ขออย่ายอมแพ้ ....อย่าอ่อนแอ ...แม้จะร้องไห้ จงลุกขึ้นสู้ไป จุดหมายไม่ไกลเกินจริง
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
วันนี้อยากเล่า บางครั้งการเป็นเมียคนรวยก็ไม่ใช่มีความสุข

เรื่องที่จะเล่าวันนี้ เป็นเรื่องของสาวไทยคนหนึ่งที่มาใช้ชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นถึงยี่สิบปี

เราได้เจอกันบังเอิญ และก็รู้สึกถูกชะตากับเธอมาก เพราะเธอดูพูดจาตรงๆง่ายๆไม่เสแสร้ง

ผู้หญิงไทยในญี่ปุ่นมีมาก มาอยู่กันเป็นสิบยี่สิบปีก็เยอะ ส่วนมากก็ได้วีซ่าถาวรกันหมดแล้ว

เมื่อมีการไปงานสังสรรค์เช่นงานวันเกิด งานผ้าป่า งานอะไรต่ออะไรที่รับเชิญมา

ก็จะได้รู้จักกับสาวหน้าใหม่หลายคน และสาวไทยที่จะเล่าเรื่องของเธอวันนี้ เราขอสมมุติชื่อเธอว่า อุษา

เรากับอุษา พบกันที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง เรานั่งใกล้ๆกัน ต่างคนต่างคุยกันไปตามประสาคนไทยด้วยกัน

นั่งไปได้สักพัก ก็เห็นมีหนุ่มสาวสามคน มายกมือไหว้อุษา เราก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคนรู้จักกันลากลับก่อน

พอกลุ่มคนไทยสามคนที่กลับไปก่อนพ้นร้านไปแล้ว อุษาก็ย้ายมานั่งกับเรา แล้วก็พูดโดยไม่ได้ถามว่า

พี่...พี่ ...เห็นสามคนนั่นไหม ...ลูกหนูเอง......ทำเอาเราเป๋อเลย เพราะอุษาก็ยังสาวอยู่มาก ดูอายุไม่น่าเกินสามสิบแปด

แต่คนที่มาลากลับไปนั้น อายุก็ประมาณยี่สิบห้าขึ้นไปแล้ว อุษามาบอกว่าเป็นลูกได้อย่างไร ไม่น่าเชื่อเลย


..........อุษา หัวเราะลั่น แล้วบอกว่า เชื่อเถอะพี่ ลูกหนูจริงๆทั้งสามคน พ่อเดียวกันด้วย

ตอนนี้อุษาเลยบอกอายุจริงของเธอว่า เธออายุ สี่สิบปี มีลูกแต่อายุ 13 ที่มีลูกเร็วเพราะแต่งงานเร็ว

แล้วเรื่องราวต่างๆของอุษา ก็พรั่งพรูออกมาจากปากของเธอ......


อุษา เล่าว่า เธอเป็นสาวอิสาน ที่บ้านยากจน จึงเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปทำงานที่กรุงเทพฯ

และทึ่กรุงเทพฯนี้ เธอได้ไปเป็นคนใช้ที่บ้านคนนรวยแถวสุริวงศ์ เรียกว่ายกครอบครัวไปเป็นคนใช้ทั้งพ่อแม่ลูก

เธอบอกว่า เธอกับพ่อแม่ ทำงานรับใช้อยู่บ้านมหาเศรษฐีชื่อดังคนหนึ่ง ตอนที่เธอมาอยู่กรุงเทพฯ
เธออายุ 12 ย่าง 13 ร่างกายก็ผอมๆไม่ได้สวยงามอะไรมาก แต่เธอเป็นคนขาว และมีหน้าอก

ที่บ้านเศรษฐีที่เธออยู่ด้วยนี้ มีลูกชายคนเดียว อายุมากกว่าเธอสิบปี ก็คงประมาณ 23 ปี

ก็คงจะประเภทชอบกินเด็กในบ้าน และพ่อแม่ตามใจมากๆ เพราะอยู่ๆแม่เขาก็มาบอกว่าจะให้เป็นสะใภ้เอาไหม

