คือ...อาการของคนที่ทำงานอยู่ หน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกัน
เป็นเวลานานๆ เช่น เกิน 2-3 ชั่วโมง มักจะมีอาการ.....
: ปวดที่กระดูกข้อมือ เจ็บปวดกล้ามเนื้อ บริเวณต้นคอ ไหล่ หลัง บั้นเอว
แขน และ ข้อมือ หรือ หากใช้สายตาจ้องหน้าจอนาน ๆ มักมีอาการปวดตา
แสบตา ตามัว และบ่อยครั้ง ที่จะมีอาการปวดหัว ร่วมด้วย
(ซึ่งอาการหลังนี่..เป็นกันเยอะมาก)
อาการทางสายตาเหล่านี้ เกิดจากการจ้องดูข้อมูล บนคอมพิวเตอร์ติดต่อ
กัน เป็นเวลานานเกินไป พบได้ถึงร้อยละ 75 ของบุคคลที่ใช้คอมพิวเตอร์
โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี อาการในบางคน อาจเป็นเล็กๆ น้อยๆ
ไม่บั่นทอนการทำงาน หรือ พักการใช้คอมพิวเตอร์สักครู่ ก็หายไป บางคน
อาจต้องว่างเว้น การใช้เป็นวัน ก็หาย บางรายอาจต้อง ใช้ยาระงับอาการ
สาเหตุการเกิด "โรค CVS" หรือ
"คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม" ?
เนื่องจากว่า ....
● ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ค่อยกระพริบตา ปกติแล้ว เราทุกคนจะต้อง
กระพริบตาอยู่เสมอ เป็นการเกลี่ยน้ำตา ให้คลุมผิวตาให้ทั่วๆ
โดยมีอัตราการกระพริบ 20 ครั้งต่อนาที
หากเราอ่านหนังสือ หรือ นั่งจ้องคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบ
จะลดลง โดยเฉพาะการจ้องคอมพิวเตอร์ การกระพริบตา
จะลดลงกว่าร้อยละ 60 ทำให้ผิวตาแห้ง ก่อให้เกิดอาการ
แสบตา ตาแห้ง รู้สึกฝืดๆ ในตา
● แสงจ้า และแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ตาเมื่อยล้า
ทั้งแสงจ้าและ แสงสะท้อนมายังจอภาพ อาจเกิดจากแสงสว่าง
ไม่พอเหมาะ มีไฟส่องเข้าหน้า หรือ หลังจอภาพโดยตรง
หรือแม้แต่แสงสว่างจากหน้าต่างปะทะหน้าจอภาพโดยตรง ก่อให้
เกิดแสงจ้า และ แสงสะท้อนเข้าตาผู้ใช้ ทำให้เมื่อยล้าตาง่าย
รูปแสดงท่านั่งที่ดี (ซ้าย) รูปแสดงท่านั่งที่ไมดี (ขวา)
● การออกแบบและการจัดภาพ ระยะทำงานที่ห่างจากจอภาพให้เหมาะสม
ควรจัดจอภาพให้อยู่ ในระยะพอเหมาะ ที่ตามองสบายๆ ไม่ต้องเพ่ง
โดยเฉลี่ยระยะจากตา ถึงจอภาพ ควรเป็น 0.45 ถึง 0.50 เมตร
ตาอยู่สูงกว่าจอภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้แว่นสายตา ที่มองทั้งระยะใกล้
และไกล จะต้องตั้งจอภาพ ให้ต่ำกว่าระดับตา เพื่อจะได้มอง
ตรงกับ เลนส์แว่นตาที่ใช้มองใกล้
● รายงานการศึกษาวิจัยเมื่อปี 2004 พบว่าอาการต่างๆ จะหายไป
เมื่อมุมดังกล่าว มากกว่า 14 องศา ส่วนปัจจัยอื่นๆ จากการวิจัย
พบว่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
วิธีป้องกัน หรือ แก้ไขอาการเหล่านี้
● ถ้ารู้สึกตัวว่าจ้องหน้าจอนานเกินไป ให้กระพริบตาให้บ่อยขึ้น หรือพัก
สายตาโดยการละสายตาจากคอมพิวเตอร์ หลังจากใช้ไปประมาณ 20
30 นาที หรือ อาจใช้ยา หล่อลื่นลูกตา ประเภทน้ำตาเทียม
● จัดแสงไฟและตำแหน่งจอภาพให้เหมาะสม อย่าให้จอภาพ
หันหน้าเข้าหน้าต่าง หรือ อยู่ตรงหน้าต่าง โคมไฟที่ส่องหน้า
