อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ
“กบฏธรรมเถียร” กบฏไพร่ครั้งแรกในสมัยพระเพทราชา

กบฏธรรมเถียร เกิดขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา เหตุระทึกครั้งนี้หากเขียนเป็นข่าวคงมีเนื้อความราว ๆ ข้าหลวงเดิมอ้างตัวเป็นเจ้าฟ้าอภัยทศ ยกไพร่พลใช้หอกดาบ และสรรพเครื่องมือทำมาหากิน บุกกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าแผ่นดินทรงเตรียมหนี วังหน้าทรงออกบัญชาการปราบ สุดท้ายทรงนิรโทษกรรมชาวบ้านที่เข้าร่วม”

เมื่อจุลศักราช 1046 ปีชวด ฉศก (พ.ศ. 2227) นายธรรมเถียร ข้าหลวงเดิมเจ้าฟ้าอภัยทศ ได้นำขบวนชาวนา ถือหอกดาบ คันหลาว คานหาบข้าว และเคียว เดินเท้าจากลพบุรีมาจนถึงตำหนักพระนครหลวง เตรียมบุกเข้ากรุงศรีอยุธยา เพื่อยึดราชบัลลังก์พระเจ้าแผ่นดิน พระเพทราชา 
                                   

 

จำเดิมแต่เมื่อเจ้าฟ้าอภัยทศ พระราชอนุชาสมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงถูกฝ่ายพระเพทราชาลวงให้เสด็จไปลพบุรี จนถูกสำเร็จโทษที่ตำบลวัดซากนั้น นายธรรมเถียรมีความเคียดแค้นที่เจ้านายถูกแย่งอำนาจ จึงหลบไปเรียนวิชาความรู้ แล้วกลับมาประกาศตัวเป็นเจ้าฟ้าพระองค์นั้น โดยอ้างว่า เจ้าฟ้าอภัยทศที่ร่ำลือกันว่าถูกสำเร็จโทษไปแล้วนั้น หาได้ตายไม่

นอกจากจะติดไฝให้เหมือนเจ้าฟ้าอภัยทศแล้ว ชาวบ้านชาวดงล้วนไม่เคยเห็นเจ้าฟ้าอภัยทศมาก่อนก็สำคัญว่าเป็นตัวจริง ต่างเอาสิ่งของมานบนอบนายธรรมเถียร และยอมสมัครเข้าเป็นพวกในขบวนการของนายธรรมเถียรเป็นอันมาก สำนักข่าวพงศาวดารพระพนรัตน์แจ้งว่า ผู้คนที่เข้าร่วมมาจากนครนายก สระบุรี ลพบุรี และแขวงขุนนคร 

ครั้นถึงเดือน 3 ปีนี้ เค้าลางของ “กบฏธรรมเถียร” ก็ก่อตัวขึ้น นายธรรมเถียรเรียกชุมนุมปลุกระดมพลพรรคพร้อมสรรพ ขึ้นขี่ช้างพลางกาง ถือพัดโบก ใช้คนกุลาซึ่งเป็นข้าในเรือนเป็นท้ายช้าง ยกพลมาตามท้องทุ่ง กวาดฝูงชนที่กำลังทำนาอยู่นั้นมาด้วยเป็นอันมาก เมื่อมาถึงพระตำหนักพระนครหลวงก็หยุดทัพเข้าพัก ตัวนายธรรมเถียรเองขึ้นขี่ช้าง เอาเครื่องสูงที่มีอยู่ที่ตำหนักพระนครหลวงกั้น แห่หน้าแห่หลังมา

อนึ่ง เมื่อนายธรรมเถียรมาถึงพระตำหนักพระนครหลวงได้สามวันนั้น ได้ให้คนสนิทไปนิมนต์พระพรหม ณ วัดปากคลองช้าง ว่าเจ้าฟ้าอภัยทศเสด็จมาอยู่ ณ พระตำหนักพระนครหลวงได้สามวันแล้ว บัดนี้รับสั่งให้มานิมนต์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นไป

พระพรหม ซึ่งสันนิษฐานว่าจะเป็นพระอาจารย์ของเจ้าฟ้าอภัยทศมาก่อนจึงแจ้งแก่ผู้มานิมนต์ว่า “ถ้าลูกกูยังอยู่จริง ไหนเลยจะอยู่แต่ที่พระนครหลวงเล่า ก็จะลงมาถึงนี่ การทั้งนี้หากโกหก หาจริงไม่ สูเจ้าอย่าเชื่อถือ ถ้าและผู้ใดเชื่อมันถือมัน ผู้นั้นก็จะพลอยตายเสียเปล่าเป็นมั่นคง” ผู้มานิมนต์ก็กลับไปบอกกัน ต่างคนต่างหนีไปเป็นอันมาก

