อมาก ๆ "
คราวนี้พระองค์ท่านแย้มพระสรวลไม่หุบเลย
.............................................................................................
มีคนหลังไมค์มาถามเราว่า เราไปทำอะไรมาเหรอ ถึงรู้เรื่องที่เอามาเล่าเนี่ย
ก็ขอตอบละกันว่าไปเป็น " เลซอง " มาค่ะ
เลซอง ( liaison) คือเจ้าหน้าที่ประสานงานให้กับคณะของพระราชอาคันตุกะ ทุกคณะจะมีเลซองประจำคณะละ 2 คนขึ้นไป หลัก ๆ คือเป็นเลซองตัวพระประมุข 1 คนและผู้ช่วยเลซอง 1 คน แต่หากมีพระชายา / พระสวามีโดยเสด็จด้วยก็จะเพิ่มเลซองอีก 1 คน (ของมาเลเซียกับญี่ปุ่น มีคณะละ 4 คน เนื่องจากคณะใหญ่มาก ญี่ปุ่นมีผู้ตามเสด็จประมาณ 200 คน)
พูดถึงเลซองแล้วก็คิดถึงสมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน และเจ้าหญิงแมรี่แห่งเดนมาร์ก
เกร็ดน่ารัก ๆ เรื่องนี้คือว่า ทั้งสองพระองค์เคยเป็นสามัญชนมาก่อน (ควีนซิลเวียเป็นชาวเยอรมัน ส่วนเจ้าหญิงแมรี่เป็นชาวออสเตรเลีย) และเคยเป็นเลซอง จึงได้พบกับกษัตริย์สวีเดน และเจ้าชายแห่งเดนมาร์ก เมื่อท่านเสด็จฯ ไปเยือนประเทศบ้านเกิดของทั้งสองพระองค์

เอ้อ ไม่อยากบอกเลยว่าข้อมูลนี้เลยเป็นแรงบันดาลใจให้สาว ๆ หลายคนอยากเป็นเลซองให้กับคณะ ๆ หนึ่ง ซึ่งไม่ต้องบอกก็คงรู้กันดีนะคะว่าเป็นคณะไหน
แต่.. เสียใจด้วยจ้า คณะนั้น เค้าจัดเลซองผู้ชายให้แล้ว (ฮือ เสียดาย)
.............................................................................................................

บรูไนกับมาเลเซีย
คืนวันที่ 12 ราว ๆ 2 ยาม เห็นจะได้ เจ้าหน้าที่สถานทูตบรูไน 3 คน มาที่โรงแรม Shangri-La และได้ขอพบเลซองมาเลเซีย แล้วก็บอกว่า ควีนบรูไนมีของมาถวายองค์รายา ประไหมสุหรี อากง (ควีนมาเลเซีย) ต้องถวายให้ได้ในคืนนั้น
ของนั้นเป็นถุงกระดาษสีน้ำตาลเล็ก ๆ มี scotch tape พัน ๆ อยู่ ดูแล้วไม่เรียบร้อยเลยแม้แต่น้อย แต่เจ้าหน้าที่บรูไนมีเอกสารมาให้เซ็นรับอย่างดี และยืนยันต้องถวายให้ได้
โชคดีว่าขณะนั้น ทรงประทับเสวยพระกระยาหารมื้อดึกอยู่ ยังไม่เข้าบรรทม ราชเลขาธิการมาเลเซียจึงได้นำของดังกล่าวเข้าไปถวายโดยใส่พาน แต่มิได้แกะห่อออกดู จึงทรงรับสั่งให้แกะห่อ
เอ่อ ทายสิคะว่าของในห่อที่ดูไร้ค่ามาก ๆ คืออะไร

