|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรยา..กำลังอินเทรน ร่วมด้วยช่วยเล่ากับเขาหน่อย
ละครดังที่เพิ่งจบไป ดอกส้มสีทอง ทำให้กระแส เรยา ระบาดไปทั่วประเทศ ลามมาถึงต่างประเทศ
เพื่อไม่ให้ตกกระแส ร่วมด้วยช่วยเล่ากับเขาหน่อย...เรื่องนี้เก็บไว้นานแล้ว ยังไม่ได้เล่าไว้ในบล็อก
หลังจากการเล่าเรื่องชีวิตของผู้คนมาหลายเรื่อง โดนมรสุมลูกเล็กๆ ทำให้หยุดเล่าไประยะหนึ่ง
วันนี้เกิดมีอารมณ์เล่าเรื่องที่คล้ายคลึงกันกับเรื่องของ เรยา ในดอกส้มสีทอง
แต่เรยาคนนี้ ต่างจากเรยา แห่งดอกส้มสีทอง ต่างกันอย่างไร ติดตามอ่านได้เลย

เรื่องราวของเรยา ในดอกส้มสีทอง เป็นเด็กหญิงที่มีพ่อเป็นแขกยาม ทำให้หน้าตาเธอคมเข้ม สวยงาม
แต่เรยาที่จะเล่านี้ พ่อเธอเป็นใคร ไม่มีใครรู้ได้ แม้เจ้าตัวเองก็ไม่มีโอกาสได้รู้
เพราะทุกครั้งที่ส่องกระจก มองเห็นใบหน้าของตัวเอง เธอก็ฉงนสงสัยอยู่ร่ำไปว่า ใครเป็นพ่อของเธอ
เรยา หรือชื่อที่ใครๆเรียกเธอว่า แขก ก็มีความหมายอยู่ในตัว
แขก เป็นชื่อที่ใครๆก็เรียกเธอมาแต่เล็กแต่น้อย
ป้าได้พบและรู้จักกับแขกมาสิบกว่าปี สมัยที่รู้จักกันใหม่ๆ แขกสวย สดใสมาก
แขกเป็นเพื่อนของเพื่อนรุ่นน้องอีกทีหนึ่ง
เพื่อนรุ่นน้องคนนี้ แต่งงานกับคนญี่ปุ่น ที่มีบ้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่ป้าอยู่ เราพูดคุยกันถูกคอ
เมื่อเธอชวนไปงานวันเกิดเพื่อนเธอในคืนวันหนึ่ง และในงานนั้น ได้รู้จักกับแขก เราคุยกันอย่างสนุกสนาน
ครั้งแรกที่ได้พบกัน ฉันทึ่งกับใบหน้าอันสวยคมของแขกมาก ตอนนั้นเธอยังอายุเพียงยี่สิบห้ายี่สิบหก
ความสวยงามเปล่งปลั่งของเธอ ไม่เป็นสองรองใคร
แขกเป็นคนคุยสนุก เปิดเผย ออกจะกล้าบ้าบิ่นเสียด้วยซ้ำ แต่เธอก็มีสัมมาคารวะ รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่
เพราะตลอดเวลาสิบกว่าปีที่รู้จักกันมา แขก ยังเคารพนับถือป้าเหมือนเดิม ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหน
แขกเล่าชีวิตของเธอให้ป้าฟัง หลังจากที่เราสนิทสนม คุ้นเคยกันดีแล้ว

มองภายนอก เหมือนกับว่า แขกจะเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน แต่ภายในลึกๆแล้ว แขกเป็นคนอ่อนไหวง่าย และขี้น้อยใจ
กลัวคนไม่รักเธอ ใครที่มาเป็นเพื่อนกับเธอ แล้วไม่ให้ความสนใจหรือทอดทิ้งเธอ แขกจะโกรธ และเกลียดเอาง่ายๆ
ก็เพราะว่านั่นคือปมชีวิตของเธอ ที่แขกไม่สามารถสลัดออกไปจากความรู้สึกในใจที่เธอเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งมาก่อน
แขกเล่าชีวิตของเธอให้ฟังว่า ตัวเธอ เป็นเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยง พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอเป็นใครไม่มีใครรู้