เมื่อนายธรรมเถียรยกกองกำลังมาถึงชานพระนครนั้น ทางฝ่ายอยุธยา มีรายงานข่าวไม่ตรงกัน  สำนักข่าวพันจันทนุมาศระบุว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพทราชาทรงทราบข่าว ก็สำคัญพระทัยว่าเป็นเจ้าฟ้าพระองค์นั้นยกทัพมาเอง ดำรัสให้เตรียมเรือพระที่นั่งหนี ส่วนทางสำนักพระพนรัตน์อ้างว่า เมื่อฝ่ายธรรมเถียรยกมาถึงตำบลบ่อโพงใกล้เพนียดคล้องช้าง กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (ขุนหลวงสรศักดิ์) ทอดพระเนตรเห็นก็ตกพระทัย และเตรียมปราบอย่างใหญ่โต แม้องค์พระเจ้าอยู่หัวเองก็ยังตกพระทัย ถึงกับให้มหาดเล็กไปเชิญพระแสงขอพลพ่ายที่สมเด็จพระนเรศวรใช้ในคราวสงครามยุทธหัตถีมาเพื่อปราบ กบฏธรรมเถียร ครั้งนี้

กรมพระราชวังบวรฯ ทรงอำนวยการปราบโดยให้ทหารขึ้นประจำเชิงเทิน ป้อมมหาชัย ตั้งสัตยาธิษฐานแล้วใช้ปืนใหญ่เล็งยิงไปที่ธรรมเถียร เมื่อยิงครั้งแรก ไฟไม่ติดดินปืน เมื่อไขเอากระสุนดินดำออกมาจึงรู้ว่าบรรจุผิด ทรงให้บรรจุใหม่ จึงยิงได้ พนักงานที่บรรจุกระสุนในครั้งแรกถูกประหารชีวิต เพราะทรงเห็นว่าเป็นพวกฝ่ายกบฏเป็นแน่แล้ว

แหล่งข่าวบางสำนักบอกว่าลูกปืนถูกธรรมเถียรตาย บางแหล่งบอกถูกช้างของธรรมเถียร ส่วนธรรมเถียรบาดเจ็บ ถูกจับตัวไปประหารชีวิตในภายหลัง

พันจันทนุมาศซึ่งอ้างว่าปืนใหญ่ถูกธรรมเถียรตกช้างตาย ยังอ้างต่อไปว่า กุลาซึ่งทำหน้าที่ขี่ท้ายช้างโจนลงจากหลังช้างหลบหนี ทางการตามจับได้ที่ตำบลวัดขนานป่าข้าวสาร ไพร่พลที่เป็นหัวหน้าแตกหนีกระจายไป ส่วนไพร่พลชายหญิงที่ติดตามร่วมขบวนมายังเดินหลามเข้ามาไม่หยุด จนทางการต้องเข้าควบคุม ส่วนช้างพลาย พาหนะของธรรมเถียรนั้นก็จับเข้ามาถวาย

เมื่อปราบ “กบฏธรรมเถียร” เสร็จแล้ว บรรดาระดับแกนนำถูกลงโทษตามความหนักเบา ตั้งแต่ประหารชีวิตไปจนถึงถูกส่งไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง ส่วนฝูงชายหญิงไพร่พลนั้น พันจันทนุมาศยืนยันว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาตรัสว่า “มันเป็นโมหะ หาปัญญามิได้ ปล่อยมันเสียเถิด อย่าเอาโทษเลย”

นายสมสมัย ศรีศูทรพรรณ นักประวัติศาสตร์ผู้เขียนเรื่อง “โฉมหน้าศักดินาไทย” ได้วิจารณ์การก่อการยึดอำนาจของไพร่ในครั้งนี้ว่า มีลักษณะเป็นการลุกฮือก่อจลาจลของคนจำนวนมากๆ (Mob) ซึ่งขาดพลังที่มั่นคงพร้อมเพรียง ขาดการจัดตั้งเป็นองค์การที่มีพลัง จึงนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในบั้นปลาย 




Create Date : 03 เมษายน 2566
Last Update : 3 เมษายน 2566 12:25:28 น. 0 comments
Counter : 392 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนี่งหน่อง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
<<
เมษายน 2566
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
3 เมษายน 2566
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.