อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

ทนไม่ไหว!! หนุ่มขอเลิกแฟนสาว หลังเสพติดถ่ายเซลฟี่หนัก ถ่ายวันละ 200 รูป แต่งภาพนาน 5 ชั่วโมง!!

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของ Charlotte Michaels วัย 23 ปี หญิงสาวจากรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เสพติดการถ่ายภาพเซลฟี่แบบสุดๆ ถึงขั้นถ่ายภาฟตัวเองวันละ 200 รูป แถมยังใช้เวลาแต่งภาพนานกว่า 5 ชั่วโมง!!

1

Charlotte ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเธอมีความสุขกับการถ่ายภาพเซลฟี่มาก ถ่ายได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ไม่เว้นแม้แต่งานศพ โดยเธอเล่าวว่า เธอต้องตื่นตั้ง 6-7 โมงเช้า แต่งหน้า 1 ชั่วโมง เลือกเสื้อผ้า จากนั้นก็เซลฟี่ก่อนออกจากบ้าน

2

เมื่อถึงห้องเรียน เธอก็จะเลือกนั่งในที่ลับหูลับตาหน่อย เพื่อเซลฟี่ระหว่างเรียน เมื่อเลิกเรียน เธอก็จะเดินทั่วมหาลัยเพื่อหามุมสวยๆ ในการเซลฟี่ และเมื่อถึงเวลากลับบ้าน เธอก็ยังไม่ยอมหยุด ยังกลับมาถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้อง DSLR ที่บ้านต่อ

3

และในช่วงหัวค่ำนี้เอง จะเป็นช่วงเวลาที่เธอจะมานั่งคัดรูปที่ถ่ายมาทั้งหมด ให้เหลือเพียง 20-50 รูป จากนั้นก็ส่งมันไปหาคนรอบข้าง ให้ช่วยวิจารณ์ว่าภาพไหนที่โอเคที่สุด และคิดว่าจะได้ไลค์มากที่สุด และกว่าจะเสร็จสิ้นทุกอย่างเวลาก็ปาเข้าไปตี 3 แล้ว

4

แต่ด้วยความที่เธอติดการถ่ายรุปมาก จึงทำให้ชีวิตรักของเธอเริ่มมีปัญหา เพราะแฟนหนุ่มคนล่าสุดที่เพิ่งเลิกไป เริ่มทนไม่ได้กับพฤติกรรมที่ไม่ดูเวล่ำเวลาของเธอ อย่างตอนที่เขากำลังคุยและหยอดคำหวานนั้น เธอก็ขอเบรคกลางคัน เพื่อขอถ่ายรูปช่วงเวลานั้นเก็บไว้ แถมยังตื่นเต้นเวลามีผู้ชายมากดไลค์ด้วย เป็นใครจะทนไหวล่ะ

5

แต่ที่ Charlotte เป็นแบบนี้มันมีที่มาที่ไป เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เธออายุได้ 16 ปี เธอมีอาการศึมเศร้า ซึ่งแพทย์มองว่าการที่เธอคลั่งการถ่ายภาพนั้น อาจจะมาจากการอยากมีตัวตนในสังคมของเธอ เลยพยายามทำให้เป็นจุดสนใจนั่นเอง

6

7

8

9

10

11

12

เอาล่ะ สาวๆ คนไหนที่มีอาการเสพติดเซลฟี่แล้วล่ะก็ ระวังให้ดีๆ นะ เพราะชีวิตคุณอาจกลายเป็นแบบเธอคนนี้ก็ได้




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2558    
Last Update : 12 ตุลาคม 2558 5:52:12 น.
Counter : 8041 Pageviews.  