ตรงๆ ลงมาอาจทำให้เกิดแสงจ้า ควรจะเปลี่ยนเป็น หลอดไฟ
ที่กระจายทั่วๆ ไป หรือโคมไฟ ที่ส่องเฉพาะกระดาษ
อย่าให้แสงปะทะ กับจอภาพ และตาผู้ใช้
● ปรับคลื่นแสงที่หน้าจอ (Refresh rate) ซึ่งเครื่องส่วนใหญ่ จะปรับ
อยู่ที่ 60 Hz ซึ่งขนาดนี้ทำให้เกิดแสงกระพริบทำให้ ภาพบนจอเต้น
กระตุ้นให้เราต้องปรับตา เพื่อโฟกัสใหม่อยู่เรื่อยๆ ทำให้ตาเมื่อยล้า
ได้ ควรปรับความถี่ให้อยู่ระดับ 70-80 Hz จะทำให้จอภาพ
เต้นน้อยลง สบายตาขึ้น
● ใช้น้ำตาเทียม artificial tear หยอดตา จะสามารถช่วยบรรเทา
อาการปวดตาและแสบตาได้ ยาหยอดตาชนิดที่ทำมาจาก
สมุนไพร (itone) มีรายงานการศึกษาวิจัยจากประเทศอินเดีย
ในผู้ป่วย 120 ราย เทียบกับ น้ำตาเทียม และยาหลอก พบว่า
ได้ผล ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ในประเทศอังกฤษ ผลการวิจัยพบว่าการใช้ยาหยอดตาชนิด
povidone 2% preservative-free ในผู้ที่ใส่เลนส์สัมผัส
ช่วยบรรเทาอาการได้ดีมาก และแนะนำให้หยอดตา
เมื่อมีอาการ ไม่จำเป็นต้องหยอดตาเป็นช่วงเวลา
● ให้พักสายตาเป็นระยะๆ หลังจากทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ไป
ได้สัก 20-30 นาที ควรหยุดพักสายตาเป็นเวลา 2-4 นาที
แล้วค่อยลืมตาขึ้นทำงานใหม่
หากสามารถปฏิบัติได้จนเป็นนิสัย ก็จะป้องกันไม่ให้เกิด
กลุ่มอาการคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรมได้
● การทำงานจ้องจอภาพนานเกินไป ไม่ว่าจะเกิดจากงานเร่ง
หรือ มีหน้าที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเดียว ก็ตามย่อม
เกิดอาการได้ง่าย ทุก 2 ชั่วโมงที่จ้องจอภาพ ควรพัก
สายตาประมาณ 15 นาที โดยมองออกไปไกลๆ หรือหลับตา
เฉยๆ หากเป็นไปได้ ควรทำงานที่จ้องจอภาพวันละไม่เกิน
4 ชั่วโมง เวลาที่เหลือ ไปทำงานอย่างอื่นบ้าง
● พิจารณาแสงสว่าง ทั้งแสงภายในห้องทำงาน
และ แสงสว่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยจัดแสงภาย
ในห้องทำงาน ไม่ให้มีแสงสะท้อน มาที่จอคอมพิวเตอร์
และปรับแสงสว่างหน้าจอ คอมพิวเตอร์ ไม่ให้แสงจ้ามาก
เกินไป หลายคนทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยไม่เคย
ปรับแสงสว่าง รวมทั้งความเข้มของแสง เลยสักครั้งเดียว
● นั่งห่างจากจอคอมพิวเตอร์ ประมาณ 16-30 นิ้ว จากดวงตา
และควรให้ จุดกึ่งกลางของหน้าจอคอมพิวเตอร์ อยู่ต่ำกว่า
ระดับสายตาประมาณ 20 องศา
จัดเป็นท่านั่งทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด
● การจัดร่างกายในท่านั่งที่ถูกต้อง●
★ ระมัดระวังปัญหาปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ
ที่มักเกิดขึ้นร่วมกันได้บ่อยๆ เชื่อว่าหลายคน
คงมีอาการเหล่านี้อยู่ ไม่มากก็น้อย
แต่จะเป็นมากเป็นน้อย คงขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการนั่งอยู่หน้า
จอคอมฯ ของแต่ละคน ใครที่เกิดอาการขึ้นมาแล้วก็ลองนำ....
สวัสดีตอนค่ำค่ะ..คุณtui
ขนาดติกไม่ได้เล่นคอมนานๆ ข้อมือยังปวดเลยค่ะ