มันคือ เครื่องเพชรค่ะ เครื่องเพชรอันใหญ่เบ้ง ประกอบด้วยพัชราวลัย (สร้อยคอ) กุณฑล (ต่างหู) และกำไลข้อพระกรอีก 1 คู่
( ปาดเหงื่อ 1 ที) งานนี้ เลซองเกือบซวยค่ะ เธอสารภาพกับดิฉันว่า คิดว่าจะแอบเอาไปโยนทิ้งอยู่แล้ว เพราะสภาพของห่อดีกว่าห่อขนมไข่หงส์นิดเดียว !
............................................................................................................................................................................................................................
speech ประวัติศาสตร์ที่จับใจคนทั้งโลกขององค์สุลต่านแห่งบรูไนค่ะ
ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว ท่านได้ทรงขอข้อมูลจากฝ่ายไทยเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเตรียมการยกร่าง และคำถามที่ถามกันมากมากเหลือกเกินว่าใครคือผู้ยกร่าง
ผู้ร่างก็คือ องค์สุลต่านนั่นเองค่ะ
ยืนยันจากเจ้าหน้าที่โต๊ะบรูไนของกระทรวงการต่างประเทศ ที่นั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ ดิฉันเนี่ยแหละเพราะเธอเป็นคนให้ข้อมูลท่านไปเองค่ะ และท่านทรงยกร่างเองและรัฐมนตรีต่างประเทศ เพียงเตรียมเป็นประเด็นสั้น ๆ ( pointers) ให้ทราบว่าทรงปลาบปลื้มพระทัยยิ่งกับความเอาพระทัยใส่ของในหลวงของเรา ที่ทรงรับสั่งแสดงความยินดีกับองค์สุลต่านที่พระชายาชาวมาเลเซียมีประสูติกาลพระโอรสเพียง 1 สัปดาห์ก่อนเสด็จมาประเทศไทย อยากจะบอกว่า ภาษาอังกฤษที่ใช้นั้น ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเลย เป็นภาษาที่แสนจะง่าย ธรรมดาสามัญ แต่เมื่อประกอบกันขึ้นเป็น speech แล้ว กลับซาบซึ้งกินใจอย่างยิ่ง

.......................................................................................................................................................................................................................
พ.ต.ท.เชิดชาย ชมธวัช วัย 64 ปี นายตำรวจเกษียณ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้รับพระราชทานวโรกาสให้เข้าเฝ้าพระประมุขแห่งญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด
คุณลุงเชิดชาย เล่าย้อนเวลาเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ยังรับราชการในตำแหน่ง รองผกก.หน.สภ.อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน
ได้พบว่าในพื้นที่ อ.ขุนยวม มีข้าวของเครื่องใช้ของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกหลงเหลืออยู่กระจัดกระจายเป็นจำนวนมาก เลยมีความคิดริเริ่มที่จะรวมรวมสิ่งที่หลงเหลือจากประวัติศาสตร์เหล่านี้รวมกันไว้ เพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้กับคนรุ่นหลัง จึงเริ่มสะสมและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นนับแต่นั้นมา
คุณลุงก็ได้รับหนังสือเชิญจากสถานทูตญี่ปุ่น โดยมีข้อความเชิญตัวคุณลุงเองและภรรยาเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ในวันที่ 13 มิ.ย. โดยข้อความทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษและเขียนชื่อคุณลุงเป็นภาษาไทย และเจ้าหน้าที่ก็ได้มอบภาพถ่ายของทั้งสองพระองค์ให้กับคุณลุงด้วย
หน้าที่ได้จัดลำดับให้ผมเข้าเฝ้าเป็นลำดับที่ 3 จากผู้ที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ากว่า 40 คน เมื่อได้เข้าเฝ้าพระจักรพรรดิอากิฮิโตได้สัมผัสมือกับผมและตรัสผ่านล่ามว่ารู้สึกขอบคุณ และขออภัยที่ทำให้ผมต้องเดินทางมาไกลและตรัสว่าในนามของประชาชนชาวญี่ปุ่นและในนามของประมุขของประเทศญี่ปุ่น ขอขอบคุณที่ได้จัดสร้าง พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวขึ้นมาและฝากความระลึกถึงชาวบ้าน 3 คนที่ไม่มีโอกาสเดินทางมาด้วย ซึ่งในการพูดคุยพระองค์ทรงมีอัธยาศัยอย่างไมตรีและไม่ถือตัวสร้างความปีติให้กับผมและภรรยาอย่างที่สุด โดยการเข้าเฝ้าเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา สมเด็จพระจัรพรรดิอากิฮิโตได้พระราชทานจอกเงิน ที่มีตราราชวงศ์ญี่ปุ่นประทับอยู่ให้กับผมและภรรยาด้วย "
คุณลุงเชิดชาย ยังบอกด้วยว่า พิพิธภัณฑ์สงครามโลกมีความสำคัญกับชาวญี่ปุ่นและคนไทยที่ผ่านพ้นประวัติศาสตร์ร่วมกันโดยเฉพาะเส้นทางเดินทัพที่พาดผ่าน อ.ขุนยวม เรียกกันว่าเป็น " เส้นทางโครงกระดูก " โดยขณะนั้นทหารฝ่ายพันธมิตรได้ปิดล้อมกองทหารญี่ปุ่น ตั้งแต่เมืองโอคิมาของอินเดียตอนใต้ ไล่ลงมาผ่านอิรวดีของพม่าและเข้าสู่ภาคเหนือของไทยที่ อ.ขุนยวม ซึ่งยุกธการปิดล้อมครั้งนั้นได้ทำให้ทหารญี่ปุ่นต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
และเนื่องในปีนี้เป็นปีมงคล คุณลุงจึงตั้งใจถวายพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ให้เป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระจักรพรรดิอากิฮิโตแห่งญี่ปุ่น และปฏิญาณว่า จะตั้งใจดำเนินการสะสมสิ่งของในอดีตรวมทั้งเป็นแหล่งความรู้ให้กับผู้สนใจศึกษาต่อไปด้วย
.........................................................................................................................................................................