คนเก่าคนแก่แถวบ้าน ก็พูดกันแต่เพียงว่า พ่อเธอเป็นแขก จะแขกยาม แขกขายผ้า เธอก็ไม่รู้
แม่ที่เก็บเธอมาเลี้ยงก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เธอไม่ใช่ลูกที่แท้จริง
เธอเล่าว่า แม่ที่เก็บเธอมาเลี้ยง เป็นแม่เล้า มีบ้านอยู่ในตัวจังหวัดทางตอนกลางของกรุงเทพฯ
สมัยนั้น ก็คือประมาณสี่สิบสองปีก่อน ตามต่างจังหวัด ก็ยังมีสำนักขายบริการ (ซึ่งก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน)
แม่เธอเป็นเจ้าสำนัก ไปพบเธอห่อผ้ามาทิ้งไว้หน้าประตูบ้านตอนเช้า ด้วยความสงสาร แม่เธอจึงเก็บเธอมาเลี้ยงไว้
เพราะเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิง ต่อไปคงพึ่งพาได้
แม่เธอเลี้ยงดูเธอมาเรื่อยๆจนโต โดยไม่ให้เรียนหนังสือ เพราะกลัวว่าจะฉลาดแล้วจะเลี้ยงยาก
จึงทำให้แขกอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่เป็น
ชีวิตเธอยิ่งกว่านิยายน้ำเน่า เธอถูกเลี้ยงดูมาในสำนักโสเภณี เห็นการขายบริการเป็นเรื่องปรกติ
แขกเล่าว่า สมัยที่เธอเป็นสาวๆ เคยมีแมวมองมาพบเธอที่ตลาด แล้วชวนเธอไปแสดงหนัง
แต่แม่เธอไม่อนุญาตให้ไป ถ้าเธอได้ไปแสดงหนัง เราคงได้นางเอกที่สวยซึ้ง คมเข้ม ไม่แพ้น้องชมพู เป็นแน่
เพราะเรื่องความสวยของแขก ก็อย่างที่บอกว่า เธอเป็นลูกครึ่ง ทั้งตา จมูก ปาก ครบเครื่องทุกอย่าง
เพียงแต่สีผิวที่ยังออกจะคล้ำไปนิด เพราะสมัยนั้น ยังไม่มีการอาบน้ำแร่ แช่น้ำนม เหมือนกับสมัยนี้

เมื่อหนทางการเป็นนางเอกหนังของเธอ ถูกปิดโดยแม่ที่เลี้ยงดูมา แขกซึ่งมีชีวิตอยู่ในสำนักบริการ
จะทำอย่างไรได้ เมื่อสิ่งแวดล้อมเป็นแบบนั้น แต่ยังโชคดี ที่มีคนที่รักเธอจริง และได้มาขอกับแม่เธอเพื่อพาเธอออกจากสำนัก
เธอได้ไปอยู่กินกับสามีคนแรก เมื่ออายุเพียงสิบหกปี สามีคนแรกของเธอเป็นตำรวจ อยู่กันได้เพียงสามปี เธอก็มีลูกถึงสองคน เป็นชายทั้งคู่
เรียกว่าอายุยังไม่เต็มยี่สิบ แขกก็มีลูกสองคนให้เป็นภาระ
เมื่อมีลูก แทนที่ครอบครัวจะอบอุ่น มีความสุขเหมือนคนอื่นเขา แต่แขกกลับต้องมาทุกข์ใจ เพราะสามีไม่มีความรับผิดชอบครอบครัว
กินเหล้า ทุบตีเธอและลูก เงินก็ไม่ให้ใช้จ่าย ใครจะทนอยู่ได้
แขกจึงต้องหอบลูกหนีกลับมาหาแม่เลี้ยงของเธอที่สำนักอีกครั้ง โดยสามีก็ไม่มาดูดำดูดีอีกเลย
กลับมาครั้งนี้ แขกไม่ใช่สาวโสด ที่มีคนมารุมตอมเหมือนดังเมื่อก่อน เธอต้องรับผิดชอบดูแลลูกเล็กอีกสองคนที่กำลังกินกำลังนอน
และเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สาวๆเริ่มนิยมมาทำงานบริการที่ประเทศญี่ปุ่น
เมื่อมีคนมาชวนให้ไปทำงานขายบริการที่ประเทศญี่ปุ่น แขกจึงตัดสินใจ ทิ้งลูกไว้กับแม่เลี้ยง