เคล็ดลับ ปรับฮวงจุ้ย !! กับวิธีจัดห้องนอนสยบแฟนจอมเจ้าชู้

ปรับฮวงจุ้ย…ห้องนอน จะสามารถสยบแฟนที่เจ้าชู้ได้จริงหรอ ? อันนี้ต้องเกริ่นให้เข้าใจก่อนว่าความเจ้าชู้ของแต่ละคนก็แสดงออกมาไม่เหมอืนกัน แต่ทุกคนมีความเจ้าชู้อยู่ในตัวเอง ขึ้นอยู่กับการควบคุมบังคับจิตใจของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน และไม่เฉพาะผู้ชายเท่านั้น เรื่องนี้ใช้กับผู้หญิงได้ด้วยเช่นกันค่ะ มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าจะมีเคล็ดลับอะไรบ้าง ที่จะมาปราบแฟนเจ้าชู้ของคุณได้ !!

ปรับฮวงจุ้ย

1. เปลี่ยนทิศการนอน หลังจากทำบุญเสริมดวงความรักกันเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเปลี่ยนทิศนอนและตำแหน่งการนอนใหม่ เพื่อลดทอนพลังควมเจา้ชู้ของแฟนคุณ

สำหรับคุณผู้หญิงที่มีแฟนนิสัยเจ้าชู้ : ให้หันหัวเตียงนอนไปทางทิศใต้ จากนั้นให้แฟนคุณนอนทางฝั่งขวามือ ส่วนคุณนอนทางซ้ายมือ

สำหรับคุณผู้ชายที่มีแฟนนิสัยเจ้าชู้ : ให้หันหัวเตียงนอนไปทางทิศเหนือ จากนั้นให้แฟนคุณนอนทางฝั่งขวามือ ส่วนตัวคุณนอนทางซ้ายมือ

ปรับฮวงจุ้ย

2. เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเสริมความรัก การเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเพื่อเสริมดวงด้านความรัก ดูเหมือนเป็นวิธีง่ายๆ แต่หลายคนนำไปใช้แล้วได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ เคล็ดลับก็คือ ให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นสีฟ้าหรือสีคราม ที่ต้องเป็นสีโทนนี้ เพราะเป็นสีของดาวศุกร์ ซึ่งดาวศุกร์เป็นดาวแห่งความรัก และควรเปลี่ยนผ้าปูในช่วงเช้าวันศุกร์เท่านั้นนะคะ จึงจะได้ผล

ที่มาจาก : I-see magazine

รูปประกอบโดย : Horoscope.mthai.com




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2558    
Last Update : 12 ตุลาคม 2558 5:49:50 น.
Counter : 1772 Pageviews.  

สยอง! สามีป่วยทางจิต ฆ่าโหดเมีย อ้างบูชาเทพเจ้าเมฆราช

ตร.สมุทรปราการ จับหนุ่มใหญ่สังหารเมียทำพิธีส่งดวงวิญญาณบูชาเทพเมฆราช  ขณะเพื่อนนึกว่าพูดเล่นไม่คิดทำจริง เผยเตือนผู้ตายแล้วแต่กลับไม่รอด

รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (11 ต.ค. 58) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวชายคนหนึ่งหลังก่อเหตุใช้ไขควงแทงภรรยาจนเสียชีวิตในห้องพักคนงานย่าน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ทราบชื่อคือนายโก๋ อายุ 44 ปี ซึ่งจากการสอบสวนนายโก๋ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยอ้างว่าเพื่อทำพิธีส่งวิญญาณบูชาเทพเมฆราชที่ตนเคารพนับถือ ทางเจ้าหน้าที่งได้แจ้งข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา ก่อนส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ฆ่าเมีย, เทพเจ้าเมฆราช

