:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการ 15 :: ผีเยี่ยมไข้
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการ 15 :: :: ผีเยี่ยมไข้ :: ฤาความผูกพัน ไม่จำกัดแค่เพียงระยะทาง

เรื่องเล่าเรื่องนี้ ผมคงบอกได้แค่เพียงว่าเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าความผูกพัน หรือความห่วงใยมีจริงเท่านั้น ส่วนเรื่องราวเหลือเชื่ออื่นๆนั้นขอให้ทุกท่านลองพิจารณาดูเอาตามแต่สิ่งที่ทุกคนคิด เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อผมอายุเพียงไม่กี่ขวบราวๆปี 2527-2528 ผมก็จำไม่ได้แน่ชัด ปราจีนบุรียังคงเป็นเมืองที่เงียบเหงา เปล่าเปลี่ยว แม่ผมไม่สบายหลังจากที่กลับมาจากดูแล ตาเหลิม ซึ่งเป็น พ่อของน้าสะใภ้ ซึ่งป่วยเป็น โรคตับแข็ง ที่ รพ.พระมงกุฎฯ แม่ผมซึ่งเป็นพยาบาลเพียงคนเดียวของครอบครัว ก็ได้ไปดูแล ตาเหลิม ซึ่งแม้จะเป็นเพียง พ่อ ของน้าสะใภ้ แต่เราก็สนิทกัน แม่อาการไม่ค่อยดีหลังจากที่กลับมาจากกรุงเทพฯ ป่วย จนกินอาหารไม่ได้และต้องได้รักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลประจำจังหวัด สมัยนั้น ยังเป็นโรงพยาบาลขนาดไม่ใหญ่นักเหมือนในปัจจุบัน ซ้ำภายในโรงพยาบาลก็ยังมีวังเก่า ของเจ้านายผู้บริจาคให้เป็นพื้นที่ของโรงพยาบาลเสียด้วย แม่บอกว่าคืนนั้น แม่ลืมตาขึ้นมาประมาณสองทุ่ม รู้สึกร้อนอบอ้าว อย่างบอกไม่ถูก จึงถามน้าเก่ง คนเฝ้าไข้มา หิวหรือเปล่า เสียง หมาก็เห่าหอน ขึ้นมาอย่างมากมาย พร้อมกับอากาศหนาวยะเยือกที่ค่อยๆ พร่างพรม แม่ก็หลับตาลง อีกครั้งเพื่อจะพักผ่อน และอ่อนแรงจากนอนหลับยาที่หมอให้ แต่แม่ก็รู้สึกกระสับกระส่ายจนนอนไม่ได้ อากาศที่เริ่มเย็นลงเรื่อยตามปกติยามค่ำคืน ราวกับหนาวเหน็บขึ้นมา ในยามที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นนั่นเอง แม่ลืมตาขึ้นมา เหมือนกับรู้สึกว่ามีใครจ้องมองอยู่ หากแต่พอลืมตาขึ้นมานั้น สิ่งที่ทำให้แม่ตกใจแทบสะดุ้ง ก็คือ พ่อเหลิมหรือ ตาเหลิม นั้น ยืนอยู่ข้างเตียง ที่แม่นอน ใส่ชุดคนไข้ของโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ สีเขียวอ่อน มีตราและคำเขียนว่า โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ เต็มเสื้อ เหมือนเสื้อโรงพยาบาลทั่วไป เชือกผูกที่เสื้ออันบนสุดหลุดลุ่ยอยู่อย่างชัดเจน ภาพที่เห็นไม่ได้ลางเลือน หรือเป็นเพียงเงาหากแต่ชัดเจนราวกับ พ่อเหลิมยืนอยู่ตรงนั้น แต่สิ่งที่มีแม่คิด คือ พ่อเหลิม มาได้อย่างไร ? แม่ขยับปากจะถาม ว่า พ่อเหลิมมาได้อย่างไร หากแต่เหมือนมีอะไรมาทำให้แม่พูดไม่ออก ราวกับถูกสะกด ลองขยับตัวเองก็ไม่สามารถขยับได้ ทำได้เพียงจ้อง พ่อเหลิมอยู่อย่างนั้น ตาเหลิมขยับปากเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร หรือ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว แต่ก็ไม่มีเสียงหลุดรอดออกมาแม้แต่เพียงเสียงเข็มตก
สายตาที่ตาเหลิมมองแม่นั้น แม่บอกว่า สงสารแม่ แกมกังวล มือที่แข็งแรงของตาเหลิม ค่อยๆลูบ ตามแขนที่แม่เข้าน้ำเกลือ แต่สิ่งที่แม่รู้สึก เหมือนเพียงแค่ลมพัดผ่านแผ่วเบา ตาขนลุกซู่ไปตามที่ตาเหลิมลูบ ตาเหลิมยืนมองแม่อีกเพียงไม่นาน ก็หันหลังกลับจะเดินออกไปทางหน้าประตู แต่ตาเหลิมก็หยุดก่อนที่จะถึงหน้าประตูนั้น เพราะว่ามีแผ่นทองคำเปลวติดอยู่ที่บานประตูเหมือนห้องโรงพยาบาลทั่วไปสมัยผมยังเด็ก ตาเหลิมเดินถอยหลังกลับมาแล้วเดินทะลุกำแพงด้านข้างห้อง ออกไปราวกับเป็นประตู แม่รู้สึกงุนงง และ สับสนอย่างบอกไม่ถู หากแต่มีชาชีพพยาบาลที่ร่ำเรียนมาก็ไม่ได้ทำให้แม่กลัวตกใจเกินเหตุ
เมื่อแม่ขยับตัวได้จึกหันไปถามน้าเก่งว่า เก่ง เก่ง นอนหรือ ยัง หลับไปหรือยัง ตะกี้เห็นอะไรไหม น้าเก่งก็หันมาตอบว่า "ยังไม่นอนพี่ แค่ง่วง หมามันหอนหนักเหลือเกิน แต่ตอนนี้มันเงียบไปแล้ว"
"อืมไม่มีอะไรหรอก" แม่ผมตอบ " นอนเถอะ กลัวหรือเปล่าล่ะ " "ไม่กลัวหรอกพี่ แล้วพี่ม่วยล่ะ กลัวไหม" น้าผมถาม
แม่ไม่ตอบหากแต่ในใจทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นจนแม่ผลอยหลับไป

