อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ
Sierra Burgess is a Loser หนังรักวัยรุ่น ที่ให้ข้อคิดแรงบันดาลใจ

#ฉันเป็นดอกทานตะวันเธอเป็นดอกกุหลาบ #คุยเรื่องหนังรักในความทรงจำ#แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ #SierraBurgessIsALoser 
คืนนี้ฝนตกพรำๆ อากาศชวนให้เข้านอนเร็ว แต่ยังไม่ถึงเวลา ฉันจึงตัดสินใจหาภาพยนตร์ดูสักเรื่อง ยาวเกือบสองชั่วโมง ดูจบก็พอดีได้เวลานอน
          ฉันเปิดหาภาพยนตร์ทางช่องเน็ตฟลิกซ์ อยู่ดีๆพบเรื่องหนึ่งน่าสนใจ พออ่านพล้อตที่โปรยสั้นๆไว้แล้วก็อยากดู เลยนั่งดูจนจบ
          เมื่อจบแล้วและคิดว่าตนเองชอบ แม้จะยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องราวในพล้อตว่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงก็ตาม แต่ก็สนใจในสารที่หนังต้องการสื่อ รวมทั้งเพลงประกอบที่ออกมาตอนท้ายเรื่องเพียงสั้นๆ แต่โดนใจมาก ฉันจึงเข้ากูเกิลหาข้อมูลของหนังเรื่องนี้