เธอบินเดี่ยวมาประเทศญี่ปุ่น ทั้งๆที่ไม่รู้หนังสือ อ่านภาษาไทยไม่ออก เขียนภาษาไทยไม่ได้
ตอนที่รู้จักและคบหากับแขกใหม่ๆ แขกมักจะถือหนังสือ คู่สร้าง-คู่สม อยู่ในมือเสมอ
เราก็คุยไปว่าชอบอ่านอะไรในหนังสือคู่สร้าง ทีแรกแขกก็ยังอายๆไม่กล้าบอกว่า เธอถือไว้อย่างนั้นแหละ
ความจริงเธออ่านไม่ออก ได้แต่อาศัยดูรูป และเธอจำได้ว่า เธอเคยเห็นรูปเราในหนังสือคู่สร้าง ทำให้เธอรู้สึกรักและชอบเราเป็นพิเศษ
เธอเคยบอกว่า พี่ๆ เอาเรื่องของหนูไปเล่าในคู่สร้างบ้างสิ หนูอยากมีเรื่องเล่าในคู่สร้าง-คู่สม ชีวิตหนูมันยิ่งกว่านิยาย
ป้าก็รับปากไป แต่ยังไม่ได้ทำ แต่ขอนำมาเล่าในบล็อกนี้แล้วกัน

และแขกนี่เอง ที่เป็นแรงผลักดันให้ป้ามีกำลังใจในการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น เพราะคิดว่า ขนาดแขกซึ่งไม่ได้เรียนอ่านเขียนภาษาไทย แต่เธอพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก แถมด่าเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ชนิดคนญี่ปุ่นอาย
เราซึ่งพอจะเรียนหนังสือมาบ้าง ทำไมเราจะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ทำให้ไม่ท้อที่จะหมั่นฝึก หมั่นจำคำภาษาญี่ปุ่น
มาเล่ากันต่อ เมื่อแขกมาทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสวยงามของเธอ ก็ไม่ยากเลยที่จะมีชายหนุ่มและแก่มาติดพันเธอ
เพราะที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะมีลูกมาแล้ว หรือจะมีความสวยงามไม่มากนัก แต่ก็เป็นที่ต้องการของหนุ่มญี่ปุ่น
แขกทำงานนั่งดื่มแห่งหนึ่งย่านคนกลางคืน จะเป็นด้วยความสวยหรือโชคดีของแขกที่ได้ผู้อุปถัมภ์เป็นยากูซ่าใหญ่
เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนๆว่า แขกเป็นเมียน้อยยากูซ่า
เธอมีเงินทองใช้มากมาย มีเครื่องเพชร นาฬิกาแพงๆ แต่งตัวสวยงามไปตามงานปาร์ตี้ต่างๆ
ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงของแขก ไม่ใช่แต่เพียงเธอคนเดียวที่มีความสุข เธอเผื่อแผ่ไปถึงลูกทั้งสองที่เมืองไทย รวมไปถึงแม่ที่เลี้ยงดูเธอมา แขกจะส่งเงินไปให้บ้านที่เมืองไทย ครั้งละมากๆ แขกซื้อบ้านใหม่ให้แม่เลี้ยงและลูกของเธออยู่ แม่เลี้ยงอยากได้อะไรเธอไม่เคยขัด
แต่แขกก็ยังอยู่ญี่ปุ่นแบบไม่มีวีซ่า สามียากูซ่าของเธอ ก็ได้ช่วยหาคนญี่ปุ่นมาแต่งงานกับเธอ
เธอแต่งงานกับคนญี่ปุ่นในนามอยู่ได้ไม่นาน สามียากูซ่าของเธอก็เสียชีวิตลง ทำให้ฐานะการเงินของเธอเปลี่ยนไป
เงินทองที่เคยได้ ก็ขาดหายไป สามีแต่ในนาม ที่เธอต้องจ่ายเงินให้เขาเพื่อให้ได้วีซ่า ก็ยังต้องการเงินอยู่
แต่โชคยังเป็นของแขก เมื่อเธอมาพบรักกับคนญี่ปุ่น หนุ่มโสดที่ไม่เคยมีภรรยามาก่อน
เขายินดี แต่งงานจดทะเบียนกับเธอ