ทั้งนี้จากการสอบสวนเพื่อนผู้ก่อเหตุได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2-3 วันที่แล้ว นายโก๋ ชอบอ้างตัวเองว่าเป็นเทพเจ้าเมฆราช อยู่ในชั้นสูง เพื่อมาคอยดูแลโลกมนุษย์ ซึ่งในคืนก่อนเกิดเหตุนายโก๋ ได้มาบอกกับตนว่าจะต้องมีการฆ่าคนส่งดวงวิญญาณเพื่อบูชาเทพเมฆราช ซึ่งตนไม่ได้คิดอะไร จนเวลาประมาณบ่าย 3 นายโก๋ ได้มาบอกกับตนว่า ช่วยหาดอกไม้ธูปเทียนให้หน่อย คืนนี้จะทำพิธีส่งดวงวิญญาณ ซึ่งตนเองก็เกรงใจ จึงนำดอกไม้ธูปเทียนให้

จากนั้นตนได้ไปบอกผู้ตาย ว่า ให้ระวังนายโก๋ เพราะมีอาการทางประสาท อาจจะคิดร้ายได้ ให้เอาของมีคมไปซุกซ่อนไว้ให้ดี ซึ่งผู้ตายบอกว่าได้เก็บมีดทุกเล่มไว้เป็นอย่างดี คิดว่าสามีคงจะไม่ทำร้าย กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงคืน นายโก๋ ได้เริ่มทำพิธีสวดมนต์เสียงพึมพำ ในขณะที่ผู้ตายนอนหลับอยู่ข้างๆ ซึ่งก็ดึกแล้ว ตนจึงขอตัวไปนอน

และจนเวลา 08.30 น. นายโก๋ มีอาการเหม่อลอย ได้ออกมาบอกกับตนว่าได้ฆ่านางแวว เพื่อส่งดวงวิญญาณบูชาเทพเมฆราชไปเมื่อคืนนี้แล้ว ตนและเพื่อนร่วมงานจึงเข้าไปในห้องและพบผู้ตายถูกฆ่าเสียชีวิตจริง โดยที่นายโก๋ ยังเดินวนเวียนอยู่ภายในโรงงาน ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไปในเวลาต่อมา

ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com

MThai News




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2558    
Last Update : 12 ตุลาคม 2558 5:46:44 น.
Counter : 1094 Pageviews.  

3 เมนูที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำใน หม้อหุงข้าว

3 เมนูที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำใน หม้อหุงข้าว

sss
ทำอาหารในหม้อหุงข้าว
มักโรนีขี้เมา

เมนูที่ 1 มักกะโรนีผัดขี้เมา

มักโรนีขี้เมา01

  1. ใส่น้ำลงไปในหม้อหุงข้าว และใส่เส้นมักะโรนีลงไป ใส่เกลือเล็กน้อย ปิดฝาต้มประ 7 นาที
  2. เมื่อเส้นสุกดีแล้ว นำเส้นขึ้นมาสะเด็ดน้ำ เทน้ำในหม้อทิ้ง
  3. ใส่น้ำมันพืชลงไปในหม้อเพียงเล็กน้อย และตามด้วยเครื่องผัดขี้เมา โดยมีพริกไทย คั่วพริกไทย และพริก
  4. ตามด้วยเนื้อสัตว์ที่ต้องการ ลงไปผัดจนคลุกทั่วกัน แล้วตามด้วยเส้นที่ลวกไว้ ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง เมื่อเข้ากันดีแล้วตักขึ้นใส่จานเสิร์ฟได้เลย

สปาเก็ตตี้01

 เมนูที่ 2  สปาเก็ตตี้ ผัดซอสมะเขือเทศ

สปาเก็ตตี้

  1. ต้มเส็นสปาเก็ตตี้ในหม้อหุงข้าว ใส่เกลือเล็กน้อย ต้มประมาณ 7 นาที
  2. เมื่อต้มเส้นจนสุกแล้ว เทน้ำออก พักเส้นเอาไว้ก่อน
  3. เติมน้ำลงไปในหม้อเล็กน้อย เทซอสมะเขือเทศตามลงไปพอประมาณ
  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และ น้ำตาล และตามด้วยผักที่ชอบ เช่น แครอท หอมหัวใหญ่
  5. ใส่หมูสับตามลงไป ผัดให้สุก แล้วใส่เส้นสปาเก็ตตี้ที่ลวกตามลงไป ผัดให้เข้ากันแล้วตักใส่จาน
ไก่01