          ภาพยนตร์เรื่อง Sierra Burgess is a Loser เป็นภาพยนตร์วัยรุ่นอเมริกันแนวคอเมดี้ดราม่า ที่สร้างและออกฉายทางเน็ตฟลิกซ์เมื่อปี 2018 ผู้กำกับการแสดงคือ Ian Samuels มีดารานำแสดงที่เป็นตัวละครหลักในเรื่องคือหนึ่งชายสองหญิง 
 ดาราหลักตามชื่อเรื่องคือ Shannon Purser ที่รับบท Sierra หญิงสาววัยรุ่นที่รูปร่างหน้าตาไม่สวย รูปร่างไม่ดี แต่กลับมีพ่อแม่ที่เป็นนักเขียนดัง พ่อกับแม่แม้จะอายุมากแล้วแต่ยังดูดี หน้าตาดี รูปร่างดี และทำงานเก่ง ทำให้ Sierra รู้สึกกดดันกับความสมบูรณ์แบบของพ่อแม่ที่มีต่อเธอ ทำให้ทุกคนคาดหวังในตัวเธอ และเมื่อเธอไม่ได้เป็นไปอย่างใจคน เธอก็ถูกมองว่าเป็นพวกขี้แพ้ 
ดารานำหญิงที่มีบทบาทสำคัญคนที่สองคือ Kristine Froseth รับบท Veronica เธอมีทุกอย่างที่ตรงข้ามกับ Sierra เธอเป็นสาวสวย เป็นดาวโรงเรียน เป็นเชียร์ลีดเดอร์ มีแต่หนุ่มๆมาสนใจ ทั้งที่ชีวิตอีกด้านที่บ้าน ครอบครัวเธอไม่สมบูรณ์ พ่อทิ้งแม่ไปตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอจึงเติบโตมากับแม่ที่เข้มงวด และพยายามผลักดันลูกสาวแสนสวยให้เป็นดาวเด่นอยู่เหนือคนอื่น
          ดารานำชายของเรื่อง รับบทโดย Noah Centineo เขาเป็นหนุ่มต่างโรงเรียนชื่อ Jamey 
เจมี่เป็นหนุ่มรูปหล่อ เป็นนักกีฬาที่โดดเด่น เขามาสนใจเวโรนิก้า แต่เวโรนิก้าไม่สนใจเจมี่ และแกล้งกลับด้วยการให้เบอร์โทรศัพท์ของเซียร่าไปแทนเบอร์ตนเอง
          เมื่อเจมี่ส่งข้อความไปหาที่เบอร์เซียร่า และส่งภาพตนเองเข้าไปทักทาย เธอจึงรับรู้ได้ว่าโดนเพื่อนแกล้งเข้าให้แล้ว แทนที่เธอจะปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรก แต่ความประทับใจในความน่ารักของเจมี่ ทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธเขา เธอกลับเล่นตามน้ำ คุยกับเจมี่ต่อไปและแกล้งรับสมอ้างว่าตนเป็นเวโรนิก้าต่อไป
          ความสัมพันธ์ผ่านการติดต่อทางข้อความดำเนินต่อไปด้วยดี จนวันหนึ่งเจมี่ขอให้คุยทางเฟสไทม์ เซียร่า ซึ่งปกติเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเวโรนิก้า ก็อาศัยจังหวะที่เวโรนิก้ามีปัญหากับแฟนหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่มองเธอว่าสวยแต่ไม่มีสมอง
          เซียร่าเป็นสาวขี้เหร่แต่ได้ความเฉลียวฉลาดจากพ่อแม่ เธอสนใจวรรณกรรม ปรัชญา และคุยเรื่องยากๆกับพ่อแม่เป็นประจำ ทำให้เธอเป็นคนรอบรู้ 
เซียร่าเสนอตัวเป็นติวเตอร์ให้เวโรนิก้า แลกกับการที่เวโรนิก้ามาคุยเฟสไทม์กับเจมี่แทนเธอ แล้วสองสาวก็ร่วมมือกันหลอกหนุ่มหล่อต่อไป
          เจมี่มีท่าทีสงสัยหลายเรื่อง ทั้งน้ำเสียง ทั้งจับกิริยาตอนเฟสไทม์ แต่สองสาวก็ร่วมมือกันหลอกต่อไป จนถึงขั้นนัดเดทไปดูหนังกัน เวโรนิก้าก็ยอมแกล้งไปด้วย โดยมีเซียร่าแอบตามไป
          ทั้งคู่หลอกหนุ่มให้หลงรักและคิดไปว่าคนที่ได้คุยกันคืนแรกทางโทรศัพท์ถึงสี่ชั่วโมง และตลอดเวลาต่อมา คือเวโรนิก้าที่นอกจากหน้าตาสวยงามแล้ว ยังเป็นคนที่ฉลาด มีมุมมองความคิดที่เข้าใจกัน และเข้ากันได้ดีมากกับเจมี่
          แล้วเหตุการณ์ก็พาไปจนสุดท้ายเมื่อเจมี่รู้ความจริงว่าคนที่คุยด้วยทุกคืนและหลงรักคือเซียร่า ทำให้เขาโกรธมากที่ถูกหลอก 
                                                     ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix 
เซียร่าเสียใจมาก และยอมรับความจริงว่าสุดท้ายแล้ว ความไม่สมบูรณ์แบบของเธอทำให้เธอผิดหวัง และเป็นคนขี้แพ้จริงๆ เธอได้ถ่ายทอดอารมณ์ความเสียใจลงในเพลงที่แต่งเป็นการบ้านส่งครู
          เพลงนั้นชื่อ Sunflower
          เธอถ่ายทอดความน้อยเนื้อต่ำใจ เปรียบตนเองเป็นดอกทานตะวันน่าขันที่หาญกล้าเชิดหน้าสู้ฟ้า ไม่เหมือนเพื่อนผู้งดงามที่เปรียบดังดอกกุหลาบงดงามในแจกัน ที่มีแต่ชายหนุ่มมาหมายปอง
          หากถ้าเป็นไปได้ เธอจะกลายเป็นกุหลาบในชั่วข้ามคืน เพื่อให้คนที่รักมาเลือกหยิบไปชื่นชม แต่เมื่อเป็นไปไม่ได้ เธอจึงยังคงยืนเด่นอยู่ที่เดิม เป็นทานตะวันน่าขันที่เฝ้าแต่รอคอยอยู่ที่เดิม

          “Sunflower”

          Roses goes in glass vases, perfect bodies, perfect faces

          They all belong in magazines those girls the boys are chasing

          Winning the games they ‘re playing, they’re always in a different league

          Stretching toward the sky like I don’t care, wishing you could see me standing there, but I’m a sunflower a little funny


          If I were a rose may be you’d want me If I could I’d change overnight I’d turn into something you like but I am a sunflower a little funny
          If I were a rose may be you’d pick me but I know you don’t have a clue. This sunflower ‘s waiting for you, waiting for you

          No thorns in this dimension, hiding this fear of rejection

          This High I’ve never felt so small Not Used to this attention, permanently in suspension

          I wish I didn’t care at all

          Stretching towards the sky like I don’t care. Wishing you could see me standing there.

          But I’m a sunflower a little funny and if I were her may be you’d pick me.

          But I know you don’t have a clue, this sunflower ‘s waiting for you, waiting for you.