แขกจึงขอหย่าจากสามีในนามของเธอ แล้วมาจดทะเบียนแต่งงานกับสามีใหม่ เธอจัดงานใหญ่โต เชิญแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย
แต่ใครจะไปคิดว่า ชีวิตแต่งงานครั้งนี้ของเธอ จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง
เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ป้าก็ได้ข่าวว่า เธอหย่าขาดจากสามีคนนั้นของเธอเสียแล้ว
นับเป็นข่าวที่ทำให้ตกใจและประหลาดใจพอสมควร ความที่เคยเห็นแขกและสามีเข้ากันได้ดีในทุกเรื่อง
แต่ใครจะไปรู้ได้ว่า ภาพภายนอกที่เราเห็น กับความเป็นจริงมันคนละเรื่อง

หลังจากหย่าขาดจากสามี แขกก็กลับไปทำงานกลางคืนเหมือนเดิม และยิ่งกว่านั้น ชีวิตของแขกแทนที่จะสุขสบายจากเงินเก็บที่เคยมีมากมาย แต่ก็ต้องมาเสียใจที่โดนแม่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงดูมา โกงไปจนหมดสิ้น
ด้วยความที่ไว้ใจ และแขกไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แขกจึงเปิดบัญชีเงินฝากที่ไทยในชื่อของแม่เลี้ยง ให้แม่เลี้ยงจัดการเรื่องเงินของเธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าใช้จ่ายของลูกสองคนของเธอที่ฝากเอาไว้กับแม่เลี้ยง
บ้านที่ซื้อเป็นชื่อของแม่เลี้ยง เวลานี้ มันถูกขายไปเป็นชื่อของคนอื่น แม้แต่เงินในธนาคารที่เคยมีอยู่หลายล้านบาท เครื่องเพชรเครื่องทองที่ฝากแม่เอาไว้ เพราะเขาบอกว่า เก็บไว้ที่ญี่ปุ่นมันอันตรายให้ฝากกับเขาไว้
เมื่อเธอกลับไปเมืองไทย เธอจึงได้รู้ว่า เธอไม่เหลืออะไรเลย ลูกชายสองคนที่เวลานี้ก็โตเป็นหนุ่มแล้ว ต่างก็แยกไปมีครอบครัว ไม่สนใจดูแลสมบัติทั้งหลายของเธอ ปล่อยให้แม่เลี้ยงหุบไปทั้งหมด
แขกเสียใจมาก ที่เงินที่เธออุตส่าห์เก็บหอมมาหลายปี มลายหายไปหมด เธอจึงหันมาดื่มเหล้ามากกว่าเดิม
จากที่เดิมเป็นประจำอยู่แล้วเวลาทำงาน เธอดื่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เรียกว่าเมาได้เช้าเย็น ปัจจุบันแขกติดเหล้าเสียแล้ว
รูปร่างหน้าตาที่เคยสะสวย ก็ร่วงโรยไปเร็วกว่าวัย เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ไปสะสมอยู่ในร่างกายมาเป็นสิบๆปี
ได้ยินแต่ข่าวว่า แขกไปมีเรื่องตบตีกับคนโน้นคนนี้บ่อยๆ นอนคุกก็ตั้งหลายหน ตำรวจจับข้อหาเมาอาละวาดจนเบื่อที่จะจับ
ชีวิตที่ผ่านเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ของแขก จะดำเนินต่อไปอย่างไร คงต้องใช้เวลาตามเรื่องราวอีกนาน เพราะยังไม่มีตอนจบ
แต่ก็หวังไว้ว่า แขก จะมีโชคดีอีกสักครั้งที่ได้พบใครสักคนที่เขารักและทนอยู่กับแขกได้จนวันตาย
เหล้าไม่เคยให้ประโยชน์กับใคร นอกจากการเมาแล้วหลับ แต่ถ้าเมาแล้วออกไปอาละวาด ท้าตีท้าต่อยเขาไปทั่ว