เมนูที่ 3 ไก่อบซอส ข้าวไรซ์เบอร์รี่

ไก่
  1. หุงข้าวไรซ์เบอร์รี่ก่อน เมื่อข้าวสุกแล้ว ตักออกมาแล้วล้างหมอหุงข้าวเพื่อจะมาทำไก่อบซอส
  2. เตรียมหมอหุงข้าวให้สะอาด อุ่นหม้อให้ร้อน เทซอสมะเขือเทศลงไป
  3. ใส่ไก่และผักทั้งหมดลงไป คลุกให้เข้ากัน ปิดฝาหม้อ คอยเช็คดูเป็นระยะๆ คอยดูว่าไก่สุกหรือยัง
  4. พอไก่สุกแล้ว ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับข้าวไรซ์เบอร์รี่

ลองไปทำตามกันดูนะคะ ยังสามารถทำได้อีกหลายเมนูตามที่ใจนึกเลย เพราะหม้อหุงข้าวก็สามารถให้ความร้อนไม่แพ้กันกับเตาแก๊ส หรือ เตาไฟฟ้าเลย แล้วเพื่อนๆ ล่ะจะทำเมนูอะไรกันบ้าง?




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2558    
Last Update : 11 ตุลาคม 2558 15:22:38 น.
Counter : 2264 Pageviews.  

ไม่ฟรีแลนซ์…ก็ เครียด ได้

“ความเครียดของคนทำงานเกิดจากความกดดันตนเอง ความคาดหวังขององค์กร รวมถึงการรับรู้ข้อมูลเปรียบเทียบความสำเร็จของคนอื่นจากสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อาจส่งผลต่อความรู้สึกพอใจในความสำเร็จของตนเองลดน้อยลง” นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุติกรมสุขภาพจิต และผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย สสส. ได้กล่าวถึงคนทำงานรุ่นใหม่ ที่อยู่ในยุคท่ามกลางสื่อดิจิทัล ที่ต้องใช้ชิวิตเร่งรีบและสังคมเต็มไปด้วยการแข่งขัน

hispanic woman doing budget in fashion designer atelier

“ความเครียด” ของคนวัยทำงาน จึงเป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ส่งผลถึงสุขภาพกายและใจ นพ.ประเวช ได้อธิบายว่า ความเครียด มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ

1.ความ เครียด ระยะสั้น จะช่วยกระตุ้นให้เราตื่นตัว ช่วยให้ร่างกายเร่งการทำงาน จิตใจจดจ่อ เพื่อเตรียมพร้อมในการต่อสู้กับปัญหาหรือภัยอันตราย

2.ความเครียดที่ต่อเนื่องยาวนาน แฝงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต จะส่งผลเสียรุนแรงต่อสภาพร่างกายและจิตใจ กระทบต่อร่างกายทั้งทางระบบฮอร์โมน ระบบประสาทอัตโนมัติ และระบบภูมิคุ้มกัน โดยความเครียด จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหดเกร็งตัว หัวใจเต้นเร็วและแรง เส้นเลือดที่มาเลี้ยงหัวใจตีบเล็กลง ส่งผลต่อเนื่องให้ความดันเลือดสูงขึ้น ปริมาณน้ำเลือดเพิ่มมากขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จึงทำให้เลือดข้นขึ้นและแข็งตัวเร็วกว่าปกติ

ไม่เพียงเท่านี้ ลำไส้ส่วนต่างๆ และระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานได้น้อยลง ส่งผลให้ความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ลดลงไปด้วย หากมากไปกว่านั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อย่าง โรคคาโรชิ หรือ Karochi syndrome

มารู้จัก “โรคคาโรชิ”