แม่ค้าผลไม้ที่เจ้าชายแห่งลักเซมเบิร์ก ได้เสด็จฯเยี่ยมชมตลาด และทรงลองเสวยทุเรียน ซึ่งคุณแม่ค้า สาว 2 พี่น้อง เจ้าของร้าน " นันท์-น้อย " เล่าถึงความประทับใจและระทึกใจต่อเจ้าชายหนุ่มว่า
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังขายผลไม้อยู่หน้าร้าน ปรากฎว่าบริเวณหน้าตลาด อตก.มีผู้คนคึกคักผิดปกติ เลยรู้ว่ารอชมพระบารมีของเจ้าชาย คุณแม่ค้าและน้องสายก็ตื่นเต้นดีใจ ที่มีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาชมตลาด
( ขอแทรกค่ะ) แถมการเสด็จครั้งนี้ ท่านทรงพระดำเนินมาตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส มายังตลาด คิดดูว่าทั้งร้อนทั้งไกลขนาดไหน
คุณแม่ค้าเล่าอย่างเห็นภาพว่า " มาถึงพระองค์ท่านก็เลี้ยวมาที่ร้านของดิฉันทันที พระองค์ทรงหยุดมองทุเรียนที่วางขายอยู่หน้าร้าน ซึ่งดิฉันก็บอกกับล่ามของพระองศ์ว่า สามารถชิมได้ พระองค์มีท่าทีสนใจ และยิ้มแย้มที่ได้เห็นทุเรียน แต่ทางผู้ติดตามบอกว่าพระองค์ไม่สามารถชิมได้ เพราะเกรงว่าจะท้องเสีย แต่พอล่ามได้บอกกับพระองค์ว่า แม่ค้าอยากให้ชิม พระองค์จึงตรัสว่าจะลองชิม แล้วผู้ติดตามก็ได้ให้ดิฉันเช็ดมีดให้สะอาด แล้วเอาไม้มาให้พระองค์จิ้มเสวย แต่ปรากฎว่าพระองศ์ทรงใช้มือหยิบเสวย พร้อมชมว่า อร่อยมากๆ "
คุณแม่ค้าเล่ามาถึงตรงนี้ ก็ยิ้มปลื้ม ก่อนจะบอกว่า " เสวยทุเรียนเสร็จ ดิฉันก็ถวาย มังคุดให้เสวยต่อ ซึ่งพระองค์ก็ชอบมากอีกเช่นกัน ดิฉันเลยบอกผู้ติดตามว่าจะขอถวายผลไม้ให้ได้ไหม แต่ทางผู้ติดตามบอกว่า จะขอซื้อ เพราะถ้าถวาย ก็กลัวว่าแม่ค้าจะขาดทุน เพราะต้องซื้อเป็นจำนวนมาก "
เท่านั้นแหละ เธอถึงยอมใจอ่อน ตัดใจขายทุเรียนให้พระองค์ท่านไป 4 กิโล ราคา 1 พันบาท แล้วก็แถมผลไม้อย่างอื่นให้ด้วย
คุณพี่แม่ค้าเล่าตอนนี้อย่างปลื้มสุดๆ อีกว่า " พระองค์ท่านถามดิฉันว่าทำไมต้องให้ฟรี ดิฉันบอกว่าพระองค์เป็นแขกของในหลวง พระเจ้าแผ่นดินที่ดิฉันเคารพรักมาก เมื่อพระองค์มาเยือนประเทศไทย มาเป็นแขกของพระเจ้าแผ่นดิน ดิฉันก็ต้องต้อนรับให้ดีที่สุดเช่นกัน พอล่ามแปลให้ฟัง พระองค์ท่านก็ทรงยิ้มแย้ม "