จนรุ่งเช้า คุณตาของผม เอาข้าวเช้ามาให้แม่กินตามปกติ เพราะแม่ผมไม่ชอบกินข้าวของโรงพยาบาล แล้วบอกว่าพ่อผมยังไม่ได้กลับมาจากกรุงเทพ นะ แม่ก็เลย ถามสวนขึ้นว่า จะรอกลับพร้อมศพพ่อเหลิมเหรอ คุณตาของผมตกใจ พร้อมงุนงง ว่ารู้ได้อย่างไร แม่จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังตั้งแต่ต้น ว่าตาเหลิมมาได้อย่างไร และกลับไปยังไง หลังจากงานศพตาเหลิมผ่านไป แม่อาการดีขึ้น และได้กลับไปที่ รพ.พระมงกุฎอีกครั้ง เพื่อไปขอบคุณที่ฝาก ตาเหลิมไว้ในการดูแลของ น้องพี่ๆๆพยาบาลที่ รพ.พระมงกุฎ แม่ก็เลยเอ่ยถามว่า ใครเป็นคน อาบน้ำแล้วก็ห่อศพพ่อพี่จะขอบคุณเสียหน่อย น้าพยาบาลก็ใจดีรีบตอบว่า หนูเองพี่มีอะไรไม่เรียบร้อยหรือเปล่า อ๋อ ไม่มีไรหรอกจะขอบคุณ เอ่อ ถามหน่อยสิ วันนั้นพ่อพี่ใส่เสื้อสีอะไรเหรอวันที่เสีย เพราว่าที่ รพ.พระมงกุฎมีเสื้อหลายสี จำได้ไหม แม่ผมถาม อ่อ จำได้สิพี่ ใส่เสื้อสีเขียว เชือกผูกตรงคอมันขาดเลยผูกไม่ได้ หนูจำได้แม่นมากเลยพี่ มีไรหรือเปล่าค่ะ พยาบาลที่ ward ตอบ ตาเหลิม หลังจากวิญญาณออกจากร่างแล้วก็ มาหาแม่อย่างไม่ต้องสงสัย ลักษณะอาการรูปลักษณ์ที่เห็นก็เป็นรูปลักษณ์ก่อนที่เสียชีวิต ตาเหลิมคงมาด้วยความห่วง ที่แม่ไม่สบายหลังจากที่ดูแลตนเอง เลยมาเยี่ยมและมาเพื่อบอกลา ว่าไปแล้วไม่ต้องห่วงนะ รีบหายไวๆๆ

ตาเหลิมยังมาหาลูกหลานอีกหลายครั้งหลายครา บางครั้งก็มาเพียงมือ มาแหย่ลูกสาวคนเล็กเล่น พอน้าสาวเห็นก็สะบัดผ้ากลิ้งหลุนเข้าไปใต้เตียงพอเปิดไฟไปดูก็ไม่มีอะไร กระบี่นายร้อยของตาเหลิม หากไม่ใช่ลูกหลาน ก็ไม่มีใครกล้าหยิบจับ เคยมีเพื่อนของน้องชายลองดี เอากระบี่มาเล่น คืนนั้นนอนค้างที่บ้าน แทบไม่ได้นอนทั้งคืน มีคนเฝ้ามาดึงขาไม่ให้หลับให้นอนตลอดทั้งคืน จนเช้าต้องขอขมากันทีเดียว กระบี่นายร้อยเล่มนี้ผมก็เคยลองจับกับมือ หากแต่ก็ไม่เกิดอะไรที่แปลกประหลาด แล้วคุณล่ะ กล้าลองจับไหม
**********************************************
ลองเขียนครั้งแรกครับกับโครงการถนนสายนี้มีตะภาพ กม.15 กับประสบการณ์ที่ได้ยินจากปากคนที่เจอกับตนเอง จะจริงตามนั้นหรือเปล่ก็ไม่ทราบได้ หรือจะเป็นเพียงฝัน หรือเคลิ้มไปกับยา หรือความป่วยไข้ แต่สถานะการณ์หลายอย่างก็บอกได้แต่เพียงว่า คงต้องใช้วิจารณญาณในการพิสูจน์กันเองครับ
Create Date : 08 กันยายน 2553 |
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2553 16:47:37 น. |
|
25 comments
|
Counter : 1718 Pageviews. |
|
 |
|
รู้สึกถึงความห่วงใยผูกพันมากกว่า
ขอบคุณที่เขียนด้วยกันนะครับ
คราวหน้า ถ้าว่าง เชิญใหม่ครับ
วันที่ 23 นู่น