เธอซึ่งเป็นเด็กบ้านนอก เมื่อได้ยินอย่างนั้น จะว่าดีใจก็ดีใจ ที่จะได้เปลี่ยนฐานะโดยไม่รู้ตัว

แต่เธอก็กลัวการมีสามี พ่อแม่ก็บอกว่าไม่ขัด ถ้าคุณลูกต้องการเอาอุษาไปทำเมียเป็นเรื่องเป็นราว พ่อแม่ก็ยินดี

เธอก็เลยได้เป็นเมียลูกเศรษฐีแต่อายุ 13 ปี เธอเล่าต่อว่า พอเป็นเมียเจ้านาย ฐานะของเธอก็ดีขึ้น

ไม่ต้องทำงานบ้านเลย แต่ก็ไม่ถึงกับได้รับการยกย่องอะไรมาก เพียงแต่ย้ายที่นอนไปอยู่บนบ้าน

คุณหนูผู้ชายก็มานอนกับเธอทุกคืน ทำให้เธอตั้งท้องในเวลาอันรวดเร็ว เรียกว่าปีแรกเธอก็ท้องหัวปีท้ายปีเลย

......

เธอมีลูกคนแรกเป็นผู้หญิง คนต่อมาเป็นหญิง และปีต่อมาก็เป็นผู้ชาย แต่ไม่ใช่เธอจะมีความสุขในการเป็นเมียลูกเศรษฐี

เธอเล่าว่า สามีลูกเศรษฐีของเธอ เป็นคนรูปหล่อมาก และเป็นหนุ่มสังคม มีอารมณ์ทางเพศรุนแรง

เธอต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ทางเพศของสามีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากเธอแล้ว สามียังไปมีคนอื่นนอกบ้านอีก




สามีเรียกเธอว่า อีลาวทุกคำ เธอทนเจ็บช้ำน้ำใจกับสามีลูกเศรษฐีมามาก แต่ที่ทนอยู่ก็เพราะลูกยังเล็ก

และยิ่งมีลูกหัวปีท้ายปี แทนที่สามีจะรักลูก เขากลับไม่สนใจในตัวลูกเลย ไม่ว่าจะเป็นลูกหญิงหรือลูกชาย

ปู่ย่าเอง ก็เป็นประเภทรักแต่ลูกตัวเอง ไม่รักหรือเอ็นดูหลานเท่าที่ควร เธอต้องเป็นคนดูแลลูกคนเดียว

ถึงแม้จะเป็นบ้านคนรวย แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่พ่อแม่และสามียกย่องเชิดชู

เรื่องเหมือนนิยายจริงๆ เธอว่าครอบครัวนี้รวยมาก ยังดีที่เขาให้เงินและทองเธอพอที่จะเก็บเป็นก้อนได้

และไม่ได้ใช้อะไรมาก เธอบอกว่าเธอมีเงินเก็บไว้กับตัวเป็นล้านบาท มีเพชรมีทองหลายสิบบาท

เขาไม่ขี้เหนียวเรื่องเงินทอง แต่เธอก็ไม่ได้ไปใช้ที่ไหน อยู่แต่กับบ้าน สามีไม่เคยพาไปไหนมาไหนด้วย

เขาจะออกไปเที่ยวของเขาคนเดียว กลับมาก็มานอนกับเธอ เหมือนเธอเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์ใคร่ของเขา

อุษา ก็อยู่กับเขามาเรื่อยๆ จนมาถึงวันแตกหัก ก็คงเหมือนหนังละคร แต่นี่ไม่ใช่ เป็นเรื่องจริง

อุษาเล่าไปหัวเราะไป ไม่มีท่าทางจะมีความทุกข์เลย

เธอเล่าว่า พออยู่กันมาสักห้าปี สามีไปเจอผู้หญิงที่ฐานะเท่าเทียมกัน เป็นคนรวยเหมือนๆกัน
ก็มาบอกกับเธอว่า เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาพาออกงานด้วยได้ ขอให้เธอและลูกไปอยู่ที่อื่น