หลังจากวันนี้ คุณพี่แม่ค้าก็มีเหตุระทึกใจเกิดขึ้น เพราะวันถัดมา จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ของบุคคลผู้ไม่คุ้นเคย โทรมาหา และบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สน.บางซื่อ พอรู้เท่านั้นแหละ คุณพี่แม่ค้าต๊กกะใจ " นึกว่าพูดอะไรออกไป "
แต่ปรากฎว่า คุณพี่ตำรวจนายนั้น โทรมาบอกว่า " คืนนั้นเจ้าชายทรงนอนไม่หลับ เพราะยังคิด และประทับใจในคำพูดที่ดิฉันมีต่อพระเจ้าแผ่นดิน และปลื้มใจที่มีประชาชนชาวไทยรักในหลวงมากมายขนาดนี้ "
.... โอย ฟังแล้วปลื้มหัวใจเจ้าค่ะ
คุณพี่แม้ค้าเลย ตบท้ายว่า ที่เจ้าชายทรงเสด็จฯ มาเสวยทุเรียนที่ร้าน ดิฉันรู้สึกดีใจมาก และถือเป็นวาสนาว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เคยมีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์หนึ่งเสด็จมา ดิฉันว่าประชาชนของประเทศลักเซมเบิร์กบางคน ยังไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านเหมือนดิฉัน ถ้าเป็นไปได้ดิฉันอยากให้ท่านเสด็จมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง " คุณพี่แม่ค้าว่างั้น ... ฮึ โชคดีกว่าอิฉันอีกนะคุณพี่ หุหุ


โดย: เงาไม้เหงาฯ วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:19:40:02 น.  

 
ตอนแรกอ่านกำหนดการแล้ว ก็กำลังคิดว่า อะไรกัน อีกตั้งนานกว่าจะถึงเดือนกรกฏา แต่คิดดูอีกที เออ วันนีมันวันที่ 1 แล้วหนิหว่า พี่นัทจะมาวันไหนอ่ะ บอกน้องด้วยนะ


โดย: null (oreocream ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:07:59 น.  

 
มาเมื่อไหร่บอกน้องนะพี่ จะได้เจอกัน =w=


โดย: shakri วันที่: 4 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:36:23 น.  

 
จะแอบย่องๆไปเห็นหน้านักเขียนนะ อิอิ


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 5 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:36:54 น.  

 


โดย: Bluejade วันที่: 7 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:38:25 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เปียร์รุส
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




In Rememberกองความทกข์ทับถมกองพะเนินเหมือนกองหิมะขาวโพลนตรงหน้าแต่..มันจะแตกต่างกันตรงที่ เมื่ออากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น กองหิมะก็จะละลายกลายเป็นน้ำไป...แต่ความทุกข์ที่เกาะกุมแนบแน่นอยู่ชิดติดเนื้อใจนั้น...วันใดถึงจะหายเจ็บปวดและ...ทรมานเสียที



:::คำเตือน:::ขอสงวนสิทธิ์ใด ๆ ตามกฎหมาย ในการทำคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของนิยาย เรื่องสั้น ในบล็อคแห่งนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ หากผู้ใดกระทำการคัดลอกหรือนำไปโพสในเวปอื่น ๆ หรือบล็อค โดยมิได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือ หากนำเรื่องไปเสนอต่อสำนักพิมพ์ ถือเป็นการเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.กฏหมายลิขสิทธิ์

:::แจ้งข่าว:::
10 ส.ค. 57 อัปฯ นิยาย

เรื่อง : ตราบเวลามิอาจกั้นรัก บทที่ 1

สวัสดีค่ะ หล้งจากห่างหายไปนานมากกกับ การเขียนนิยายในบล็อค พยายามเจียดเวลามาจัดการงานค้างในไหดองค่ะเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ คนไหนยังคงจำกันได้และแวะเวียนมาอ่าน ลงคอมเม้นให้ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจล่วงหน้าค่า... ^_^

ขอบคุณค่ะ
นัท
เปียรุส / ปรานต์ปัณฑ์
วังน้ำเขียว โคราชค่ะ




:::บอกเล่า::: ห้องที่งดการให้กุญแจ คือ

ฝากฟ้าถามดาวถึงข่าวคราวความรัก

เกลียวใจใยรัก (หัวใจที่ปลายฝัน)

ก็แค่ใครคนหนึ่งซึ่งคิดถึงเธอ

ทะเลทรายลายดาว

เรื่องสั้นขนาดยาว Season Of Love

เรื่องสั้นขนาดยาว Project Love & Kiss

ริ้วทรายใต้ตะวัน

เรื่องสั้นขนาดยาว Silver Fall's รสรักกรุ่นหัวใจ

หัวใจเพื่อรักความรักเพื่อลืม

มหรรณพแสงจันทร์

นิยายที่อยู่ในห้องที่ใส่กุญแจหาอ่านได้ตามร้านหนังสือนะคะ

ขอบคุณค่ะ

นัท...เปียรุส /ปัณณธร


รวมผลงานของเปียรุส , ปรานต์ปัณฑ์

ผลงานเดี่ยว



รวมเล่มกับนักเขียนท่านอื่น



Season Of Love

โดย ปัณณธร (เปียร์รุส)



Friends' blogs
[Add เปียร์รุส's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.