นำเรื่องเสียเงินเสียสุขภาพมาให้ กลุ้มก็ดื่มเหล้า ดีใจก็ดื่มเหล้า ชีวิตเหมือนไร้หางเสือ ปล่อยให้ผ่านไปวันๆ กว่าจะรู้ตัวก็อาจจะสายเกินไป
นำเรื่องราวของแขกมาเล่าฝากเอาไว้ สำหรับท่านที่ผ่านเข้ามา คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ หลายคนที่เกิดมาด้วยความไม่ตั้งใจหรือไม่ต้องการของพ่อแม่ แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นคนดี
น่ายกย่องชมเชยสำหรับคนสู้ชีวิตทุกคน เกิดมาถือว่ามาแต่ตัวด้วยกันทั้งนั้น จะชั่วจะดี อยู่ที่ตัวเองกำหนด
คนที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เลวร้าย ก็สามารถเป็นคนดีได้ ถ้ารู้ตัวว่าทำไม่ดี คิดไม่ดี ก็เปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่ ไม่มีคำว่าสาย กับการเริ่มต้นทำสิ่งดีๆ ได้ประโยชน์จากเรื่องเล่าของป้าบ้างนิดหน่อย ก็ขอให้เก็บไปคิด ขอบคุณที่แวะมาฟังเรื่องเล่านี้
Create Date : 28 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 14 ธันวาคม 2555 11:02:46 น. |
|
14 comments
|
Counter : 3431 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: Sassy Imp วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:02:46 น. |
|
|
|
โดย: beeze IP: 219.126.145.21 วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:10:42:35 น. |
|
|
|
โดย: โจ้ IP: 114.48.170.16 วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:10:55:33 น. |
|
|
|
โดย: หนึ่ง IP: 183.89.91.157 วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:39:27 น. |
|
|
|
โดย: แป๊ด IP: 68.0.188.74 วันที่: 28 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:42:17 น. |
|
|
|
โดย: ป้าณู วันที่: 29 พฤษภาคม 2554 เวลา:0:01:00 น. |
|
|
|
โดย: ไก่อเมริกา IP: 24.6.62.187 วันที่: 29 พฤษภาคม 2554 เวลา:6:02:23 น. |
|
|
|
โดย: มาลีjp วันที่: 29 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:10:58 น. |
|
|
|
โดย: เเบม (Chip_biscuit ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:19:17 น. |
|
|
|
โดย: พนอจัน (พนอจัน ) วันที่: 2 มิถุนายน 2554 เวลา:7:15:50 น. |
|
|
|
โดย: ปอ IP: 202.79.203.43 วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:15:27:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Japan
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 291 คน [?]

|
ป้าพนอจัน เกิด วันที่ ๒ พฤกษภาคม ๒๔๙๔ เป็นคนกรุงเทพ เกิด ที่ เขตดุสิต ถนนสุโขทัย
ชอบทำอาหาร ชอบดอกไม้ ชอบท่องเที่ยว
ตอนนี้แต่งงาน มาอยู่ประเทศญี่ปุ่น ได้ 16 ปี
|
|
|
|
|
|
|
|