เรียกว่าไล่ออกจากบ้านอย่างเลือดเย็นก็ว่าได้ ไม่มีเยื่อใยต่อลูกทั้งสามเลย

พ่อแม่ของสามีก็ไม่ว่าอะไร บอกให้เธอออกไปหาที่อยู่ใหม่ เงินที่ให้ไว้คงพอที่จะไปใช้ชีวิตที่ดีได้

ทำไมคนรวยพวกนี้เลือดเย็นกันจัง พอเบื่อไม่ต้องการก็ให้ออกจากบ้าน ทั้งๆที่มีหลานตาดำๆตั้งสามคน



มันเป็นไปได้อย่างไร จิตใจคน ไม่อาลัยอาวรณ์เลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองเลยหรือ

อุษาเล่าต่อว่า ตอนนั้นเธออายุยังไม่ถึงยี่สิบดี ก็พาลูกและพ่อแม่กลับมาบ้านเกิดที่อิสาน
เพราะไม่รู้จะไปอยู่ไหน อยู่กรุงเทพฯเป็นเมียลูกเศรษฐีก็จริง แต่ไม่เคยออกไปเที่ยวนอกบ้านที่ไหน

เลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน กับรอรับหน้าสามีตอนจะมานอนด้วยตอนกลางคืน เพื่อนสักคนก็ไม่มี

เธอและพ่อแม่กลับไปบ้านที่อิสานตอนกลาง มีเงินกลับไปบ้านหนึ่งล้านบาทที่เก็บเอาไว้ ไม่ได้ฝากธนาคาร
เธอบอกว่า เธอเก็บเงินเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้า เต็มกระเป๋าไม่มีใครรู้ เธอเก็บทุกครั้งที่พ่อแม่และสามีให้
ซึ่งแต่ละครั้งเขาก็ให้เงินก้อนใหญ่ๆ เช่นวันตรุษวันสารท์ เขาให้เงินสดเป็นแสนๆบาท

ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่เธอสามารถทนได้ทุกอย่าง พ่อแม่สามีรวยมาก มีที่ดิน ตึกแถวให้เช่ามากมายย่านสีลม

ลูกชายคนเดียวก็ไม่ต้องทำอะไร นอนตื่นเที่ยงแล้วก็แต่งตัวออกไปเที่ยวตอนเย็น กลับมาบ้านก็เที่ยงคืน
กลับมาก็มานอนกับเธอจนเช้า วนเวียนอยู่อย่างนี้ จะเว้นตอนที่เธอท้องแก่หรือไปคลอดลูก

สามีไม่เคยล้อเล่นหยอกล้อกับลูกๆเลย เหมือนไม่ใช่พ่อลูกกัน เธอออกมาจากบ้านเขาก็ไม่อาลัยอาวรณ์
หรือร้องให้เธอเอาลูกทั้งสามคนไว้กับเขา เขาบอกว่าไปอยู่กับแม่ดีแล้ว เขาไม่รักเด็ก

เออ...คนอย่างนี้ก็มีด้วย ไม่รักเด็กแต่อยากเอาเด็กเป็นเมีย

อุษาเธอว่า เธอยังเด็กมากตอนที่เลิกกับสามี ไม่มีความรู้สึกเศร้าหรือผิดหวังอะไร

กลับมาอยู่อิสาน เธอก็ใช้เงินเที่ยวให้สะใจ ให้สมกับที่ตอนที่เธออยู่บ้านเศรษฐีเธอเหมือนเป็นนกน้อยในกรงทอง

ไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย ไม่รู้จักโรงหนังโรงละคร ไม่รู้จักโลกภายนอก

เมื่อเธอได้เป็นอิสระพร้อมกับมีเงินมีทองมากมาย เธอจึงหลงระเริง เที่ยวคบผู้ชายไม่เลือก

เธอบอกว่าเธอเปลี่ยนผู้ชายทุกเดือน ไม่รักใครจริงจัง เพราะถือว่ายังมีเงินอยู่มาก

จนเธออายุยี่สิบเอ็ดปี เงินที่คิดว่ามากก็หมดไป เรียกว่าหมดตัว ไม่เหลือแม้แต่ทองสักเส้นเดียว