“โรคคาโรชิ หรือ Karochi syndrome” ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษจะหมายถึง Death from Overwork หรือ การเสียชีวิตจากการทำงานหนักเกิน ซึ่ง นพ.ประเวช ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ว่า “คาโรชิ” เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นพยายามฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นภาวะที่เกิดในคนทำงานที่เครียด และเหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีชั่วโมงการทำงานที่มากเกิน

สาเหตุการเสียชีวิตส่วนมากเกิดจาก หัวใจวายเฉียบพลัน หรือเส้นเลือดในสมองแตก จากความเครียด และภาวะโภชนาการ ยกตัวอย่าง คนทำงานรายหนึ่งทำงานถึง 110 ชั่วโมง ภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งผู้บริหารหลายคนเสียชีวิตเฉียบพลัน โดยไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไรนำมาก่อน จนสื่อมวลชนญี่ปุ่นในขณะนั้นกำหนดชื่อนี้ขึ้น ซึ่งการป้องกันจึงเป็นการดูแลชั่วโมงการทำงานไม่ให้มากเกิน และดูแลสมดุลชีวิตและงานให้ดี

ลดเครียด เพิ่ม “สุข”

นอกจากนี้ นพ.ประเวช ยังได้บอกถึงวิธีการสร้างสุขหรือการจัดการความเครียดของคนทำงานอีกว่า ความสุขของคนทำงานนั้น สามารถเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ

1.ความรู้สึกสำเร็จ

2.การมีความสัมพันธ์ที่ดีในงาน

3.ความรู้สึกมีความหมายในงานที่ทำ

ทั้งนี้ การสร้างสุขให้กับคนทำงานในทุกองค์กรนั้น เป็นหน้าที่ของทั้งผู้บริหารองค์กรและบุคลากร โดยองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความสุขของคนทำงาน จะจัดระบบงานให้เอื้อต่อการมีความสุข จัดบรรยากาศการทำงานให้คนทำงานเกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำงานร่วมกันเป็นทีม ปราศจากการเมืองภายในองค์กร มีการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์

ซึ่งระบบงานที่เอื้อต่อการทำงานอย่างมีความสุข จะสนับสนุนให้คนทำงานได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ช่วยให้คนทำงานรู้สึกภาคภูมิใจ เป็นงานที่ให้ความหมาย ตอบโจทย์ความต้องการของคนทำงาน ที่ไม่ใช่เพียงแหล่งรายได้ มีระบบงาน และแนวทางการทำงานที่ชัดเจนโปร่งใส เปิดโอกาสให้คนทำงานทำผิดได้ ในกระบวนการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ได้ สร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจระหว่างคนทำงาน
“คนทำงานที่มีความสุข จะพบว่า งานของตัวเองไม่เพียงแต่สร้างรายได้และความมั่นคงของชีวิต แต่ยังมอบความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน และตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตในด้านอื่นๆ อันได้แก่ การได้เข้าถึงและได้ใช้ศักยภาพของตนเอง มีความสำเร็จที่ภาคภูมิใจ และค้นพบความหมายในงานที่ทำ โดยลักษณะงานที่ทำมีความสอดคล้องกับสิ่งที่เขาให้คุณค่า เช่น ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคม” นพ.ประเวช กล่าวทิ้งท้าย

หากเพียงเท่านี้เราก็สามารถมีความสุขกับการทำงาน และที่สำคัญมากที่สุด คือ การได้เห็นคุณค่าในตัวเอง เช่นเดียวกับแนวคิด “Happy work place” หรือ การสร้างสุขในองค์กรอย่างสมบูรณ์

เรื่องโดย เสาวลักษณ์ พิสิษฐ์ไพบูลย์ team content www.thaihealth.or.th




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2558    
Last Update : 11 ตุลาคม 2558 15:16:09 น.
Counter : 1253 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.