          ฉันชอบความหมายและการเปรียบเปรยกับดอกไม้ในเพลงนี้
          แม้ว่าในเรื่องราวจะจบแบบใดก็ตาม ชายหนุ่มจะเลือกดอกกุหลาบหรือดอกทานตะวันนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าตัวตนเราจะเป็นดอกกุหลาบหรือดอกทานตะวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดให้มา เราไม่อาจเลือกได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เรามีเราเป็น 
                                                ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix 

 ดังนั้นเพลงสั้นๆ แต่ความหมายกระแทกโดนใจ เพลงนี้ จึงทำให้ฉันนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตของตนเอง สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฉันเคยคิดว่าตนเองเป็นดอกทานตะวัน ที่มีเพื่อนสนิทคู่หูเป็นดอกกุหลาบงาม


          เพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนมัธยมจนต่อมาถึงระดับมหาวิทยาลัย เธอเป็นสาวหน้าตาสวยน่ารัก มีหนุ่มมาจีบเป็นแฟนตั้งแต่อยู่มัธยมปลาย
          เมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ความที่เรามาจากโรงเรียนเดียวกัน เราจึงเกาะกลุ่มตัวติดกันเมื่อเข้ามาสู่โลกใหม่
          ปกติฉันจะไปไหนมาไหนกับเธอตลอดตั้งแต่ครั้งเรียนมัธยมปลายด้วยกันแล้ว แต่เมื่อเธอมีแฟน และแฟนเธอก็หวงมาก มาเยี่ยมที่คณะเกือบทุกวัน ฉันก็เลยรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกิน จึงต้องกลายเป็นคนที่ปลีกตัวออกมา
          ความจริงเรื่องราวของฉันก็ไม่เหมือนกับเรื่องราวในภาพยนตร์หรอก เพราะฉันอยู่ของฉันแบบดอกทานตะวันแบบฉัน ไม่ได้สนใจว่าจะเป็นดอกกุหลาบแบบเพื่อนที่มีแต่หนุ่มมารุมล้อมสนใจ
          ฉันคิดว่าไม่ว่าเราจะเป็นอะไร เป็นคนอย่างไร ถ้าจะมีใครมาชอบหรือไม่ชอบ ก็ควรเป็นเพราะตัวตนของเราที่แท้จริง ไม่ต้องหลอกตัวเองเป็นคนอื่น เพื่อที่จะให้มาชอบสิ่งจอมปลอมที่ไม่ใช่ตัวเรา
          เมื่อเราเป็นทานตะวัน สักวันก็จะมีคนที่ชอบเราเพราะเราเป็นทานตะวันแบบที่เราเป็น
          ทานตะวันแบบฉันใช้ชีวิตในช่วงมัธยมปลายจนจบมหาวิทยาลัยโดยไม่มีใคร อาจมีเหงาบ้างที่เพื่อนสนิทมีแฟน และใช้ชีวิตอยู่กับแฟนตลอด ฉันก็เรียนรู้ที่จะปรับตัว และมีความสุขตามสภาพด้วยการมองชีวิตในเป้าหมายอื่นๆ ที่ยังสนใจและต้องการเรียนรู้อีกมากมาย
          ชีวิตคนเรามีอีกหลายมุม ให้ต้องเรียนรู้
          ฉันนึกไปถึงวันเวลาต่อมาอีกหลายปี ในเช้าวันสดใสวันหนึ่ง อากาศแจ่มใส นกน้อยยังโผบินอย่างร่าเริงบนท้องฟ้าสวยใส
          ฉันพบว่าดอกกุหลาบอย่างเธอเปลี่ยนแจกันไปอีกหลายใบ

          แต่วันนั้นกลับเป็นวันที่ดอกทานตะวันอย่างฉันค้นพบผู้ผ่านมาที่หยุดชื่นชมดอกทานตะวันแบบฉันอยู่เงียบๆ ในความเงียบ ฉันค้นพบคนที่รักในความเป็นดอกทานตะวันของฉัน


                                                            แก้วเจ้าจอม 
                                          บันทึกไว้เมื่อ 30 พฤษภาคม 2562 

                                                        รีรันลงบล็อกอีกครั้งค่ะ 




Create Date : 24 มีนาคม 2566
Last Update : 24 มีนาคม 2566 11:49:54 น. 0 comments
Counter : 463 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนี่งหน่อง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2566
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 มีนาคม 2566
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.