ตอนนี้เธอเริ่มได้คิด แต่คิดว่า มีทางเดียวที่เธอจะมีเงินทองเหมือนเดิม เธอต้องไปทำงานที่ญี่ปุ่น
เพราะเธอไปเจอเพื่อนมาเล่าให้ฟังว่า ที่ญี่ปุ่นหาเงินง่าย เงินดี ไปนอนกับผู้ชายวันเดียวก็ได้เป็นหมื่น

เรื่องนอนกับผู้ชายเธอก็ถนัดอยู่แล้ว ไม่ได้กลัวอะไร เธอจึงตัดสินใจติดต่อนายหน้าให้พาเธอไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น





ชีวิตที่ญี่ปุ่นของอุษาจะเป็นอย่างไร รออ่านต่อภาคสอง ป้าต้องไปทานข้าวกลางวันก่อน หิวแล้ว




Create Date : 25 มิถุนายน 2552
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 12:25:27 น. 31 comments
Counter : 6380 Pageviews.

 
อ่านแล้วเห็นใจลูกๆคุณอุษาจังเลยค่ะ
ชีวิตคุณอุษาเหมือนนิยายจริงๆ


โดย: mame (@FirstblusH ) วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:12:00:06 น.  

 
อ่านแล้วเห็นใจลูกๆคุณอุษาจังเลยค่ะ
ชีวิตคุณอุษาเหมือนนิยายจริงๆ


โดย: mame (@FirstblusH ) วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:12:00:35 น.  

 
รอติดตามอ่านภาค2อยู่คะ มาเร็วๆนะคะ


โดย: fai IP: 58.137.37.194 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:12:15:48 น.  

 
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ อ่านแล้วทำให้คิดอะไรได้หลาย ๆอย่างเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ


โดย: miny (น้ำใจมิใช่น้ำจิ้ม ) วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:12:32:58 น.  

 
เห็นใจมาก ๆ ครับ รอภาคสองนะครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:12:41:55 น.  

 
แป่ววว.. มารออ่านภาคสองค่ะ


โดย: ป้าโซ วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:13:23:54 น.  

 
เฮ้อ ! ชีวิตคนเรา
รออ่านภาค 2 ด้วยคนค่ะ


โดย: อารีรัตน์ วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:13:42:55 น.  

 
มาฟังเรื่องจริงผ่านจอ (ป้า)
นิยายมันคือเรื่องจริงของคนบางคน


โดย: fon_nara IP: 203.158.172.3 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:14:10:18 น.  

 
น่าเห็นใจนะค่ะ บางทีชีวิตคนเราก็ไม่มีทางเลือก น่าสงสารลูกเค้านะค่ะรออ่านภาค 2 ต่อนะค่ะ


โดย: แม่เฟียร์ วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:14:10:28 น.  

 
สวัสดีค่ะ มาต่อภาค 2 เร็ว ๆ นะค่ะ คอยติดตามอ่านอยู่ค่ะ


โดย: sayyou_sayme IP: 218.228.212.245 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:14:23:15 น.  

 
สวัสดีค่ะ รออ่านอยู่นะคะ


โดย: LoveParadise วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:14:46:23 น.  

 
รออ่านภาค 2 อยู่นะคะ
ชีวิตเหมือนนิยายเลยนะคะคนเราเนี่ย..


โดย: มาม่าธัญญา (Tanja-nl ) วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:14:50:15 น.  

 
มาตามด้วย


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:15:28:47 น.  

 
สงสารเด็กจังค่ะ


โดย: กบ IP: 125.26.185.69 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:16:09:46 น.  

 
จริงๆ เลยนะครับ ชีวิตคนมีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง


โดย: Untrue วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:17:17:28 น.  

 
still waiting kha


โดย: Dear IP: 213.236.81.230 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:17:19:29 น.  

 
ติดขอบบล็อก รออ่านค่ะ


โดย: Matsudo IP: 59.134.152.131 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:19:07:46 น.  

 
เหมือนละครเลยนะคะ สงสารลูกจัง
หนูกับสามี ก็มีครอบครัวก่อนอายุสามสิบแต่โชคดีที่สามีดูแลและรักครอบครัวมากๆ ทั้งที่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร รออ่านอยู่นะคะ ป้าพนอจันยังสาวอยู่นะเนี่ย


โดย: kiriya วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:19:27:55 น.  

 
มารออ่านตอนต่อไป...เหมือนนิยายจริง ๆค่ะ....พวกนิยายทั้งหลายก็คงมาจากเรื่องจริงเช่นเดียวกัน...น่าติดตามและได้ข้อคิดดีค่ะ....


โดย: vipavee IP: 119.171.140.130 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:19:50:16 น.  

 
มารออ่านนะค่ะ สงสารเด็กๆจัง


โดย: sampoo IP: 60.230.210.223 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:20:08:38 น.  

 
ชีวิตคนเราเหมือนละครเลยรออ่านต่อว่าลูกและพ่อแม่เขาเป็นยังไงนี้และคนเรามีเงินไม่เก็ษมันก็หมด



โดย: hi IP: 94.248.23.59 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:20:14:50 น.  

 
มารออ่านด้วยค่ะ


โดย: ต้นข้าว_ต้นนั้น วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:20:26:41 น.  

 
รออ่านภาคสองอยู่นะคะ
มาเขียนเร็วๆ นะคะ


โดย: moccachan วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:20:37:17 น.  

 
มาลงชื่อติดตามตอนต่อไปค่ะ


โดย: Patt_Lee IP: 58.9.197.76 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:21:41:38 น.  

 
อ่านแล้วก็รู้สึกเห็นใจค่ะ
และคิดว่าก็คงจะมีชีวิตที่คล้ายๆแบบนี้อีกหลายคน


โดย: Yolanrita วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:23:15:31 น.  

 
น่าสนใจ ขอติดตามตอนต่อไปค่ะ


โดย: Lek (INGEN ER PERFEKT ) วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:4:45:10 น.  

 
อ่านไปจินตนาการภาพไปด้วย เห้น เหมือน ในละครเลยค่ะ เลือดเย็นกันจังนะคนเรา
อยากอ่านตอนต่อไปค่ะ
แต่อุษา เขาทนจริงๆ
อยากรู้ เรื่องราวตอนต่อไป มากๆ
ค่ะ


โดย: Anitapa วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:8:18:13 น.  

 
โหป้า ต้อยคะ


สุดยอดดดดดดดดด น่าเห็นใจอุษามา เจ๊หลีว่าชีวิตเจ๊หลีน้ำเน่าแล้วนะคะ

อุษา ยิ่งกว่าอีก แถมเป็นคนตรงไปตรงมาแบบป้าต้อยพูดไว้จริง ๆ ด้วย อุษาเล่าได้สุดยอดค่ะ เปิดเผยมาก


โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:8:44:05 น.  

 
พ่อไม่รักลูก ไม่คิดถึงลูก
ปู่ ย่า ไม่รักหลาน
เฮ้อ dna แรงจริงๆ


โดย: รัตน์ IP: 61.215.169.117 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:21:21:42 น.  

 
พี่ต้อย แต่หนูว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายอีกน่ะ เดี๋ยวมารอตามอ่านนะค่ะ




โดย: คุณนายก้อ วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:17:55:05 น.  

 
ผู้ชายใจร้าย สงสารเด็กจัง แต่ตอนนี้โตเป็นสาวเป็นหนุ่มกันหมดแล้วนี่น่า แอบอ่านตอน2 ก่อนอ่ะค่ะ แหะแหะ

ได้คติสอนใจอีกแล้วเรา

แปะๆๆๆๆ ชอบมาก


โดย: หยก IP: 115.67.54.143 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:01:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พนอจัน
Location :
กรุงเทพฯ Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 291 คน [?]




ป้าพนอจัน เกิด วันที่ ๒ พฤกษภาคม ๒๔๙๔

เป็นคนกรุงเทพ เกิด ที่ เขตดุสิต ถนนสุโขทัย

ชอบทำอาหาร ชอบดอกไม้ ชอบท่องเที่ยว

ตอนนี้แต่งงาน มาอยู่ประเทศญี่ปุ่น ได้ 16 ปี
New Comments
Friends' blogs
[Add พนอจัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.